อากาศเย็น ร้อน ฝน ความชื้น ส่งผลต่อการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ายังไง?

หลายคนอาจเคยได้ยินมาว่าสภาพอากาศต่าง ๆ ไม่ว่าจะอากาศเย็น อากาศร้อน หรือฝนตก ล้วนส่งผลต่อการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า แต่ประเด็นนี้เชื่อได้แค่ไหน มีผลจริง ๆ มั้ย นับเป็นหนึ่งในเรื่องที่คนใช้รถไฟฟ้า EV ควรรู้ สภาพอากาศจะส่งผลต่อการชาร์จแบตรถไฟฟ้า EV หรือไม่ อย่างไร บทความนี้มีคำตอบ

• อากาศเย็น
• อากาศร้อน
• ฝนตก

อากาศเย็นส่งผลต่อรถยนต์ไฟฟ้ายังไง?

ในวันที่สภาพอากาศไม่เป็นใจ โดยเฉพาะอากาศเย็นจัดหรือหนาวจัด เช่น อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียสหรือ ติดลบ ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่รถยนต์จะลดลงทำให้เสียเวลาในการชาร์จแบตรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น รวมถึงระยะเวลาการวิ่งอาจน้อยลงถึง 25% เลย ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้ฮีทเตอร์ในรถพลังงานไฟฟ้าซึ่งต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่รถ 

สำหรับการใช้รถไฟฟ้าในไทย ไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้มากนัก เพราะแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจะทำงานได้ดีในอุณหภูมิระหว่าง 20 – 25 องศาเซลเซียส ซึ่งสภาพอากาศในหน้าหนาวของไทยในพื้นที่เมือง อุณภูมิมักไม่ต่ำมากนัก แถมยังอยู่ในช่วงที่แบตเตอรี่ทำงานได้ดีอีกด้วย

อากาศร้อนส่งผลต่อรถยนต์ไฟฟ้ายังไง?

มาถึงเรื่องที่คนไทยต้องกังวลจริง ๆ แล้ว เพราะหน้าร้อนของไทยอากาศค่อนข้างร้อนจัด จนกลายเป็นไวรัล เมืองไทยมี 3 ฤดู คือ ร้อน ร้อนมาก ร้อนที่สุด ผลของอากาศร้อนแบบนี้ก็ส่งผลต่อแบตรถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน 

รถยนต์ไฟฟ้าถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงมีระบบระบายความร้อนด้วย โดยแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนจะมีประสิทธิภาพการจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้ดีที่สุด ในอุณหภูมิประมาณ 22 ถึง 32 องศาเซลเซียส  

ทีนี้ปัญหาจะเกิดกับรถที่ระบบระบายความร้อนมีประสิทธิภาพดีไม่มากพอ อากาศร้อนที่อุณหภูมิเริ่มสูงกว่า 36 องศาเซลเซียสจะทำให้ระยะทางการวิ่งหดหายไปถึง 15% ทำให้ระยะทางที่วิ่งได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด 

สำหรับการชาร์จแบตรถไฟฟ้าแบบ DC ท่ามกลางอากาศร้อนจัด จะเร่งกระบวนการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ให้เร็วขึ้น ส่วนการชาร์จแบบ AC ช้ากว่าแม้จะปลอดภัยกว่า แต่ก็ต้องใช้เวลานานมาก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดในการชาร์จแบตคือ เลี่ยงการชาร์จในเวลาที่อากาศร้อนจัด อาจหาเวลาตอนกลางคืนเพื่อชาร์จรถ

ฝนตกส่งผลต่อรถยนต์ไฟฟ้ายังไง?

โดยทั่วไปแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในทุกสภาพอากาศ รวมไปถึงการใช้งานในขณะที่มีฝนตกด้วย แต่ยังมีความเป็นไปได้ที่รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังชาร์จแบตรถไฟฟ้าอยู่อาจมีความเสี่ยงเกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า เช่น น้ำฝนเข้าไปในช่องที่ชาร์จรถไฟฟ้า หรือสายไฟรั่วไหล แต่รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีระบบป้องกันที่ดีมาก มีการรับประกันฉนวนไฟฟ้า และมีเซ็นเซอร์ตรวจจับไฟฟ้ารั่วและระบบป้องกันการลัดวงจรลงดิน 

อย่างไรก็ตาม การเลือกสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่มีหลังคา เตรียมผ้า หรือวัสดุที่ใช้เช็ดเตรียมเอาไว้ก่อน เพื่อใช้สำหรับทำความสะอาดอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าก่อนใช้งาน จะดีกว่า รวมถึงหลีกเลี่ยงการชาร์จในสภาพอากาศที่รุนแรง (ฝนตกหนัก)

การให้ความสำคัญในประเด็นเรื่องชาร์จแบตรถไฟฟ้า ในวันที่สภาพอากาศไม่เป็นใจถือว่ามีความสำคัญ และจำเป็นมาก ๆ สำหรับคนที่ใช้งานรถไฟฟ้า EV แต่มีอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามด้วยเช่นกัน นั่นก็คือการซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้าติดรถเอาไว้ โดยเฉพาะคนที่ขับรถทางไกลบ่อย ๆ ที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ง่าย ยิ่งมีเทคนิคการขับรถทางไกลที่ดี ควบคู่กับการมีประกันที่ตอบโจทย์ ก็ยิ่งช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้ตลอดการเดินทางแล้ว ถ้าไม่รู้ว่าจะต้องเลือกยังไง เข้ามาเปรียบเทียบและเช็คแผนความคุ้มครองกับรู้ใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง

แม้หลายคนจะพูดกันขำ ๆ ว่าประเทศไทยมีแค่ฤดูเดียวคือฤดูร้อน แต่บางพื้นที่สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวน หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่มีรถยนต์ไฟฟ้า หรือขับรถไฟฟ้าทางไกลบ่อย ๆ การทำความเข้าใจวิธีชาร์จแบตรถไฟฟ้า ในวันที่อากาศเย็น-ร้อนจัด หรือในวันที่ฝนตกเอาไว้ ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ควรทำมาก ๆ เพราะนอกจากจะช่วยเซฟรถคู่ใจแล้ว ยังช่วยเซฟความปลอดภัยของตัวคุณได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย 

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)

คำจำกัดความ

เขียนโดย

ณัฐยา ปัดภัย

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม