
ใช่ว่าอากาศร้อนจะทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิด อึดอัด และไม่สบายตัวเพียงอย่างเดียว แบตเตอรี่รถของคุณก็รู้สึกไม่ต่างกัน ยิ่งเมืองไทยที่มีแดดร้อนและอากาศอบอ้าวนานกว่าฤดูกาลอื่น ยิ่งไม่ควรมองข้ามการดูแลเอาใจใส่แบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บสำรองไฟฟ้าเพื่อเสริมการทำงานของไดชาร์จ (แหล่งผลิตไฟฟ้าตัวจริง) ทั้งยังเป็นกำลังเสริมในการส่งพลังงานไฟฟ้าให้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในรถยนต์ ซึ่งคงไม่ดีแน่ๆ หากแบตเตอรี่เกิดอาการอ่อนเพลียจากสภาพอากาศร้อนจัด เพราะอาจส่งผลให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น เรามี 5 วิธีรับมือและป้องกันอาการแบตเตอรี่ร้อน เพื่อยืดอายุการใช้งาน และช่วยให้รถของคุณขับขี่ปลอดภัยพร้อมลุยในทุกเส้นทางได้อย่างมั่นใจ
1. แบตเตอรี่บวมเพราะอากาศร้อน

เมื่อสภาพอากาศร้อนจัดบวกกับการระบายความร้อนของรถยนต์ไม่ดีพอ ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติจนเกิดอาการบวมจนสังเกตได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ระบุว่า 90% ของอาการรถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพและบวม มักพบบ่อยในแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่นที่ต้องการการดูแลมากกว่าแบบแห้ง ดังนั้นคุณจึงควรตรวจเช็คแบตเตอรี่ในวันที่อากาศร้อนจัด และควรหมั่นตรวจเช็คน้ำกลั่นสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยระดับน้ำไม่ควรต่ำกว่าขีดที่กำหนดและไม่เติมจนสูงเกินไป จะทำให้ขั้วแบตเตอรี่สกปรกจากคราบเกลือได้เร็วยิ่งขึ้น
2. เลือกขนาดแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับรถยนต์

วิธีการเลือกง่าย ๆ เบื้องต้นก็คือ ขนาดของแบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาพร้อมรถยนต์ของคุณ คือค่ามาตรฐานต่ำสุดที่คุณควรเลือกใช้เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ และไม่ควรลดขนาดความจุ (AH) ให้ต่ำกว่าเดิมเป็นอันขาด เพราะจะเพิ่มภาระให้แบตเตอรี่ทำงานหนักขึ้น โดยพาะรถที่ติดชุดเครื่องเสียงครบครันยิ่งใช้ไฟมากขึ้น การเลือกใช้แบตเตอรี่ความจุเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นจะช่วยลดภาระในการทำงานของแบตเตอรี่ได้ดียิ่งขึ้น
3. หลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดตลอดทั้งวัน

แม้การจอดรถตากแดดจะมีข้อดีเรื่องการขจัดกลิ่นอับหรือฆ่าเชื้อโรคภายในรถยนต์ได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่สำหรับฤดูร้อน เพราะทำให้เกิดความร้อนสะสมภายในรถยนต์ ซึ่งสามารถทำลายแบตเตอรี่ให้เสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน และเปิดหน้าต่างทิ้งไว้เล็กน้อย (พอให้ระบายอากาศ) ใช้ม่านบังแดด หรือผ้าคลุมรถที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อช่วยในการปกป้องรังสียูวีในแสงแดด
4. ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ให้อยู่ในสภาพดี

เพื่อป้องกันอันตรายจากแบตเตอรี่รั่วเพราะขั้วหลวม ซึ่งคงไม่ดีคูณสองเมื่อต้องเจอกับสภาพอากาศร้อนระอุ ทางที่ดีควรตรวจเช็คขั้วแบตฯ ให้กระชับแต่ไม่แน่นเกินไป โดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่มีโครงเหล็กครอบ เพราะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่บวมและแตกร้าวง่ายขึ้น
5. เปิดฝากระโปรงทุกครั้งเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง

เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยระบายความร้อนภายในห้องเครื่องได้อย่างดี เพียงแค่กลับถึงบ้านหรือเมื่อถึงจุดหมายปลายแล้วเปิดฝากระโปรงรถ รวมถึงหากขับรถทางไกลควรแวะพักในระหว่างทาง เพื่อพักเครื่องยนต์และระบายความร้อน พร้อมช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ทนนานยิ่งขึ้น