ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฝนตก รถติด เหมือนเป็นแพ็กคู่ของคู่กันมาแต่ไหนแต่ไร ฝนตกถนนจะโล่งไม่เคยมี หากวันไหนฝนตกหนักมากบอกเลยว่า “ติดแหง็ก” บนถนนกันยาว ๆ คำถามก็คือ ทำไมฝนตกแล้วรถติดตลอด? รู้ใจรวบรวมเหตุปัจจัยในเรื่องนี้มาเป็นคำตอบให้ รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ ที่คนใช้รถตอนฝนตกหรือรถติดต้องรู้ ตามไปดูกันเลย
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- ทำไมทุกครั้งที่ฝนตก รถติดหนักตลอด?
- รถติดหนักมาก แก้เบื่อยังไงดี?
- วิธีขับรถเมื่อฝนตกหนักมาก มีอะไรบ้าง?
ทำไมทุกครั้งที่ฝนตก รถติดหนักตลอด?
สำหรับความสงสัยที่ว่าทำไมเวลาที่ฝนตกหรือแม้จะตกเพียงเล็กน้อยก็ตามแต่ ไม่ถึงกับฝนตกหนักมาก แต่สามารถทำให้สภาพการจราจรกลายเป็น “อัมพาต” ภายในชั่วพริบตา รู้ใจได้รวบรวมข้อสรุปมาให้แล้ว โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้
1. ถนนมีน้ำท่วมขัง
ในบางพื้นที่ที่มีฝนตกลงมาปริมาณมาก อาจเกิดน้ำท่วมขังได้ ทำให้รถยนต์ที่สัญจรในเส้นทางดังกล่าวต้องลดความเร็วลง แถมบางช่องทางยังต้องปิด เนื่องจากน้ำท่วมขังสูงจนรถไม่สามารถผ่านไปได้ แน่นอนว่าเมื่อช่องเดินรถลดลง ก็ยิ่งทำให้รถติดตามไปด้วย
2. ใช้ความเร็วได้ลดลง
หากฝนตกรถติดเป็นของคู่กันฉันใด “ฝนตกถนนลื่น” ก็เป็นของคู่กันฉันนั้น บวกกับทัศนียภาพในการมองเห็นก็ลดลง รถยนต์หลายคนจึงเลือกที่จะชะลอความเร็วลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยความเร็วที่เหมาะสมในช่วงที่ฝนตก หรือฝนตกหนักมากอยู่ที่ 40-70 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับความแรงของฝน)
3. ปริมาณรถที่เพิ่มขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสฝนตกหรือฝนเริ่มลงเม็ด โดยเฉพาะเวลาหลังเลิกงาน จะมีปริมาณรถยนต์บนท้องถนนที่เพิ่มขึ้น เพราะทุกคนต่างรีบกลับบ้าน ทำให้สภาพจราจรในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดการติดขัดในหลาย ๆ เส้นทาง
4. เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
นอกจากฝนตกจะทำให้จราจรติดขัดแล้ว ฝนตกถนนลื่นเสี่ยงอุบัติเหตุได้ง่ายมาก ๆ เนื่องจาก “ถนนลื่น” แถมการมองเห็นหรือทัศนวิสัยในการขับขี่ก็น้อยลง ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชน รถตกข้างทาง หรืออื่น ๆ ได้ง่ายกว่าสภาพอากาศปกติ และเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว การเคลื่อนย้ายรถก็ทำได้อย่างยากลำบาก ส่งผลให้รถที่ตามมาเกิดการติดขัดเป็นวงกว้าง
รถติดหนักมาก แก้เบื่อยังไงดี?
บางครั้งถึงเช็คสภาพอากาศแล้วฝนไม่ตกก็ยังเลี่ยงรถติดไม่ได้ ต้องยอมรับว่าสภาพการจราจรที่เป็นอัมพาต สร้างความเบื่อหน่ายได้ดีสุด ๆ จะไปไหนก็ไม่ได้ ต้องติดอยู่บนรถเป็นเวลานาน ๆ แต่ความรู้สึกลบ ๆ แบบนั้นจะหมดไป เพราะรู้ใจได้ลิสต์วิธีแก้เบื่อเมื่อจราจรติดขัด ดังนี้
- เล่นโซเชียล หรือชอปปิ้งออนไลน์ – ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตข่าวสาร ดูสื่อบันเทิงต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งช้อปปิ้งออนไลน์ ช่วยลดความเครียดหรือความเบื่อหน่ายดี แถมยังเพิ่มความสุขได้อีกด้วย
- อ่านหนังสือหรืออีบุ๊ก – ในช่วงที่สภาพจราจรไม่เป็นใจ หนีรถติดไปไหนไม่ได้ การหยิบหนังสือหรืออีบุ๊กที่อ่านค้างไว้มาอ่านต่อ หรือหากใครอ่านแล้วเวียนหัว การเลือกฟัง audio book เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สะดวกและง่าย สำคัญคือไม่เสียสมาธิในการขับรถอีกด้วย
- ฟังเพลงหรือร้องเพลง – การฟังเพลงหรือร้องเพลง ถือเป็นวิธีแก้เบื่อที่เห็นผลมากที่สุด เพราะช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย แถมยังช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อได้ด้วย
วิธีขับรถเมื่อฝนตกหนักมาก มีอะไรบ้าง?
แม้จะเช็คสภาพอากาศมาแล้ว แต่ก็ยังเลี่ยงรถติดเนื่องจากฝนตกไม่ได้ และไม่อยากเสี่ยงกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะ “ถนนลื่น” รู้ใจมีวิธีขับรถเมื่อฝนตกหนักมากมาบอกต่อ เพื่อให้คุณเกิดความอุ่นใจตลอดเส้นทาง จะมีวิธีอะไรบ้าง? ตามไปดูกันเลยดีกว่า
1. ลดความเร็วลง
ในช่วง 10 นาทีแรกที่ฝนตก ถือเป็น “จุดเสี่ยง” ที่ทำให้รถเกิดการไถลได้ง่ายมาก ๆ เนื่องจากน้ำฝนตกลงมาผสมกับคราบดิน คราบฝุ่นที่ติดอยู่บนพื้นถนน ทำให้พื้นถนนคล้ายโคลน จนรถอาจไถลไปชนกับคันข้างหน้าได้ ดังนั้นจึงควรลดความเร็วลง ซึ่งระดับความเร็วของรถที่ใช้ ควรอยู่ที่ไม่เกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น
2. ฝนตกปุ๊บ เปิดใบปัดน้ำฝนปั๊บ
ทันทีที่ฝนตกจะทำให้ทัศนียภาพ และความสามารถในการมองเห็นลดลง เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติ ดังนั้นแนะนำให้เปิดใช้งานใบปัดน้ำฝนทันทีที่ฝนตก แบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงไปได้ในระดับหนึ่งเลยล่ะ
3. เปิดไฟหน้า-ไฟหลังรถ
ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาฝนตกหนักมาก หรือมีโอกาสฝนตก สิ่งที่เหมือนกันคือ “ท้องฟ้ามักจะมืดครึ้ม” ทางที่ดีแนะนำให้เปิดทั้งไฟหน้าและไฟหลัง รวมถึงดูสัญญาณไฟรถยนต์ที่รถคันข้างหน้ากำลังบอกคุณ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น
4. เว้นระยะห่างจากคันข้างหน้า
ขอย้ำอีกครั้งว่านอกจากฝนตกจะทำให้รถติดแล้ว ยังทำให้ถนนลื่นมาก ๆ เพราะฉะนั้นควรเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้ามากกว่าปกติ ประมาณ 10-15 เมตร เป็นระยะที่ถือว่าเหมาะสม ไม่มากเกินไปสำหรับวันที่ฝนตกหนักมาก
5. ห้ามเหยียบเบรคเต็มแรง
ในวันที่ฝนตก รถติดสิ่งที่ไม่ควรทำมาก ๆ คือ “เหยียบเบรคเต็มแรง” เพราะนอกจากจะไม่ทำให้รถยนต์ของคุณหยุดในทันทีแล้ว ยังเพิ่มโอกาสรถพลิกคว่ำ หรือรถตกข้างทางได้ง่ายกว่าปกติมาก ๆ
สิ่งที่ควรทำเมื่อรถเหินน้ำหรือรถลื่นไถล คือ ตั้งสติ พร้อมกับถอนคันเร่ง จากนั้นควบคุมพวงมาลัยให้มั่นคง แล้วพยายามลดความเร็วด้วยการใช้เกียร์ต่ำจนกว่ารถจะทรงตัวได้ จึงค่อยเหยียบเบรคเพื่อหยุดรถ
แม้ว่าการขับรถยนต์ในวันที่ฝนตก จะน่าเบื่อมากเพียงใดก็ตาม แต่ไม่ควรฝ่าฝืนวินัยจราจรเด็ดขาด โดยเฉพาะการขับรถเร็วเกินกำหนด เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย หากหนีรถติดหรือเลี่ยงรถติดไม่ทัน เพราะลืมตรวจสภาพอากาศ แนะนำให้หากิจกรรมทำระหว่างรถติด เพียงเท่านี้จะช่วยลดความรู้สึกไม่ดี แถมยังลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่งแล้ว
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)
คำจำกัดความ
เกียร์ต่ำ | การใช้เกียร์ที่ทำให้เครื่องยนต์มีรอบความถี่สูง แต่ความเร็วของรถต่ำ ซึ่งมักใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการแรงฉุดดึงสูง เช่น การขับขึ้นหรือลงเขา หรือทางลาดชัน เพื่อช่วยควบคุมรถและลดการใช้เบรค ในรถยนต์เกียร์ธรรมดา เกียร์ต่ำคือเกียร์ 1 และ 2 สำหรับรถยนต์เกียร์ออโต้ เกียร์ต่ำในแต่ละรุ่นจะต่างกัน สามารถดูได้จากเกียร์ที่อยู่ต่ำกว่าเกียร์ D เช่น D1, 1 และ L |
สภาพการจราจรที่เป็นอัมพาต | สถานการณ์ที่การจราจรเคลื่อนที่ได้ช้ามากหรือหยุดนิ่งเป็นเวลานาน |
เหินน้ำ | การไถลบนพื้นเปียก, อาการลอยตัวของหน้ายางไม่สัมผัสกับพื้นถนน หรือไม่กดลงพื้นถนน เนื่องจากมีน้ำเป็นฟิล์มกั้นกลาง มีผลทำให้รถลื่นไถลเสียการทรงตัว |