การขับรถในเมืองใหญ่โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งมอเตอร์เวย์รวมถึงทางด่วนต่าง ๆ ซึ่งเราหลีกเลี่ยงการใช้งานไม่ได้ เชื่อว่าหลายคนคงทำ Easy Pass ไว้เพื่อความสะดวกในการใช้งานเส้นทางต่าง ๆ แต่แล้วเมื่อมีการเกิดขึ้นของ Easy Pass Plus ทางเลือกที่ช่วยให้การจ่ายเงินให้รวดเร็ว ทันใจ แถมยังได้รับบริการช่วยเหลืออื่น ๆ อีกด้วย
- Easy Pass คืออะไร?
- Easy Pass Plus คืออะไร?
- Easy Pass Plus ดีกว่ายังไง?
- 6 ขั้นตอนสมัครEasy Pass Plus
- สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเมื่อสมัคร Easy Pass Plus
- รู้มั้ย? ค่าทางด่วนจะถูกนำไปใช้ยังไงบ้าง
วันนี้รู้ใจจะมาไขข้อข้องใจว่า Easy Pass และ Easy Pass Plus ต่างกันอย่างไร วิธีสมัครEasy Pass Plus สมัครแล้วมีสิทธิพิเศษหรือมีข้อดียังไง เกี่ยวข้องกับระบบ M-flow ยังไง รวมถึงค่าทางด่วนที่เราจ่ายไปช่วยอะไรเราได้บ้างในยามฉุกเฉิน มาเรียนรู้ไปพร้อมกัน ด้านล่างนี้เลย
Easy Pass คืออะไร?
สำหรับระบบ Easy Pass เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการใช้บริการจ่ายค่าผ่านทางพิเศษ ซึ่งแต่เดิมปัญหาที่มักเกิดขึ้นคือ การมีเงินไม่พอหรือการที่ต้องรอเงินทอน ดังนั้นเพื่อความสะดวกรวดเร็วในเรื่องค่าผ่านทางจึงมีการคิดระบบการจัดการที่เรียกว่า “Easy Pass” ขึ้นมา ปัจจุบันมีรูปแบบการทำงานผ่านแอปพลิเคชั่น ใช้งานร่วมกับระบบ M-Flow ตอบโจทย์ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่รักความทันสมัยและความรวดเร็ว มีเป้าหมายคือ ลดระยะเวลารถที่ชะลอที่ด่านเก็บค่าผ่านทางหลวงแต่ละแห่ง
Easy Pass Plus คืออะไร?
หากคุณคิดว่า Easy Pass มีความรวดเร็วมากขึ้นแล้ว การอัปเกรดระบบการจัดการให้เป็น Easy Pass Plus จะตอบสนองทุกการใช้งานได้เหนือกว่า ความพิเศษคือเพียงแค่โหลดแอปมา ปรับปรุงข้อมูลส่วนตัว ก็สามารถใช้งานได้เลย หลัก ๆ คือการลดทอนขั้นตอนการสมัครสมาชิกของ M-Flow ออกไป อ้างอิงข้อมูลจากสมาชิก Easy Pass เดิม หรืออธิบายง่าย ๆ ก็คือ สมาชิก Easy Pass Plus จะสามารถวิ่งผ่านช่อง M-Flow ได้เลย โดยระบบจะตัดเงินผ่านบัญชีของบัตร Easy Pass ทันที โดยไม่ต้องสมัครเป็นสมาชิก M-Flow ใหม่อีกรอบ
Easy Pass Plus ดีกว่ายังไง?
สำหรับความพิเศษที่คุณจะได้รับในการใช้บริการ Easy Pass Plus คือการลดขั้นตอนที่ยุ่งยากในการใช้งานที่เคยเป็นปัญหาสำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรในครั้งแรก ซึ่งในเวลานี้คุณสามารถเชื่อมโยงและทำการชำระค่าบริการผ่านทางระบบ Easy Pass Plus ทำให้มีช่องทางสำหรับการชำระเงินได้มากขึ้น เพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณได้มากขึ้นนั่นเอง
6 ขั้นตอนสมัครEasy Pass Plus
ในปัจจุบันนี้คุณสามารถลงทะเบียน Easy Pass Plus ได้ในทันที โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน EXAT Portal หรือเข้าไปสมัครสมาชิกผ่านเว็บไซต์ของ Easy Pass
- กรอกรายละเอียดชื่อ-นามสกุล / เลขบัตรประชาชน / ที่อยู่ / หมายเลขโทรศัพท์มือถือ สำหรับการลงทะเบียน
- ใส่หมายเลขบัตร OBU หรือเลขสมาร์ตการ์ด (S/N) ที่ใช้เติมเงินสำรองค่าผ่านทาง
- ระบุอีเมลและหมายเลขทะเบียนรถที่จะใช้งาน
- เลือกรายการบัตร Easy Pass สำหรับการใช้งาน M-Flow
- จากนั้นทำการยืนยันตัวกับการสมัคร Easy Pass Plus พร้อมให้ความยินยอมการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ทางระบบจะส่งหมายเลข OTP มาให้จากนั้นทำการยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP จากหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนในระบบ คุณจะได้รับข้อความจากระบบจะแจ้งสถานะการสมัคร ถือว่าขั้นตอนการสมัครการใช้งาน Easy Pass Plus เสร็จเรียบร้อยแล้ว
นับว่าเป็นการลดขั้นตอนที่ยุ่งยากในการสมัครในรูปแบบแรกที่เจ้าของรถต้องไปแจ้งความจำนงขอการใช้งานกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) การลงทะเบียนผ่านทางระบบออนไลน์สามารถช่วยให้คุณทำงานได้อย่างรวดเร็วและลดข้อจำกัดในการสมัครสมาชิกไปได้มาก
สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเมื่อสมัคร Easy Pass Plus
ในปัจจุบัน ทางการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ต้องการให้มีผู้เข้ามาใช้งานระบบ Easy Pass Plus ให้มากขึ้น จึงได้มอบสิทธิประโยชน์ในการใช้งานเป็นการมอบส่วนลดค่าผ่านทางให้ ดังต่อไปนี้
- รถ 4 ล้อ อัตราค่าผ่านทางพิเศษปกติ 40 บาท ปรับลดเหลือ 30 บาท
- รถ 6-10 ล้อ อัตราค่าผ่านทางพิเศษปกติ 60 บาท ปรับลดเหลือ 50 บาท
- รถมากกว่า 10 ล้อ อัตราค่าผ่านทางพิเศษปกติ 80 บาท ปรับลดเหลือ 70 บาท
โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลา และตามรูปแบบของเส้นทาง ดังต่อไปนี้
- ช่วงเวลาสำหรับการลดราคาระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2566 ให้ส่วนลดค่าผ่านทางพิเศษ 10 บาทต่อเที่ยว สำหรับรถที่ใช้เงินสดและรถที่ใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติด้วยบัตร โดยได้ส่วนลดเท่ากันทั้งหมด โดยให้ส่วนลดในเส้นทางพิเศษฉลองรัชที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษพระราม 9-1 (ฉลองรัช)
- ช่วงเวลาสำหรับการลดราคาระยะที่ 2 เริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2566 ให้ส่วนลดค่าผ่านทางพิเศษ 10 บาทต่อเที่ยว สำหรับรถที่ใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติด้วยบัตร Easy Pass เท่านั้น โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ใช้รถทุกคนหันมาใช้บัตร Easy Pass ในการจ่ายค่าผ่านทางเพิ่มขึ้น และเป็นการสร้างสังคมไร้เงินสดในอีกรูปแบบหนึ่ง
รู้มั้ย? ค่าทางด่วนจะถูกนำไปใช้ยังไงบ้าง
เมื่อคุณเลือกใช้บริการทางหลวงพิเศษ สำหรับเงินค่าธรรมเนียมที่ใช้จ่ายไปนั้น จะถูกนำมาปรับปรุง พัฒนา และดูแลเส้นทางให้สมบูรณ์พร้อมต่อการใช้งาน และที่สำคัญการทางพิเศษได้นำงบประมาณส่วนนี้ไปจัดทำระบบให้ความช่วยเหลือผู้ขับขี่ตลอดเส้นทาง มีรูปแบบการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
การบริการกู้ภัยและรถยก
ความช่วยเหลือจากการจ่ายค่าทางด่วน การทางพิเศษนำงบประมาณส่วนนี้ไปจัดการระบบการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินหากเกิดเหตุความเสียหายกับรถของผู้ขับขี่บนเส้นทางพิเศษเหล่านี้ เริ่มตั้งแต่จุดติดตั้งโทรศัพท์ฉุกเฉินเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่สำหรับการเข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยเร็ว โทรศัพท์ฉุกเฉิน (ETS) จะทำการติดตั้งบนทางพิเศษทุกระยะ 1 กิโลเมตร
นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่ในการซ่อมแซมรถในเบื้องต้นเพื่อช่วยให้รถของคุณสามารถใช้งานได้ แต่ถ้าหากรถคันนั้นเกิดความเสียหายหนักจนไม่อาจขับต่อไปได้ การทางพิเศษจะได้จัดเตรียมรถลากจูงที่จะนำรถออกจากพื้นที่เพื่อดำเนินการสำหรับการซ่อมแซมในลำดับถัดไป
ป้ายบอกสถานการณ์การขับขี่
อีกหนึ่งรูปแบบการให้บริการที่มาจากการชำระค่าทางด่วนของผู้ขับขี่ทุกคน นั่นคือระบบป้ายจราจรอัจฉริยะ (MS) ที่เป็นตัวบอกสถานการณ์ ความเคลื่อนไหว สำหรับการใช้ถนนในเส้นทางต่าง ๆ รวมถึง ป้ายสัญญาณแสดงสัญญาณจราจรเพื่อเตือนผู้ใช้บริการทางพิเศษ เช่น กำหนดความเร็วบนทางพิเศษในกรณีฝนตกหรือการกำหนดทิศทางจราจร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทางให้ได้มากที่สุด จึงถือว่าเป็นผลลัพธ์จากการร่วมจ่ายค่าทางด่วนของทุกคนนั่นเอง
เวลาผ่าน นวัตกรรมใหม่ ๆ ในการใช้งานรอบตัวคุณก็เปลี่ยนไป ให้มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องปรับตัวตาม การมาของ Easy Pass Plus คือการยกระดับรูปแบบการให้บริการด้านการชำระค่าผ่านทางให้มีความรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งเป็นการสนับสนุนและจัดเตรียมความช่วยเหลือจากการทางพิเศษในการดูแลผู้ขับขี่ทุกคน
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)