หลังล็อกดาวน์ หลายคนที่เคยขับรถไปทำงานกันทุกวันคงรู้สึกแปลก ๆ หลังจากห่างหายจากการขับรถไปนาน… เมื่อต้องมานั่งหลังพวงมาลัยอีกครั้ง รู้สึกยังไงกันบ้าง? มีอะไรแปลกไปบ้างมั้ย? หรือเวลาที่ขับรถออกมาลงถนนเป็นครั้งแรก รู้สึกบ้างมั้ยว่าการใช้รถใช้ถนนของคนไทยมีอะไรเปลี่ยนไป ถ้าใครยังมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง รู้ใจมีข้อสังเกตดี ๆ มาเล่าให้ฟังกัน
การใช้รถใช้ถนนและสภาพการจราจรก่อนล็อกดาวน์
ก่อนเกิดโรคระบาดโควิด19 มีใครยังจำได้บ้างว่าตอนนั้นใช้ชีวิตกันยังไง แน่นอนว่าต้องสะดวกสบายกว่ายุค New normal นี้ การใช้รถใช้ถนนก็เช่นเดียวกัน ก่อนหน้าที่จะมีเรื่องโควิด19 คนนิยมใช้รถกันมากอยู่แล้ว ทำให้สภาพการจราจรติดกันทุกเช้า ต้องออกจากบ้านกันแต่เช้าเพื่อจะไปให้ถึงที่ทำงานทันเวลา
สำหรับใครที่ไม่มีรถ ก็ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งชาวกรุงเทพส่วนใหญ่พอใจที่จะใช้รถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินมากกว่าจะใช้รถเมล์ เพราะการใช้รถเมล์นอกจากจะแออัดแล้วยังต้องเผชิญรถติด ดังนั้นคนที่มีทางเลือกจึงไม่เลือกรถเมล์ แต่ยังมีบางคนที่ต้องการความเร่งรีบมาก ก็จะใช้บริการของมอเตอร์ไซค์รับจ้างซึ่งพึ่งพาได้ในเวลาเร่งด่วน นี่คือบรรยากาศการใช้รถใช้ถนนของคนกรุงเทพในช่วงก่อนโควิด19 ซึ่งทุกอย่างยังเป็นเรื่องปกติ จนเมื่อมีการล็อกดาวน์ หลายคนจะต้องเตรียมรับกับความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสภาพการจราจรและการใช้รถใช้ถนน
• รถจะเพิ่มมากขึ้น
ก่อนหน้านี้เคยมีการรณรงค์ให้ทางเดียวกันไปด้วยกัน เพื่อลดปัญหาสภาพการจราจรที่ติดขัด การรวมตัวกันนั่งรถคันเดียว จึงเป็นทางออกที่ดีในยุคก่อนโควิด19 แต่สิ่งนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หลังยุคโควิด19 แน่นอน เพราะในรถจะมีสภาพอากาศแบบปิด คนที่อยู่ในรถจะแชร์อากาศหายใจกัน ทำให้เสี่ยงติดเชื้อไวรัสหากใครสักคนเกิดมีเชื้อ
ในเมื่อไม่สามารถแชร์รถกันได้ ทุกคนจึงต้องเดินทางด้วย “รถของตัวเอง” มันจึงเป็นไปได้ว่าถ้าเมื่อก่อนนั่งรถกันมาสี่คนในรถคันเดียว ถ้าตอนนี้แยกกันมา ก็จะแปลว่ามีโอกาสที่ปริมาณรถจะเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่า ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คือ รถจะติดมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง
• ใช้ระบบขนส่งสาธารณะน้อยลง
แน่นอนว่าปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 จะยังไม่หายไปง่าย ๆ เชื้อโรคจะมีการกลายพันธุ์และแพร่ระบาดได้อีกหลายระลอก การขึ้นไปเบียดเสียดกันบนรถเมล์ การอยู่ในรถไฟฟ้าที่อากาศเป็นระบบปิด ย่อมทำให้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด19 หลายคนที่ไม่มีทางเลือก ก็คงจำเป็นจะต้องทนใช้บริการของระบบขนส่งสาธารณะเหล่านี้ แต่สำหรับคนที่มีทางเลือกและไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงก็มีโอกาสที่จะขยับไปซื้อรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์มาขับขี่กันมากกว่า
• ทำความสะอาดรถถี่กว่าเดิม
ความสะอาดของรถสำหรับบางคนแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมายนัก แค่ล้างดูดฝุ่นนิดหน่อยก็พอได้แล้ว แต่ในยุค New normal เราไม่มีทางรู้เลยว่าเพื่อนร่วมทางที่เรารับขึ้นรถ หรือตัวเราเองที่ไปใกล้ชิดใครมาจะเอาเชื้อโรคมาติดในรถหรือเปล่า แล้วถ้ามีเชื้อโรคปนเปื้อนก็จะทำให้ครอบครัวของเราอยู่ในอันตราย แน่นอนว่าทุกคนจะต้องพกพาสเปรย์ฆ่าเชื้อเมื่อทำความสะอาดรถทุกครั้งที่มีใครเข้าออก แม้แต่ตัวเจ้าของรถเอง และถึงแม้จะใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคแล้ว การเอารถไปทำความสะอาดที่ร้าน อบโอโซน หรือฆ่าเชื้อด้วยวิธีต่าง ๆ ก็อาจจะเป็นกิจกรรมใหม่ที่เราต้องเริ่มทำเป็นประจำนับจากนี้ก็ได้
• ความผิดปกติของรถ
การล็อกดาวน์ทำให้เราจอดรถไว้เฉย ๆ ไมได้ไปไหนเป็นเวลาหลายเดือน พอถึงช่วงคลายล็อกดาวน์ เราควรจะเช็กความพร้อมของรถ ดูว่ารถมีความผิดปกติตรงไหนบ้าง เพราะรถที่จอดนาน ๆ ย่อมจะมีปัญหา ไม่ว่าจะน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันเบรก คุณควรจะตรวจตราหรือเปลี่ยนไปเลยให้เรียบร้อย จะได้ยืดอายุการใช้งานของรถและไม่ต้องปวดหัวทีหลังถ้ามันไปเกิดอาการกลางถนน
• น้ำมันแพงขึ้น
เป็นที่น่าสังเกตว่าทำไมการล็อกดาวน์ช่วงแรก ราคาน้ำมันลดลงอย่างฮวบฮาบ น้ำมัน E20 ลดลงไปจนเกือบเหลือลิตรละ 20 บาท นั่นเป็นเพราะช่วงแรกนั้นรัฐบาลยังตระหนกว่าการล็อกดาวน์จะทำให้คนมีรายได้น้อยจึงมีการช่วยค่าใช้จ่ายด้วยการลดราคาน้ำมัน แต่การล็อกดาวน์ครั้งที่สองรัฐบาลไม่ได้มีการช่วยเหลือเรื่องราคาน้ำมัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปถึงเกือบ 8 บาท และเมื่อปลดล็อกดาวน์ราคาน้ำมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะลง นั่นหมายความว่ามีการเก็บภาษีน้ำมันเอาไปอุดหนุนเงินที่เคยเสียไปตอนล็อกดาวน์รอบแรก เป็นไปได้ว่าราคาน้ำมันจะยังราคาสูงไปอีกสักพักจากปริมาณความต้องการมากขึ้น คงต้องทนกันไปอีกสักพักให้การผลิตน้ำมันกลับสู่สมดุล ราคาอาจจะลดลงแต่คงไม่ลดลงไปเหมือนช่วงล็อกดาวน์รอบแรกอีกแล้ว
• รถพลังงานไฟฟ้าเริ่มได้รับความนิยม
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ทำให้การผลิตต่าง ๆ มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ราคาน้ำมันที่สูงทำให้ประเทศต่าง ๆ ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งตอนนี้เทคโนโลยีเกี่ยวกับรถพลังงานไฟฟ้าพัฒนามาจนทำให้ราคารถไม่สูงจนเกินไปแล้ว เราจะเริ่มเห็นว่าในตลาดรถบ้านเราเริ่มมีรถพลังงานไฟฟ้าออกมาขายกันบ้างแล้ว และภาคก็เริ่มส่งเสริมด้วยการเปิดให้มีสถานีจ่ายไฟฟ้าในปั๊มน้ำมันมากขึ้น เมื่อความต้องการใช้รถในปัจจุบันมากขึ้น แต่สถานการณ์ค่าน้ำมันไม่ลดลง เป็นไปได้ว่าคนจะหันไปใช้รถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น
• การเพิ่มขึ้นของไรเดอร์และรถขนส่งพัสดุ
ในช่วงล็อกดาวน์มีคนหันมาทำอาชีพไรเดอร์ส่งอาหารและพัสดุกันมากขึ้น เรียกได้ว่าเต็มถนนกันเลยทีเดียว แต่เมื่อมีการคลายล็อกดาวน์ คนสามารถไปทานในร้านอาหารได้แล้ว จะทำให้ไรเดอร์ลดลงหรือเปล่านั้น ก็ต้องมองไปที่สาเหตุเพราะถึงแม้จะมีการคลายล็อกดาวน์แต่สถานการณ์โรคระบาดไม่ได้ลดลง แต่ผู้คนยังต้องอยู่กับโรคระบาดไปให้ได้ ด้วยวิถีชีวิตแบบ New normal ดังนั้นการสั่งอาหารมากินที่บ้านและสั่งสินค้าออนไลน์จะยังคงอยู่ และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง บนถนนรถในธุรกิจขนส่งอาหารและสินค้าจะเข้ามาแทนรถขนส่งผู้โดยสารอย่างแน่นอน
• การขาดไปของรถแท็กซี่
เราอาจจะเคยเห็นข่าวว่าช่วงล็อกดาวน์ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ไปต่อไม่ไหวมีรถแท็กซี่จอดทิ้งจำนวนมาก ทำให้รถแท็กซี่หายไปจากถนนมากกว่า 70% และเมื่อมีการคลายล็อกดาวน์ รถแท็กซี่ที่ขาดหายไปก็อาจจะไม่ได้กลับมา อาจจะเพราะรถเสียหายไปหมดแล้ว หรือการใช้รถสาธารณะในภาวะโรคระบาดยังเป็นที่สงสัยในความปลอดภัย และนโยบายที่จะให้แอปพลิเคชั่นรับส่งผู้โดยสารด้วยรถส่วนตัวถูกกฎหมาย วงการรถแท็กซี่จะต้องปรับตัวขนานใหญ่ ซึ่งกว่าจะกลับมามีรถแท็กซี่เต็มท้องถนนอีกครั้งคงต้องใช้เวลา
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนการเดินทางของคนไทยยังไม่สามารถพัฒนาไปสู่สังคมที่ใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างเต็มที่ ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง ทำให้คนไทยยังต้องซื้อรถส่วนตัวเพื่อตอบโจทย์ในเรื่องการเดินทาง ดังนั้นตลาดรถยนต์ยังต้องมีรถขนาดเล็กที่ราคาไม่สูงซื้อง่ายขายคล่องอยู่เช่นเดิม
ในทางเดียวกันเมื่อมีรถมากมายบนถนน ก็เลี่ยงไม่ได้ที่เราจะยังเป็นประเทศที่มีอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในโลก ทำให้ผู้ขับขี่บนท้องถนนยังมีความจำเป็นที่จะต้องซื้อประกันรถยนต์หรือประกันรถมอเตอร์ไซค์ไว้เพื่อความคุ้มครองที่อุ่นใจ และที่รู้ใจ ประกันออนไลน์ เราพร้อมดูแลทุกชีวิตบนท้องถนนให้ได้รับความคุ้มครองจากอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังคลายล็อกดาวน์ที่ทุกชีวิตออกมาทำงานนอกบ้านกันอีกครั้ง บนท้องถนนจะต้องเต็มไปด้วยจำนวนรถที่มากกว่าเดิม ประกันรถยนต์และประกันรถมอเตอร์ไซค์ที่รู้ใจ ซื้อง่าย ราคาดี เชื่อถือได้ ประหยัดสูงสุด 30% มีอู่ในเครือให้บริการทั่วไทย และรับประกันคุณภาพงานซ่อมนานถึง 12 เดือน รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า เช็คราคาออนไลน์ได้เลย
และคุณยังสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากรู้ใจได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน
