หนึ่งในบททดสอบสำคัญสำหรับการขับรถคือ การสอบใบอนุญาตขับขี่ที่สำหรับใครหลายคนถือเป็นเรื่องที่โหดหินเอามาก ๆ เพราะในกระบวนการสอบจะต้องเข้ารับการอบรมและทดสอบการขับรถด้วย ถ้าหากสอบตกจะต้องเสียเวลากลับมาทำการสอบใหม่อีกครั้ง โดยที่ตัวระบบจะให้โอกาสคุณแก้ตัวไม่กี่รอบ ดังนั้นการสอบใบขับขี่จึงเปรียบเสมือนยาขมสำหรับใครหลายคนเลย แต่สำหรับการสอบใบขับขี่รถยนต์ 2566 มีความสะดวกสบายมากขึ้น อบรมใบขับขี่ออนไลน์ได้มั้ย ลองอ่านด้านล่างได้เลย
สอบใบขับขี่รถยนต์ 2566 ทำง่ายกว่าเดิม
สิ่งที่ทำให้การสอบใบขับขี่รถยนต์ 2566 สามารถทำได้ง่ายขึ้นนั้น เป็นเพราะจำนวนผู้ใช้รถที่มีเพิ่มมากยิ่งขึ้น และความต้องการขอใบขับขี่มีเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้การต้องไปเฝ้ารอเพื่อยื่นเรื่องขอสอบใบขับขี่เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการรอคอยยาวนานมาก อย่างในพื้นที่เชียงใหม่ ภูเก็ต หรือ กรุงเทพฯ มีการยื่นคำร้องขอออกใบขับขี่กันเป็นประจำวันละหลายพันคน แน่นอนว่าความสามารถในการรองรับคนในสถานที่สอบใบขับขี่นั้นมีจำกัด จึงทำให้เกิดการจองคิวเพื่อเข้าสอบ ในบางครั้งจะต้องรอกันยาวนานกว่า 6 เดือนจึงจะได้สอบใบขับขี่ได้
กรมขนส่งทางบกเล็งเห็นถึงปัญหาในจุดนี้ จึงได้ออกแนวทางสำหรับการสอบใบขับขี่แนวใหม่ที่เรียบง่าย รวดเร็ว และใช้เวลาไม่มากนัก เป็นการลดระยะเวลาสำหรับการดำเนินการเพื่อการขอออกใบขับขี่ไปได้มาก ปัจจุบันมีวิธีการและขั้นตอนต่าง ๆ ที่ไม่ยุ่งยาก ช่วยให้คุณสามารถยื่นเรื่องและอบรมสำหรับการสอบใบขับขี่ได้ง่าย รู้ใจจึงได้รวบรวมทุกแนวทางเกี่ยวกับการสอบใบขับขี่ให้คุณอย่างครบถ้วน เพื่อช่วยให้คุณบริหารจัดการเวลาได้อย่างคุ้มค่า ได้ทั้งใบขับขี่ ไม่กระทบต่อไลฟ์สไตล์และการทำงานของคุณอีกด้วย
4 วิธีช่วยให้การออกใบขับขี่เร็วขึ้น
การเข้าสอบและอบรมอย่างถูกต้องตามหลักการและรูปแบบของกรมขนส่งทางบกเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณ โดยในปี 2566 ทางกรมขนส่งทางบกได้เปิดช่องทางสำหรับการอบรมและออกใบอนุญาตที่เพิ่มเติมประสิทธิภาพและความรวดเร็วอีกด้วย ดังต่อไปนี้
1. เดินทางไปสอบด้วยตัวเอง
นับเป็นรูปแบบพื้นฐานที่ยังคงใช้กันอยู่ในปัจจุบัน สำหรับใครก็ตามที่มีความประสงค์ขอใบขับขี่ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ รถบิ๊กไบค์ และรถยนต์ส่วนบุคคล ทั่วไปสามารถยื่นเรื่องเพื่อขอสอบและออกใบขับขี่ได้ทุกแห่ง เพียงแต่ว่าในจังหวัดใหญ่ ๆ คุณอาจต้องทำเรื่องเพื่อขอรอคิวนัดเข้ารับการสอบนานมากผ่านทางระบบการจองคิวของ DLT Smart Queue หรือที่ gecc.dlt.go.th
โดยคุณจะต้องไปตามวันเวลาที่ได้ทำการจองคิวไว้แล้วนั้น หากไม่ได้ไปตามวันเวลาดังกล่าวจะต้องทำการจองคิวใหม่อีกรอบ ซึ่งยิ่งทำให้เสียเวลาและล่าช้าเพิ่มไปอีก สำหรับการขอใบอนุญาตขับขี่ด้วยตัวเองนั้นจะมีอัตราค่าใช้จ่ายที่ประหยัดที่สุด คือ จ่ายเฉพาะค่าธรรมเนียมที่ทางกรมขนส่งทางบกเรียกเก็บเท่านั้น ในอัตรา 205 บาทเท่ากันทั้งหมด ทั้งจักรยานยนต์และรถยนต์ส่วนบุคคล
2. อบรมใบขับขี่ก่อนแล้วไปสอบทีหลัง
อีกหนึ่งช่องทางที่สะดวกสบายที่กรมขนส่งทางบกเพิ่มเติมเพื่อให้รวดเร็วมากขึ้น คือการเปิดให้พื้นที่ของวิทยาลัย มหาวิทยาลัย หรือภาคเอกชน จัดให้มีการอบรมพื้นฐานการขับขี่รถในภาคทฤษฎีให้ก่อน โดยจะมีระยะเวลาในการอบรมเท่ากับการไปอบรมที่กรมขนส่งทางบก โดยใช้เวลาในการอบรมทั้งหมด 5 ชั่วโมง โดยในรูปแบบนี้จะมีการจัดการอบรมล่วงหน้าของแต่ละแห่ง
ข้อดีของการอบรมแบบนี้คือ คุณไม่ต้องไปกดคิวเพื่อขออบรมและสอบแล้ว เมื่ออบรมเสร็จคุณจะได้รับใบแสดงผลผ่านการอบรมสามารถนำไปยื่นให้กับกรมขนส่งทางบกเพื่อการตรวจสอบสมรรถภาพ การสอบข้อเขียน และการสอบภาคปฏิบัติได้ในทันที เพียงแต่ว่าการจัดการอบรมเช่นนี้มีอยู่ไม่บ่อยนัก ต้องติดตามข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ให้ดี รวมถึงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากค่าธรรมเนียมสำหรับการออกใบขับขี่ คือค่าอบรมนอกเวลาจำนวน 200 – 300 บาท ตามแต่ผู้เป็นเจ้าภาพในการจัดการอบรมเป็นผู้กำหนด สามารถเข้ารับการอบรมได้ทั้งการสอบใบขับขี่สำหรับรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ได้เลย
3. อบรมใบขับขี่ออนไลน์
ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่สะดวกรวดเร็ว และถือกำเนิดเกิดมาในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั่นคือ “การอบรมผ่านทางระบบออนไลน์” กรมขนส่งทางบกอนุญาตให้การอบรมใบขับขี่ออนไลน์ได้เฉพาะกรณีต่อใบขับขี่เท่านั้น หากคุณมีความประสงค์ในการสอบใบขับขี่เป็นครั้งแรกต้องเดินทางไปอบรมและสอบยังสถานที่ที่กรมขนส่งทางบกกำหนดเอาไว้ให้ หรือคุณจะอบรมในพื้นที่ที่จัดตั้งไว้แล้วค่อยไปยื่นของการสอบทีหลังได้ แต่ไม่สามารถอบรมผ่านระบบออนไลน์ได้
สำหรับการยื่นเรื่องขอต่อใบขับขี่พร้อมรับการอบรมผ่านระบบออนไลน์นั้นสะดวกสบายอย่างมาก ใช้เพียงแค่บัตรประชาชนและใบขับขี่ พร้อมทำการลงทะเบียนได้ใน DLT Smart Queue หรือที่ gecc.dlt.go.th จากนั้นให้เลือกรูปแบบใบขับขี่ที่คุณต้องการต่ออายุ และเข้ารับการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ เมื่ออบรมเสร็จแล้วจะมีเอกสารที่คุณสามารถสแกนผ่านทาง QR Code นำเอกสารนี้ไปยืนยันกับกรมขนส่งทางบกเพื่อขอรับใบขับขี่ใบใหม่ได้เลย สำหรับการต่ออายุใบขับขี่มีค่าใช้จ่ายที่ 500 บาทต่ออายุการใช้งาน 5 ปี
4. อบรมใบขับขี่ผ่านโรงเรียนสอนขับรถยนต์
นับเป็นอีกหนึ่งทางเรื่องที่สะดวกสบายและเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจในการขับรถให้กับคุณด้วย เพราะการที่คุณต้องเดินไปสอบใบขับขี่ตามลำพังกับผู้คนเป็นจำนวนมาก และความเร่งรัดในการสอบอาจทำให้คุณตื่นเต้นจนทำให้เกิดความผิดพลาดในการสอบในภาคต่าง ๆ ได้ ดังนั้น การเรียนรู้การขับรถพร้อมทั้งการฝึกฝนแนวทางการสอบจากโรงเรียนขับรถนั้นนับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ
เพราะที่โรงเรียนสอนขับรถยนต์จะให้คุณได้ “ทดลองสอบ” ภาคปฏิบัติกับ 3 ท่าทางที่ใช้ในการสอบขับรถ นั่นคือ การเดินหน้าและถอยหลัง การถอยหลังเข้าซองจอด และการจอดชิดขอบฟุตบาท ทั้งหมดนี้คือทักษะที่จำเป็นในการสอบ คุณสามารถฝึกให้ชำนาญที่โรงเรียนก่อนเข้าสู่สนามสอบได้ แต่การเลือกใช้วิธีนี้จะมีอัตราการชำระค่าบริการที่สูงที่สุด เพราะคุณต้องเรียนขับรถกับเขาเท่านั้นจึงจะสามารถไปสอบได้ โดยสนนราคาสำหรับการเรียนขับรถและสอบใบขับขี่นั้นมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 4,500 บาทขึ้นไป
ทริคเตรียมตัวก่อนทำข้อสอบใบขับขี่
สิ่งที่คุณควรจัดเตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนสอบใบขับขี่ คือการศึกษาแนวข้อสอบที่ปัจจุบันกรมขนส่งทางบกมีทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นให้คุณได้ทดลองสอบก่อน จนเข้าใจในข้อมูลพื้นฐานทั้งหมด และอย่าลืมฝึกภาคปฏิบัติด้วยตัวของคุณเองทั้ง 3 รูปแบบคือ การเดินหน้าและถอยหลัง การถอยหลังเข้าซองจอด และการจอดชิดขอบฟุตบาท ทำทุกอย่างจนเกิดความชำนาญแล้วค่อยไปสอบ ก็จะทำให้คุณสอบผ่านได้อย่างแน่นอน
สำหรับมือใหม่หัดขับ นอกจากการสอบใบขับขี่ เมื่อได้มาแล้วต้องระวังใบขับขี่หายหรือหมดอายุ ศึกษาเรื่องของรถยนต์ทั้งภาษีรถ พ.ร.บ. รวมถึงหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมาย และยังต้องระวังตัวจากอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาด้วย รู้ใจพร้อมดูแลคุณทุกการเดินทาง ด้วยประกันรถยนต์ทุนประกันสูง เบี้ยราคาประหยัดสูงสุด 30% ใครก็ใช้ประกันชั้น 1 ได้ที่รู้ใจ ตอบโจทย์ความต้องการของคนรักรถได้แบบสุด ๆ เช็คเบี้ยประกันออนไลน์ได้แล้ววันนี้ ทุกที่ ทั่วไทย
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)