ตัวช่วยสำคัญเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคนใช้รถไฟฟ้า EV คือ แอปพลิเคชั่นค้นหาและจองสถานีชาร์จรถไฟฟ้า เพราะนอกจากจะช่วยให้วางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยให้อุ่นใจตลอดเส้นทางอีกด้วย จะมีแอปไหนบ้างที่ต้องมีติดมือถือคุณ และมีข้อควรรู้อื่น ๆ อะไรอีกมั้ย ที่เจ้าของรถ EV ในไทยจำเป็นต้องรู้ ตามรู้ใจไปทำความเข้าใจเพิ่มเติมกันเลย!
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- การชาร์จรถไฟฟ้า EV มีกี่แบบ อะไรบ้าง?
- 5 แอปพลิเคชั่นค้นหาและจองจุดชาร์จ ที่เจ้าของรถ ev ในไทยห้ามพลาด?
- แบตรถไฟฟ้าหมดกลางทาง ควรทำยังไงดี?
การชาร์จรถไฟฟ้า EV มีกี่แบบ อะไรบ้าง?
ประเด็นแรกที่คนมีรถ EV ในไทย หรือคนที่คิดจะซื้อรถพลังงานไฟฟ้าจำเป็นต้องรู้ก่อน คือ “ระบบการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า” ที่ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ระบบ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ชาร์จรถไฟฟ้าแบบ AC
การชาร์จแบบ AC หรือการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบธรรมดา เป็นการชาร์จด้วย “ไฟฟ้ากระแสสลับ” โดยระบบจะรับไฟฟ้าจากตัว Wallbox ที่บ้านเข้าสู่ On Board Charger ในตัวรถ แล้วแปลงระบบไฟฟ้าเป็นกระแสตรง หรือ DC เข้าสู่แบตรถไฟฟ้า เฉลี่ยแล้วจะใช้เวลาชาร์จ 4-6 ชั่วโมง
2. ชาร์จรถไฟฟ้าแบบ DC
ระบบการชาร์จแบบ DC หรือการชาร์จรถไฟฟ้าแบบเร็ว ถูกพัฒนาจาก AC Charger กลายมาเป็นการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วย “ไฟฟ้ากระแสตรง” ที่สามารถนำกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ได้เลย โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่าง On Board Charger ทำให้ชาร์จไฟฟ้าได้รวดเร็วกว่า เฉลี่ยแล้วใช้เวลาชาร์จ 30 นาที – 2 ชั่วโมง ข้อเสียคือ ทำให้แบตเสื่อมเร็วขึ้น
สำหรับคนที่ต้องการติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน นอกจากจะต้องทำความเข้าใจระบบการชาร์จให้ดี ยังควรเลือกบริการติดตั้งจุดชาร์จรถไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย โดยเฉพาะระบบการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และการดึงไฟฟ้าในวงจรเข้ามาใช้งาน ยังต้องมีการคำนวณและประเมินก่อนติดตั้งจริงอย่างละเอียดด้วย
5 แอปพลิเคชั่นค้นหาและจองจุดชาร์จ ที่เจ้าของรถ ev ในไทยห้ามพลาด?
ในยุคที่น้ำมันแพงขึ้นแทบทุกวัน ทำให้หลาย ๆ คนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้ากันมากขึ้น แน่นอนว่าจำเป็นต้องใช้จุดชาร์จรถไฟฟ้า เพื่อ “เติมพลังงาน” ให้กับรถยนต์คันโปรด หากใช้งานแบบไป-กลับที่ทำงาน พอจะชาร์จกับสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านได้ แต่ถ้าหากต้องเดินทางไกลล่ะ? จะใช้บริการชาร์จแบตรถไฟฟ้าผ่านแอปไหนได้บ้าง ไปดูกัน
1. EVolt
เพิ่มความสะดวกสบายในการค้นหาและจองสถานีชาร์จรถไฟฟ้าได้มากกว่า ด้วยแอปพลิเคชั่น EVolt ที่สามารถดูข้อมูลได้ว่าแต่ละสถานีมีจุดชาร์จรถไฟฟ้าว่างหรือไม่ มีคิวเยอะหรือเต็มแค่ไหน เพื่อให้คุณวางแผนในการเข้าใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชั่น ดังนี้
- ค้นหาสถานีชาร์จได้ง่าย แอป EVolt ช่วยให้ค้นหาสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดได้ง่าย ๆ จากตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันของผู้ใช้
- แสดงสถานะของจุดชาร์จ สามารถดูสถานะของแต่ละจุดชาร์จได้ เช่น ว่าง, กำลังใช้งาน หรือไม่พร้อมใช้งาน
- เริ่มต้นและหยุดการชาร์จผ่านแอป สามารถเริ่มและหยุดการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้โดยตรงผ่านแอปพลิเคชั่น
- บอกข้อมูลสถานีชาร์จที่ครบถ้วน แอปจะแสดงข้อมูลรายละเอียดของสถานีชาร์จ เช่น ระยะทางจากตำแหน่งที่ตั้ง, รูปแบบการชาร์จ, หน่วยกิโลวัตต์ของสถานีชาร์จ และอัตราค่าบริการ
- มีประวัติการใช้งาน ผู้ใช้สามารถดูประวัติการใช้งานและสถานะการชาร์จได้ ทำให้สามารถติดตามการใช้งานและค่าใช้จ่ายได้อย่างง่ายดาย
2. MEA EV
MEA EV คือแอปพลิเคชั่นสำหรับค้นหา และจองที่ชาร์จรถไฟฟ้าทุกชนิดในประเทศไทย ให้บริการโดย “การไฟฟ้านครหลวง” นอกจากจะยังมีระบบวางแผนและคำนวณเส้นทาง พร้อมบอกจุดพักรถระหว่างทาง ควบคุมการชาร์จผ่านแอปฯ ได้โดยตรง ที่สำคัญรองรับทั้งระบบชาร์จแบบ AC และ DC โดยมีจุดเด่นคือ
- ค้นหาสถานีชาร์จได้ง่าย แอป MEA EV ช่วยให้ค้นหาสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง (MEA), EA Anywhere (EA), และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) ได้
- จองสถานีชาร์จล่วงหน้า คุณสามารถจองสถานีชาร์จล่วงหน้าได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีจุดชาร์จพร้อมใช้งานเมื่อไปถึง
- มีระบบนำทางไปยังสถานีชาร์จ แอปมีระบบนำทางที่ช่วยให้สามารถเดินทางไปยังสถานีชาร์จได้
- เริ่มและหยุดการชาร์จผ่านแอป คุณสามารถสั่งเริ่มและหยุดการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้เฉพาะสถานีที่ลงทะเบียนกับการไฟฟ้านครหลวงเท่านั้น
- ตรวจสอบประวัติการชาร์จ ดูประวัติการชาร์จและข้อมูลการชาร์จได้ ทำให้สามารถติดตามการใช้งานและค่าใช้จ่าย
3. EA Anywhere
EA Anywhere เป็นแอปพลิเคชั่นค้นหาและจองจุดชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า แบบปลั๊กอินไฮบริดและรถไฟฟ้าแบตเตอรี่ เฉพาะเขตกรุงเทพมหานครเป็นหลัก นอกจากนี้ยังช่วยนำทางไปยังสถานีชาร์จที่ต้องการใช้บริการได้อีกด้วย
- ค้นหาสถานีชาร์จได้ง่าย แอปพลิเคชันช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาสถานีชาร์จที่ใกล้ที่สุด
- มีระบบการชาร์จที่หลากหลาย แอป EA Anywhere มีสถานีชาร์จหลายประเภท เช่น DC Ultra Fast Charge, DC Super Fast Charge และ AC Normal Charge ที่สามารถรองรับการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าได้ในทุกรูปแบบ
- ความปลอดภัยสูง สถานีชาร์จของ EA Anywhere มีระบบตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติเมื่อเกิดการกระแทกหรือเอียงมากกว่า 30 องศา และรายงานปัญหาไปยังเจ้าหน้าที่ทันที
- การใช้งานที่ง่าย แอปพลิเคชัน EA Anywhere ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหา จองสถานีชาร์จ เริ่มและหยุดการชาร์จ รวมถึงชำระเงินได้ในแอปเดียว
4. EV Station PluZ
EV Station PluZ เป็นแอปพลิเคชั่นค้นหาและจองจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยเครือ ปตท. ครอบคลุมการใช้งานสำหรับผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแทบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นปลั๊กอินไฮบริด และรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สามารถเช็คผ่านแอปพลิเคชั่นได้ทันที ว่าแต่ละสถานีพร้อมให้บริการหรือไม่ รวมถึงสามารถเช็คสถานะการชาร์จได้แบบเรียลไทม์ โดยมีฟังก์ชันหลัก ๆ ดังนี้
- ค้นหาสถานีชาร์จ สามารถค้นหาสถานีชาร์จที่ใกล้ที่สุดได้อย่างรวดเร็ว โดยเลือกจากระยะทาง หัวชาร์จ หรือสถานะเครื่องชาร์จที่ว่าง
- จองล่วงหน้า สามารถจองเวลาชาร์จล่วงหน้าได้ถึง 24 ชั่วโมง และมีระบบแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาชาร์จ
- ชำระเงินออนไลน์ รองรับการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้ไม่ต้องใช้เงินสด
- ตรวจสอบประวัติการใช้งาน สามารถตรวจสอบประวัติการชาร์จและการชำระเงินได้ง่าย ๆ ผ่านแอป
- แผนที่นำทาง มีระบบนำทางไปยังสถานีชาร์จที่เลือกไว้
5. PlugShare
PlugShare เป็นแอปพลิเคชั่นค้นหาสถานีชาร์จรถไฟฟ้า EV และ Tesla สามารถค้นหาจุดชาร์จรถไฟฟ้าบนแผนที่ได้ มาพร้อมกับตัวกรองการค้นหาตาม “รูปแบบรถ” แต่ละประเภท นอกจากจะสามารถอ่านและดูรีวิวการใช้งานสถานีชาร์จรถไฟฟ้า EV ได้แล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับผู้ใช้รถ EV ในไทยคนอื่น ๆ ได้อีกด้วย โดยมีฟีเจอร์หลัก ดังนี้
- ค้นหาสถานีชาร์จ สามารถค้นหาสถานีชาร์จที่เข้ากับรถยนต์ไฟฟ้าของคุณได้ โดยกรองตามความเร็วในการชาร์จ และสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ร้านอาหารหรือห้องน้ำ
- ตรวจสอบสถานะ เช็กสถานะการทำงานของสถานีชาร์จและความพร้อมใช้งานในปัจจุบันได้แบบเรียลไทม์
- รีวิวจากคนใช้จริง ผู้ใช้สามารถดูรีวิวและภาพถ่ายของสถานีชาร์จจากผู้ใช้คนอื่น ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
- แผนที่นำทาง มีระบบนำทางไปยังสถานีชาร์จที่เลือกไว้ และสามารถบันทึกทริปการเดินทางได้
- ชำระเงินออนไลน์ รองรับการชำระเงินผ่านแอปในบางสถานี
ทั้ง 5 แอปพลิเคชั่นดังกล่าว เรียกได้ว่าเป็นแอปฯ ยอดนิยม ขวัญใจสาวกรถ EV ในไทย สุด ๆ เพราะช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย แถมยังช่วยวางแผนการเดินทางได้เป็นอย่างดี และถ้าหากคุณต้องการเพิ่มความ “อุ่นใจ” ในการเดินทางมากกว่าเดิม “ประกันรถไฟฟ้า” เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ให้ความคุ้มครองครอบคลุม แถมราคาสบายกระเป๋า ไม่รู้จะเลือกซื้อแผนประกันไหนดี เปรียบเทียบความคุ้มครองและเบี้ยประกันกับรู้ใจก่อนได้เลย
แบตรถไฟฟ้าหมดกลางทาง ควรทำยังไงดี?
เรื่องใกล้ตัวอย่าง แบตรถยนต์ไฟฟ้าหมด รถดับกลางทาง หากเราต้องเจอสถานการณ์แบบนี้จะรับมือยังไงดี 4 ขั้นตอนรับมือเมื่อแบตรถไฟฟ้าหมดกลางทาง
- ใจเย็น ตั้งสติให้อยู่กับตัวเอง เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าของคุณมีสัญญาณเตือนแบตเตอรี่เหลืออยู่น้อย อย่าตื่นตระหนก ให้ตั้งสติแล้วสำรวจสถานการณ์รอบด้าน ค่อย ๆ หาที่จอดรถข้างทางก่อน
- เปิดโหมดประหยัดพลังงานภายในรถ ใช้โหมดประหยัดพลังงาน ปิดแอร์ และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น และสามารถเดินทางไปถึงสถานีชาร์จได้
- เช็คระยะทางที่เหลือ เช็คว่ารถเดินทางได้อีกกี่กิโลเมตร และหาจุดชาร์จรถไฟฟ้าอยู่ใกล้เคียงทันหรือไม่ หากระยะทางเหลือน้อย ให้รีบค้นหาสถานีชาร์จใกล้เคียงผ่านแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ
- ขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน – หากรถดับไปและหาจุดชาร์จไม่เจอ สามารถโทรขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการ บริษัทประกันภัย ไปยังสถานีชาร์จรถไฟฟ้าใกล้เคียงได้ ประกันรถยนต์ไฟฟ้าที่รู้ใจ คุ้มครองทั้งรถ แบต และคุณ และเลือกบริการเสริมช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชม. ได้ ไปไหนใกล้ไกลก็อุ่นใจได้เลย
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่อยากเป็นเจ้าของรถไฟฟ้า EV สักคัน นอกจากจะต้องให้ความใส่ใจเกี่ยวกับแอปพลิเคชั่นค้นหา และจองสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพื่อความสะดวกสบายแล้ว ในเรื่องของ “ความคุ้มครอง” ทั้งจากประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับและภาคสมัครใจ เป็นหนึ่งในประเด็นที่ไม่ควรปล่อยผ่านเช่นเดียวกันสำหรับคนใช้รถทุกคน เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนของคุณขับขี่ได้แบบไร้กังวล อุ่นใจตลอดเส้นทาง
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)
คำจำกัดความ
ไฟฟ้ากระแสสลับ | กระแสที่มีทิศทางไปและกลับตลอดระยะเวลา มีการสลับขั้วบวกและลบกันอยู่ตลอดเวลา |
ไฟฟ้ากระแสตรง | ไฟฟ้าที่มีทิศทางการไหลเพียงทิศทางเดียวจากขั้วลบของแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้า แล้วกลับเข้าไปยังขั้วบวกของแหล่งกำเนิดไฟฟ้าอีกครั้ง |