ไม่ว่าจะผ่านกี่ยุคกี่สมัย เทคโนโลยีต่างๆ มีการพัฒนาให้ก้าวล้ำหน้าแค่ไหน ความเชื่อบางสิ่งบางอย่างทั้งที่เป็นเรื่องที่ถูกบ้างผิดบ้างในอดีตก็ยังถูกถ่ายทอดต่อมาเรื่อยๆ ในแวดวงยานยนต์หรือที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ก็เช่นกัน อย่างในกรณีที่หลายๆ คนมักได้ยินอยู่บ่อยๆ คือ ขับรถปิดแอร์แล้วทำให้ประหยัดขึ้น ซึ่งหากฟังแล้วคิดตามไปในทางหลักวิศวกรรมศาสตร์ก็เป็นเรื่องที่พอฟังขึ้นและน่าเชื่อถือได้ แต่จะประหยัดได้จริงมากน้อยแค่ไหนหรือคุ้มไหมหากต้องปิดแอร์นั่นคือสิ่งที่หลายคนสงสัยในคำตอบ
ด้วยหลักการทำงานงานของระบบแอร์ ตัวคอมเพรสเซอร์ต้องพึ่งพากำลังของเครื่องยนต์มาหมุนให้ทำงาน โดยใช้สายพานและจะมีแมกเนติคคลัทช์ในการควบคุมให้คอมเพรสเซอร์ทำงานและหยุดงาน ซึ่งหากจะมองว่าปิดแอร์แล้วจะช่วยให้ประหยัดว่ากว่าการเปิดแอร์นั้นก็มีส่วนช่วยได้จริงครับ แต่ก็ขึ้นกับปัจจัยการขับใช้งานด้วย อันดับแรกคือประเภทรถ หรือสภาพการจราจร อย่างในกรณีรถติดๆ ต่อให้เราปิดแอร์ก็ไม่ช่วยให้เกิดความประหยัดขึ้นแต่อย่างใดครับ ในทางกลับกันยิ่งจะทำให้ผู้หรือผู้ร่วมทางเสียสุขภาพจิต พาทำเอาต้องรู้สึกหงุดหงิดเพราะความร้อนจากเครื่องยนต์รวมถึงต้องรับมลพิษจากท่อไอเสียอีกด้วย แต่ในทางกลับกันหากขับเป็นระยะทางไกลๆ ออกนอกเมืองหรือไปต่างจังหวัดด้วยระยะทาง 50-100 กม. ขึ้นไป ก็ยังจะพอจะเห็นตัวเลขความประหยัดได้บ้างประมาณ 5% จากการขับแบบเปิดแอร์
ซึ่งหากมองในแง่การใช้งานจริง เจตนาจริงของคนเราจะได้ปิดแอร์เพื่อต้องการความประหยัดได้สักกี่ครั้งครั้ง มองแล้ววิธีการนี้ไม่คุ้มค่าและเห็นผลเป็นรูปธรรมสักเท่าไหร่ เพราะด้วยปัจจัยในแง่ของสภาพการจราจรและอาการเย็นๆ ที่เรียกว่านับวันได้ในแต่ละปีมีจำนวนน้อยครั้งมาก หากว่าจะอยากขับเพื่อความประหยัดจริงๆ เราก็มีวิธีที่ผู้ใช้รถสามารถทำได้มาแนะนำครับ
ขับรถอย่างไรให้ประหยัดและเห็นผลจริง
– เลือกใช้รถให้เหมาะกับการใช้งาน ซึ่งกรณีแนะนำสำหรับผู้ที่มีรถในครอบครองหลายคัน
– อย่าต้องการประหยัดโดยเลือกเดินทางทีละหลายคนจนเกินปริมาณที่นั่ง ซึ่งบางทีเราก็เห็นนั่งซ้อนกันก็ยังมี แถมยังขนสัมภาระอีกมากมาย ซึ่งการทำเช่นนั้น นอกจากจะทำให้รถคันดังกล่าวต้องแบกรับน้ำหนักเกินภาระของเครื่องยนต์แล้ว ยังส่งผลให้สิ้นเปลืองการใช้เชื้อเพลิงมากกว่าปกติ และเกิดการสึกหรอเร็วกว่าเดิมอีกด้วย
– ควรเติมน้ำมันในตรงคู่มือการใช้รถแนะนำ
– ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรขับเร็วตามกฎหมายกำหนด ขับที่ประมาณความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. และควรวิ่งชิดเลนซ้าย รวมทั้งใช้ความเร็วคงที่สม่ำเสมอ ไม่เหยียบๆ เร่งๆ เบรกๆ หยุดๆ จะช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ประมาณ 15-20% เลยทีเดียว
– เลี่ยงการแตะเบรกอย่างรุนแรง การเหยียบเบรกแต่ละครั้งควรทำด้วยสัมผัสที่นิ่มนวล เพราะการขับรถแบบกระชากมักทำให้ต้องแตะเบรกอย่างรุนแรงตามมา นอกจากเสี่ยงอันตราย ยังทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นอีกถึง 25%
– หลีกเลี่ยงเส้นทางรถติด โดยวางแผนหรือเปิด Map ก่อนการออกเดินทาง
– ตรวจสอบสภาพรถตามระยะและหมั่นตรวจเช็คแรงดันลมยางสม่ำเสมอและเลือกเติมลมยางตามสเปกที่กำหนด
สุดท้ายอย่าลืมให้ Roojai.com เคียงข้างคุณ ด้วยประกันแสนดี การันตีถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที ประกันชั้น 1 ผ่อนสบายกระเป๋า นานถึง 10 งวด ไม่ง้อบัตรเครดิต