อุบัติเหตุส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากผู้ขับขี่ชอบฝ่าฝืนกฎหมายจราจรนั่นเอง มีด้วยกันหลากหลายสาเหตุ ทั้งที่สาเหตุหลักๆ นั้นหลายฝ่ายก็ร่วมรณรงค์ช่วยกันแก้ไขทั้งช่วงเทศกาลวันหยุดยาวๆ แต่สถิติการเกิดอุบัติก็หาไม่ลดน้อยลงแต่อย่างใด แม้แต่จะปรับปรุงแก้ไขตำแหน่งติดป้ายเตือนเพื่อให้เห็นกันชัดเจนมากขึ้น รวมถึงเพิ่มบทลงโทษ แต่อุบัติเหตุก็ยังเกิดซ้ำๆ ซากๆ ที่เดิมอยู่ดี
มาดูสาเหตุหลัก หรือที่ผู้ขับขี่ชอบแหกกฎจนเกิดอุบัติเหตุสร้างความเสียหายให้กับตัวเองและผู้อื่นว่ามาจากตรงไหนกันบ้าง
1. ใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด ตามกฎหมายแล้วกำหนดให้รถยนต์ใช้ความเร็วดังต่อไปนี้ ตามถนนหลวงข้ามเมืองหรือข้ามจังหวัดให้ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. ยกเว้นทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพฯ-พัทยา กับทางหลวงพิเศษหมายเลข9 หรือถนนกาญจนาภิเษก ที่จะอนุญาตให้รถยนต์นั่งใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 120 กม./ชม. แต่ที่เห็นเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดในช่วงนี้ คือเขตในเมืองที่กำหนดให้ใช้ความเร็วต่ำกว่าปกติ เพราะมีจุดกลับรถมาก มีเขตชุมชนที่มีคนข้ามถนน มีผู้ใช้รถจักรยาน และรถจักรยานยนต์ ผู้ที่เดือดร้อนจากผู้ขับรถเร็วในเขตชุมชนจึงเป็นใช้ถนนรวมกันเหล่านี้
2. เมาแล้วขับ ยังเป็นปัญหาที่ติดอันดับต้นๆ อยู่ตลอด แต่จากช่วงวันหยุดยาวเทศกาลต่างๆ ที่ผ่านมา เปลี่ยนจากเกิดเหตุในถนนสายหลัก เป็นถนนสายรองตามหมู่บ้านแทน แต่ยานพาหนะที่เป็นต้นเหตุยังเป็นรถจักรยานยนต์อยู่เหมือนเดิม อันนี้คงอยู่ที่จิตใต้สำนึกของแต่ละคน ที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม หลายฝ่ายรณรงค์ให้เห็นผ่านหูผ่านตากันมากมาย มีตัวอย่างให้เห็นตามหน้าสื่อจนโด่งดังกันไป ถ้าอยู่ในเมืองคิดจะสังสรรค์ดื่มกินก็ใช้รถสาธารณะแทนแล้วกัน ตามต่างจังหวัดซื้อมากินอยู่กับบ้านปลอดภัยกว่านะ
3. เปลี่ยนช่องจราจรกะทันหัน การปฏิบัติตามเครื่องหมายบนช่องจราจรมีความสำคัญมากในการขับขี่ควรเลือกช่องจราจรให้ถูกตามความประสงค์ที่จะไป ถ้าพบว่าตัวเองอยู่ในช่องจราจรที่ไม่ถูกต้อง อย่าพยายามเปลี่ยนช่องจราจร ตัดหน้ารถยนต์คันอื่นในระยะกระชั้นชิด ให้ขับในช่องจราจรนั้นไปเรื่อยๆ และพยายามหาทางกลับมาที่ช่องทางที่จะไป การเปลี่ยนช่องทางเดินรถ เลือกใช้ช่องจราจรให้ถูกต้องกับเส้นทาง และมองกระจกมองข้างอยู่เสมอและให้สัญญาณล่วงหน้าให้เหมาะกับจังหวะเวลาก่อนเปลี่ยนช่องจราจร อย่าขับขี่โดยเปลี่ยนช่องจราจรไปมาตลอดเวลา อย่าขับขี่คร่อมช่องจราจรหรือทับเส้นแบ่งช่องจราจร
4. แซงซ้าย กลายเป็นเรื่องปกติของผู้ใช้รถใช้ถนนในบ้านเราไปแล้วสำหรับการแซงรถทางซ้าย เพราะบ้านเรายังมีรถวิ่งช้าแต่อยู่เลนขวา ทำให้คันอื่นต้องแซงรถทางซ้าย คนที่ชอบขับช้าแล้ววิ่งขวาลองไปอ่านกฎหมายให้ดีนะครับ คุณก็ทำผิดเช่นเดียวกัน การแซงซ้ายแล้วเกิดอุบัติเหตุนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการแซงรถที่ใหญ่กว่า พอเปลี่ยนเลนมาเข้าเลนซ้ายเพื่อแซงมาเจอรถที่ช้ากว่าเบรกไม่ทันก็เรียกประกันภัยกันไป ทั้งนี้รวมถึงกรณีแซงในช่องไหล่ทางด้วยนะครับ จ๊ะเอ๋เจอรถที่จอดนอนอยู่ก็เรียกประกันเช่นเดียวกัน
5. แซงในเขตห้ามแซง อันนี้เขาก็ศึกษาไว้แล้วว่าห้ามแซง จึงตีเส้นทึบบอกไว้ ส่วนใหญ่ที่เราเจอๆ กันคือ ในทางโค้ง กับบนสะพาน เพราะสภาพถนนแบบนี้จะมีมุมอับในการมองเห็นเส้นทางข้างหน้า แม้แต่ถนน 4 ช่องวิ่งที่เขาเตือนไว้ยังฝืนแซงขึ้นไปเกิดอุบัติเหตุอยู่ไม่น้อย ไปเจอรถจอดเสียอยู่เลนขวา หรือซ่อมทางอยู่ ใจเย็นกันสักนิดจะได้ถึงที่หมายโดยปลอดภัย