ย้อนไปเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก เรามักจะคุ้นเคยกับเก็บเงินค่าขนมที่พ่อแม่ให้ใส่ลงไปในกระปุกรูปสัตว์ต่าง ๆ ที่มีหน้าตาน่ารัก เย้ายวนชวนให้เด็ก ๆ ออมเงินมาหยอดกระปุก ความสนุกอยู่ตรงที่เมื่อเหรียญเต็มกระปุกแล้ว เอามานับ ยิ่งได้เยอะเท่าไหร่นั่นหมายความว่าเป้าหมายที่จะได้ของเล่นที่หมายตาเอาไว้ก็ใกล้เข้ามาทุกที
พอโตขึ้น ทำงานหาเงินเองได้แล้ว คนส่วนใหญ่มักจะนิยมออมเงินไว้กับธนาคาร เพื่อหวังเอาดอกเบี้ยเงินฝากมาเป็นกำไรทำให้เงินเก็บงอกเงย หรือออมเงินด้วยการไปซื้อกองทุนต่าง ๆ เพื่อจะได้กำไรจากผลประกอบการของกองทุนนั้น ๆ วิธีออมเงินในโลกของผู้ใหญ่นั้นจึงต่างจากวัยเด็กอย่างสิ้นเชิง
เมื่อตอนเราเป็นเด็กเราก็แค่อยากจะออมเงินให้ได้ตามราคาของเล่นที่เราหมายตาเอาไว้ แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่ทำงานหาเงินเองได้แล้ว การเก็บออมเงินนอกจากต้องการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตของตัวเองและครอบครัวแล้ว ยังหวังไว้อีกด้วยว่า เงินเก็บเหล่านั้นจะทำงานออกดอกเป็นกำไรให้กับเงินในบัญชีของเรา เรามาดูกันดีกว่าว่า มีวิธีเก็บเงินแบบใดบ้างที่จะช่วยออมเงินของคุณได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
วิธีเก็บเงินที่แนะนำมีอะไรบ้าง?
1.แบ่งค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนออกเป็นสัดส่วนให้ชัดเจน
การแยกรายจ่ายแต่ละเดือนว่ามีรายจ่ายประจำที่ทุกเดือนต้องจ่ายอะไรบ้าง สามารถทำให้เรามองเห็นภาพรวมในแต่ละเดือน โดยเริ่มแบ่งสัดส่วนเงินสำหรับรายจ่ายประจำ เช่น ค่าบ้าน ค่าไฟ ค่ารถ ค่าโทรศัพท์ ออกมาเป็นส่วนแรก และแบ่งค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหารแต่ละวัน สุดท้ายคือ ส่วนของเงินเก็บ โดยสูตรที่นิยมใช้กันคือ 50-30-20 (ค่าใช้จ่ายประจำเดือน-ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและชีวิตประจำวัน-เงินเก็บ) ซึ่งส่วนที่เป็นเงินเก็บในเเต่ละเดือนนั้น เราสามารถวางแผนการเงินได้ เช่น 10% นำไปลงกองทุนต่าง ๆ อีก 10% นำไปออมเงินกับประกัน เป็นต้น
2.ศึกษาเรื่องการลงทุน
นอกจากจะฝากเงินที่ธนาคาร เพื่อรับดอกเบี้ยเงินฝาก หรือลงทุนในกองทุนต่าง ๆ แล้ว การศึกษาเรื่องการลงทุนเพิ่มเติมในยุคนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ บางคนศึกษาการลงทุนในเงินคริปโตที่เป็นกระแสที่กำลังมาแรงทั่วโลก หรือหากต้องการความมั่นคงกว่าคริปโต ลองหันมาศึกษาเรื่องประกันบำนาญก็เป็นวิธีเก็บเงินอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
3.สำหรับนักช้อป จะซื้อของอย่างไรไม่ให้กระทบเงินเก็บ
สำหรับขาช้อปเก่งทั้งหลาย คำว่า “ของมันต้องมี” เห็นจะเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้การจ่ายเงินนั้นง่ายมากยิ่งขึ้น ให้ใช้หลักการนี้ว่า จ่ายออกไปเท่าไหร่ ออมเงินมากขึ้นตามจำนวนที่จ่ายไปเท่านั้น หรือสำหรับบางคนใช้วิธีประหยัดเงินจากค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายประจำวัน เมื่อประหยัดงบใช้จ่ายแต่ละวันลงได้ ก็จะมีเงินเหลือมากขึ้น ให้นำเงินที่ประหยัดได้ในแต่ละวัน ไปช้อปปิ้งแทน วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีกว่าการนำเงินเก็บไปซื้อของ
4.เลือกทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพ
ทำไมการวางแผนการเงินแบบทำประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ ถึงช่วยออมเงินได้? หลายคนอาจจะยังมีความสงสัยนี้อยู่ ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่ทุกคนต้องเจออีกหนึ่งก้อนก็คือ ค่ารักษาพยาบาล มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาการเจ็บไข้ได้ป่วยได้แม้แต่คนเดียว ทุกคนต้องผ่านการเจ็บป่วยด้วยกันทั้งสิ้น รายจ่ายสำหรับค่ารักษาพยาบาลนั้นค่อนข้างสูง และยิ่งเป็นโรคร้ายแรงที่ต้องผ่าตัดและต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องด้วยแล้ว ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากทีเดียว หากไม่ได้มีการวางแผนการเงินด้วยการซื้อประกันสุขภาพเตรียมเอาไว้ เชื่อว่าต้องไปกระทบเงินเก็บแน่ ๆ
การซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพ นอกจากจะเป็นเครื่องช่วยการันตีว่า เมื่อยามเราหรือคนในครอบครัวเจ็บไข้ได้ป่วย เราจะไม่ต้องควักเงินเก็บมาจ่ายเอง บริษัทประกันภัยจะเข้ามาดูแลค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ และเบี้ยประกันสุขภาพแต่ละปีทั้งของตัวเองและของพ่อแม่ก็สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้อีก ถือเป็นการลงทุนครั้งเดียวที่ได้ผลประโยชน์กลับมาทั้งสองทาง ยิ่งถ้าได้วางแผนการเงินด้วยการทำประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพตั้งแต่อายุยังน้อยยิ่งได้เปรียบ
ประกันภัยแบบไหนบ้าง? ที่ช่วยให้คุณออมเงินได้
1.ประกันชีวิต
ประกันชีวิตถือเป็นการคุ้มครองขั้นพื้นฐานที่เราสามารถวางแผนการเงินให้กับคนในครอบครัวของเราได้ ประกันชีวิตอาจจะไม่ใช่ประกันที่มีผลกำไรตอบแทนทุกปี แต่ประกันชิวิตเหมือนการวางแผนการเงินล่วงหน้าสำหรับลงทุนระยะยาว เช่น หัวหน้าครอบครัวมักจะทำประกันชีวิตของตัวเองเอาไว้ เมื่อวันใดที่หัวหน้าครอบครัวไม่อยู่ ผู้รับผลประโยชน์ที่เป็นทายาทโดยธรรมจะได้รับเงินก้อนนั้นไป หรือเราจะเรียกว่า “ทำไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานของเรา” ก็ได้ เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ดำรงชีวิตในวันที่ไม่มีหัวหน้าครอบครัวแล้ว และในขณะเดียวกันที่ผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่ เบี้ยประกันชีวิตก็ยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีเพื่อได้เงินภาษีคืนกลับเข้ามาในกระเป๋าได้อีกทาง
2.ประกันออมทรัพย์
ประกันออมทรัพย์เป็นประกันสำหรับการออมเงินโดยมีความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพแถมพ่วงมาด้วย การออมเงินกับประกันออมทรัพย์จะมีกำหนดระยะเวลาในการจ่ายเงินคืนตามระยะเวลาของแต่ละแผนประกันที่เลือกเอาไว้ เช่น ประกันออมทรัพย์แบบ 15/30 หมายความว่า ชำระเบี้ย 15 ปี ผู้เอาประกันจะได้รับเงินก้อนในปีที่ 30 ตั้งแต่ปีที่สองขึ้นไปผู้เอาประกันจะได้รับเงินปันผลคืนระหว่างสัญญาไปจนถึงปีที่ 29
ทั้งนี้เงินปันผลจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทนั้น ๆ และแผนประกันออมทรัพย์ของแต่ละบริษัทประกันก็แตกต่างกัน และแน่นอนว่าเบี้ยประกันออมทรัพย์สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
3.ประกันบำนาญ
ประกันบำนาญนี้จะเน้นผลตอบแทนมากกว่าการคุ้มครอง เป็นเสมือนการวางแผนการเงินล่วงหน้าในวันที่เราเกษียณจากการทำงานแล้ว จะคล้ายกับประกันออมทรัพย์ ต่างกันที่ประกันออมทรัพย์จ่ายผลตอบแทนในรูปแบบของ “เงินปันผล” เป็นการจ่ายระหว่างสัญญาแต่ประกันบำนาญจะไม่มีเงินคืนระหว่างสัญญา จะจ่ายเป็นเงิน “บำนาญ” ทุกปี หรือทุกเดือน แล้วแต่ที่ผู้เอาประกันเลือกเอาไว้ และจะจ่ายตามช่วงอายุที่กำหนดไว้ตั้งแต่วันทำประกัน เช่น เลือกรับเงินบำนาญหลังอายุ 55 ปี บริษัทประกันจะจ่ายเงินบำนาญให้ผู้เอาประกันทุกเดือน เป็นการวางแผนการเงินที่ดีอีกทาง เมื่อถึงเวลาที่ต้องเกษียณเราก็จะมีเงินบำนาญนี้ จ่ายเข้าบัญชีทุกเดือน และเบี้ยประกันบำนาญยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี รวมลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาทต่อปีสำหรับการนำประกันไปลดหย่อนภาษี
ข้อดีของการวางแผนการเงินด้วยประกันชีวิตและประกันสุขภาพมีอะไรบ้าง?
- ได้ความคุ้มครองชีวิตและได้ออมเงินในเวลาเดียวกัน – หมดกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลหากเกิดการเจ็บป่วยกะทันหัน หรือเมื่อเราไม่อยู่แล้ว ผู้รับผลประโยชน์จะได้เงินก้อนไว้ใช้โดยไม่กระทบชีวิตประจำวัน ทำให้มีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น
- สามารถกู้เงินมาใช้ยามฉุกเฉินได้ – เมื่อถึงเวลาฉุกเฉินต้องการใช้เงินด่วน แต่ไม่อยากกู้ยืมธนาคาร ผู้เอาประกันสามารถกู้เงินในกรมธรรม์ของตัวเองออกมาใช้ได้ กรมธรรม์ที่เราจ่ายเบี้ยไปทุกปีจะมีมูลค่ากรมธรรม์เกิดขึ้น มูลค่าในกรมธรรม์นี้ นอกจากจะสามารถกู้เงินออกมาใช้ได้แล้ว บางกรณีสามารถนำมูลค่าในกรมธรรม์ไปยืนยันในการขอกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดได้อีกด้วย
- จำนวนเงินที่ได้เป็นกอบเป็นกำ – การซื้อประกันออมทรัพย์ ประกันบำนาญ ค่อนข้างที่จะปลอดภัย เพราะมีอัตราผลตอบแทนที่คงที่ ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะดีหรือแย่ เราจะเห็นเม็ดเงินของเราในภาพรวมทั้งหมด เพราะจะมีตารางแจกแจงให้เห็นอยู่แล้ว ซึ่งนั่นทำให้เราสามารถวางแผนการเงินได้
- ผลตอบแทนที่ได้ไม่ต้องนำมาเสียภาษี – ต่างจากการนำเงินไปลงทุนซื้อกองทุนหรือฝากธนาคาร หรือซื้อพันธบัตรรัฐบาล ที่จะต้องเสียภาษี 15% ต่อปี ทำให้ผลกำไรที่เราควรจะได้นั้นถูกภาษีมาตัดแบ่งออกไปทำให้ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่ากับการออมเงินกับประกัน
- นำไปลดหย่อนภาษีได้ – ประกันเกือบทุกประเภท ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง ประกันมะเร็ง ประกันบำนาญ ประกันออมทรัพย์ เบี้ยประกันทั้งหมดนี้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เป็นการช่วยประหยัดเงินในการเสียภาษีต่อปี
ทั้งหมดนี้คือการวางแผนการเงินอย่างฉลาดที่ได้ทั้งความคุ้มครองชีวิต สุขภาพ และยังได้เงินกลับเข้ากระเป๋าเราอีกด้วย แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเลือกซื้อประกันก็คือ ความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัย ควรเลือกบริษัทประกันภัยที่มีความน่าเชื่อถือ มีความมั่นคงทางการเงิน ผลประกอบการแต่ละปีดูได้จากประวัติของบริษัท และอาจจะต้องสืบค้นดูไปถึงบริษัทแม่ในต่างประเทศว่ามีความมั่นคงมากน้อยแค่ไหน เมื่ออ่านถึงตรงนี้และคุณสนใจอยากซื้อประกันหรืออยากได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สามารถดูข้อมูลออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม. ที่ www.roojai.com ได้รับประกันภัยจากบริษัทชั้นนำต่าง ๆ เช่น กรุงไทยพานิช และแอกซ่าประกันภัย
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงโปรโมชั่นใหม่ ๆ จากรู้ใจ ประกันออนไลน์ ได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือ Official Line ID: @roojai