เชื้อ HPV (Human Papillomavirus) เป็นไวรัสที่พบได้บ่อยที่สุดในกลุ่มไวรัสที่ส่งผลต่อสุขภาพทางเพศสัมพันธ์ โดยสามารถติดเชื้อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก ส่วนใหญ่ร่างกายของเราจะสามารถกำจัดเชื้อ HPV ออกไปได้เอง แต่หากเชื้อยังคงอยู่ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก หรือหูดหงอนไก่ บทความนี้ เรามีเรียนรู้และทำความเข้าใจในเรื่องของเชื้อ HPV กัน
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- เชื้อ HPV คืออะไร?
- สาเหตุการติดเชื้อ HPV เกิดจากอะไร?
- การติดเชื้อ HPV อาการเป็นยังไง?
- วิธีการตรวจหาเชื้อ HPV และมะเร็งปากมดลูก
- รักษาอาการติดเชื้อ HPV ยังไง?
- ทำไมผู้หญิงควรตรวจหาเชื้อ HPV?
- ใครบ้างที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ HPV?
- ควรฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
- ติดเชื้อ HPV แล้วฉีดวัคซีนได้มั้ย?
- เช็คสิทธิ์ตรวจมะเร็งปากมดลูก และฉีดวัคซีน HPV ฟรี! มีที่ไหนบ้าง?
เชื้อ HPV คืออะไร?
Human Papillomavirus หรือ HPV เป็นเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยในผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งเชื้อไวรัสนี้สามารถติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์และสามารถทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง เชื้อไวรัส HPV มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ แต่มีเพียงบางสายพันธุ์เท่านั้นที่มีความเสี่ยงสูงที่จะนำไปสู่การเกิดมะเร็ง
สาเหตุการติดเชื้อ HPV เกิดจากอะไร?
เชื้อ HPV ติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังหรือเยื่อเมือก เช่น การมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อผ่านการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว หรือสิ่งของที่สัมผัสกับผิวหนัง
การติดเชื้อ HPV อาการเป็นยังไง?
ส่วนใหญ่การติดเชื้อ HPV ไม่มีอาการชัดเจน บางครั้งเชื้ออาจหายไปเองโดยที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาใด ๆ แต่ในบางกรณีเชื้ออาจทำให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศ หูดที่ผิวหนัง หรือที่ลำคอ อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์ HPV ที่มีความเสี่ยงสูงสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกซึ่งอาจกลายเป็นมะเร็งได้หากไม่ตรวจพบและรักษาแต่เนิ่น ๆ
วิธีการตรวจหาเชื้อ HPV และมะเร็งปากมดลูก
การตรวจหาเชื้อ HPV และมะเร็งปากมดลูกเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคในระยะเริ่มต้น วิธีการตรวจที่ใช้กันทั่วไปมีดังนี้
1. การตรวจ Pap Smear
Pap Smear เป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่นิยมใช้กันมากที่สุด โดยจะทำการเก็บเซลล์จากปากมดลูกแล้วนำไปตรวจภายใต้กล้องจุลทรรศน์เพื่อตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการติดเชื้อ HPV หรือการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่อาจนำไปสู่มะเร็ง
- ใครควรตรวจ แนะนำให้ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 21-65 ปี เข้ารับการตรวจ Pap Smear ทุก 3 ปี
- ขั้นตอนการตรวจ ผู้เข้ารับการตรวจจะนอนบนเตียงและยกขาขึ้นให้สะดวกสำหรับการตรวจ จากนั้นแพทย์จะใช้เครื่องมือเล็ก ๆ เข้าไปเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูก การตรวจใช้เวลาสั้นและไม่เจ็บปวดมากนัก
2. การตรวจหาเชื้อ HPV (HPV DNA Test)
HPV DNA Test เป็นการตรวจหาสายพันธุ์ของเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูงในการทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก โดยการเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูกเพื่อตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ HPV
- ใครควรตรวจ ผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรตรวจหาเชื้อ HPV ควบคู่กับ Pap Smear ทุก 5 ปี หรือเมื่อ Pap Smear ให้ผลที่ผิดปกติ เพื่อยืนยันการติดเชื้อ HPV
- ขั้นตอนการตรวจ การเก็บตัวอย่างเซลล์สำหรับ HPV DNA Test จะคล้ายกับการตรวจ Pap Smear โดยใช้เครื่องมือเล็ก ๆ เพื่อเก็บเซลล์จากปากมดลูก
3. การตรวจปากมดลูกด้วยกล้องขยาย (Colposcopy)
การตรวจปากมดลูกด้วยกล้องขยายเป็นวิธีการตรวจเพิ่มเติมเมื่อ Pap Smear หรือ HPV DNA Test ให้ผลผิดปกติ โดยแพทย์จะใช้กล้องขยายที่เรียกว่าโคลโปสโคป (Colposcope) เพื่อตรวจดูปากมดลูกอย่างละเอียดมากขึ้น หากพบความผิดปกติ แพทย์อาจทำการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อ (Biopsy) เพื่อตรวจเพิ่มเติม
- ใครควรตรวจ ผู้ที่มีผลการตรวจ Pap Smear หรือ HPV DNA Test ที่ผิดปกติ
- ขั้นตอนการตรวจ แพทย์จะใช้กล้องโคลโปสโคปเพื่อขยายภาพปากมดลูกและตรวจดูความผิดปกติ การตรวจนี้ไม่เจ็บปวดมาก แต่ผู้เข้ารับการตรวจอาจรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย
4. การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy)
หากมีผลการตรวจที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงสูง แพทย์อาจตัดตัวอย่างเนื้อเยื่อจากปากมดลูกเพื่อตรวจเพิ่มเติมในห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหามะเร็งหรือการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่อาจกลายเป็นมะเร็ง
- ใครควรตรวจ ผู้ที่มีความผิดปกติจากการตรวจด้วยวิธีอื่น ๆ และต้องการยืนยันการวินิจฉัย
- ขั้นตอนการตรวจ การตัดชิ้นเนื้ออาจทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการยืนยันการวินิจฉัย
สาว ๆ ต้องไม่ลืมว่า การตรวจหาเชื้อ HPV และมะเร็งปากมดลูกเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้ามการตรวจเป็นประจำปีละ 1 ครั้ง จะช่วยให้สามารถตรวจพบความผิดปกติแต่เนิ่น ๆ และรักษาได้ทันเวลาก่อนที่โรคจะพัฒนาเป็นมะเร็งในระยะที่ยากต่อการรักษา
รักษาอาการติดเชื้อ HPV ยังไง?
การติดเชื้อ HPV หายได้ไหม? ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาที่สามารถกำจัดเชื้อ HPV ออกจากร่างกายได้โดยตรง แต่สามารถรักษาอาการที่เกิดจากการติดเชื้อได้ เช่น การรักษาหูดด้วยยาทาหรือการผ่าตัด การตรวจหาเชื้อและการตรวจปากมดลูกเป็นประจำเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูก
การจี้เย็น (Cryotherapy) สามารถรักษาเชื้อ HPV ได้หรือไม่?
การจี้เย็น หรือ Cryotherapy เป็นวิธีการรักษาที่ใช้ความเย็นจัดจากไนโตรเจนเหลวในการทำลายเซลล์ที่ผิดปกติ เช่น เซลล์ที่ติดเชื้อ HPV ที่บริเวณปากมดลูกหรือผิวหนัง โดยวิธีนี้สามารถใช้รักษาหูดที่เกิดจากเชื้อ HPV และการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกที่อาจนำไปสู่มะเร็งได้ โดยความเย็นจากไนโตรเจนเหลวจะทำลายเซลล์ผิวหนังที่ติดเชื้อ HPV และทำให้หูดหลุดออกมา ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกจากการติดเชื้อ HPV การจี้เย็นสามารถใช้เพื่อทำลายเซลล์ที่ผิดปกติและป้องกันไม่ให้เซลล์เหล่านั้นพัฒนาเป็นมะเร็งได้ แต่ไม่สามารถกำจัดเชื้อ HPV ออกจากร่างกายได้อย่างถาวร ดังนั้นควรดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตรวจสุขภาพเป็นประจำและรับวัคซีนป้องกัน HPV เพื่อป้องกันการติดเชื้อในอนาคต
ทำไมผู้หญิงควรตรวจหาเชื้อ HPV?
การตรวจหาเชื้อ HPV มีความสำคัญอย่างมากในการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูก โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 21-65 ปี ควรได้รับการตรวจปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ การตรวจพบเชื้อ HPV แต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้สามารถรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่อาจนำไปสู่มะเร็งได้
ใครบ้างที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ HPV?
เชื้อ HPV เป็นไวรัสที่แพร่กระจายได้ง่ายผ่านการสัมผัสทางผิวหนังหรือเยื่อเมือก โดยเฉพาะทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นกลุ่มคนต่อไปนี้จึงมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ HPV
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์หลายคน การมีคู่นอนหลายคนหรือการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยจะเพิ่มโอกาสในการสัมผัสกับเชื้อ HPV มากขึ้น
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย การเริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อยจะทำให้มีเวลาสัมผัสกับเชื้อ HPV นานขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วย HIV หรือผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ HPV และอาจมีโอกาสที่จะพัฒนาเป็นโรคมะเร็งมากขึ้น
- ผู้ที่มีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เริม หรือหนองใน สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV ได้
- ผู้ที่สูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ ทำให้มีโอกาสที่จะติดเชื้อ HPV ง่ายขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงในการพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูก
- ผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีน HPV วัคซีน HPV สามารถป้องกันการติดเชื้อจากสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงได้ การไม่ได้รับวัคซีนเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อและการเกิดโรคที่เกี่ยวข้อง
ทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ HPV แม้จะใช้ถุงยางอนามัยก็ยังไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% ดังนั้นการรับวัคซีนและการตรวจสุขภาพประจำปีจึงมีความสำคัญในการป้องกันและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ HPV และการมีประกันมะเร็งนั้นจะช่วยให้ความสบายใจหากเกิดโรคร้ายที่ไม่คาดฝันขึ้น ทั้งตัวผู้ป่วยและครอบครัวจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องของค่ารักษาพยาบาล และอาจจะทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาที่หลากหลายได้มากยิ่งขึ้น
เช็คสิทธิ์ตรวจมะเร็งปากมดลูก และฉีดวัคซีน HPV ฟรี! มีที่ไหนบ้าง?
สำหรับคนที่กำลังมองหาวัคซีนและการตรวจคัดกรองแบบไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถทำได้ดังนี้
- สำหรับการฉีดวัคซีน HPV ฟรี! มีหน่วยงานหลาย ๆ แห่งที่จัดให้มีการฉีดวัคซีน HPV ฟรี เช่น กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สภากาชาดไทย โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน ฯลฯ โดยส่วนใหญ่จะเน้นฉีดให้ฟรีในคนที่อายุ 12-18 ปี หรือจนถึง 26 ปี โดยต้องมีการจองด้วยการลงทะเบียน ใครที่อยากฉีดวัคซีนจึงควรติดตามข่าวสารอยู่ตลอด เพราะสิทธิ์เต็มค่อนข้างเร็ว
- สำหรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกฟรี! เป็นสิทธิของผู้หญิงอายุ 30-59 ปีทุกคน และผู้หญิงอายุ 15-29 ปีที่เป็นกลุ่มเสี่ยง สามารถตรวจได้ 1 ครั้ง ทุก 5 ปีโดยจองคิวผ่านแอปเป๋าตัง โดยมีขั้นตอน ดังนี้
เข้าแอปเป๋าตัง > กระเป๋าสุขภาพ > สิทธิประโยชน์ > ตรวจคัดกรองมะเร็งสตรี > แล้วเลือกวิธีการตรวจได้เลย โดยมีการตรวจด้วยวิธี
- การตรวจคัดกรองด้วยวิธี HPV DNA
- การตรวจคัดกรองด้วยวิธี Pap Smear
- การรับชุดตรวจ HPV Self Sampling
ควรฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
วัคซีนป้องกันเชื้อ HPV มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อได้รับก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีดวัคซีนในช่วงวัยดังนี้
- เด็กหญิงและเด็กชายอายุ 9-14 ปี ควรเริ่มฉีดวัคซีนป้องกัน HPV ตั้งแต่อายุ 9-14 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อวัคซีนได้ดีที่สุด โดยการฉีดวัคซีนในช่วงอายุนี้จะให้ผลดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อ HPV และโรคที่เกี่ยวข้อง
- วัยรุ่นและผู้ใหญ่ หากไม่ได้รับวัคซีนในวัยเด็ก แนะนำให้รับวัคซีนได้ถึงอายุ 26 ปี โดยทั่วไปแล้ว การฉีดวัคซีนในช่วงอายุ 15-26 ปีจะต้องได้รับการฉีดทั้งหมด 3 เข็ม (ในขณะที่เด็กอายุ 9-14 ปีจะต้องฉีดเพียง 2 เข็ม)
ติดเชื้อ HPV แล้วฉีดวัคซีนได้มั้ย?
หากมีการติดเชื้อ HPV แล้ว ยังสามารถฉีดวัคซีนป้องกัน HPV ได้ เนื่องจากวัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อจากสายพันธุ์อื่น ๆ ของ HPV ที่อาจยังไม่เคยสัมผัสได้ อย่างไรก็ตาม วัคซีนจะไม่สามารถรักษาหรือกำจัดเชื้อ HPV ที่มีอยู่แล้วในร่างกายได้
นอกจากนี้ยังมีวัคซีนที่สามารถป้องกันเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงได้ ซึ่งการได้รับวัคซีนในช่วงวัยรุ่นหรือก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการเกิดมะเร็งปากมดลูกในอนาคต การใส่ใจสุขภาพและเข้ารับการตรวจเป็นประจำจะช่วยให้ผู้หญิงสามารถป้องกันการเกิดโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ HPV ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ HPV นั้นอยู่ที่การรับวัคซีน HPV และการตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำ โดยเฉพาะในผู้หญิงควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ดังนั้นอย่าลืมมองหาแพคเกจตรวจสุขภาพหรือหากไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายก็ยังมีสิทธิของสปสช. สิทธิบัตรทอง สิทธิประกันสังคม หากเราตื่นตัวและตระหนักถึงปัญหาสุขภาพ การติดตามข่าวสารอยู่เสมอก็จะทำให้เข้าถึงสิทธิสุขภาพที่เรามีได้
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)
คำจำกัดความ
ยากดภูมิคุ้มกัน | เป็นกลุ่มยาสำหรับใช้ในการลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่ให้ทำงานมากจนเกินไป โดยปกติจะใช้กับผู้ป่วยที่ปลูกถ่ายอวัยวะเพื่อช่วยให้อวัยวะที่ปลูกถ่ายเข้าไปใหม่นั้นไม่ถูกทำลาย |
Pap Smear | เป็นหนึ่งในวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยสูตินรีแพทย์จะใช้เครื่องมือสอดผ่านช่องคลอด และจะทำการป้ายเซลล์จากมดลูกส่งเข้าแล็บเพื่อตรวจหาเชื้อ HPV หรือเซลล์ที่ผิดปกติที่อาจพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ |
HPV DNA Test | เป็นการตรวจระดับโมเลกุลเพื่อหาเชื้อ HPV อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งจะตรวจหาสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง 14 สายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์เหล่านี้เป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูกถึง 99% เลยทีเดียว |