เราคงจะเห็นโฆษณาขายอาหารเสริมว่อนไปทั่วโลกออนไลน์ กินตัวนี้สิช่วยเรื่องรูปร่าง กินตัวนั้นสิช่วยเรื่องความจำ หรือแม้กระทั่งเดินเข้าร้านขายยาก็จะเห็นเหล่าบรรดาวิตามิน-แร่ธาตุเรียงรายกันมากมายหลายยี่ห้อ คำถามคือ คุณเคยอ่านข้อมูลข้างบรรจุภัณฑ์ก่อนการซื้อวิตามินหรือไม่ และก่อนซื้อทุกครั้งเคยสำรวจตัวเองก่อนมั้ยว่าร่างกายของเรากำลังขาดวิตามินอะไร ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงขาดวิตามิน วิธีดูแลตัวเองด้วยการซื้อวิตามินกินเองจะดีจริงมั้ย มาเช็คกันว่า คุณมีความเข้าใจเรื่องวิตามินและแร่ธาตุมากน้อยแค่ไหน
วิตามินคืออะไร?
วิตามินเป็นกลุ่มสารประกอบอินทรีย์ที่มีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย ซึ่งปกติแล้วร่างกายเราจะได้รับวิตามินจากการรับประทานอาหารประเภทต่าง ๆ เพราะร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง ยกเว้น วิตามินดี ที่มีการสังเคราะห์ที่ผิวเมื่อได้รับแสงแดด วิตามินแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
- วิตามินที่ละลายในน้ำ เช่น วิตามินบี วิตามินซี
- วิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินเอ ดี อี และวิตามินเค
แร่ธาตุคืออะไร?
แร่ธาตุคือ สารอาหารที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและควบคุมกระบวนการทำงานของร่างกายให้ได้เต็มประสิทธิภาพ โดยสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ คือ
- แร่ธาตุหลัก คือแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการในปริมาณมากกว่า 100 มิลลิกรัมต่อวัน เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม ฟอสฟอรัส เป็นต้น
- แร่ธาตุรอง คือแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อยกว่า 100 มิลลิกรัมต่อวัน เช่น โครเมียม ธาตุเหล็ก ไอโอดีน สังกะสี เป็นต้น
โดยปกติทั่วไปแล้ว ในคนที่อายุยังน้อยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ บวกกับการกินผักและผลไม้หลากสี ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ เข้านอนไม่ดึก นอนได้วันละ 8 ชั่วโมง ปาร์ตี้สังสรรค์นาน ๆ ทีครั้ง หากเป็นคนลักษณะที่กล่าวมานี้ เรื่องการกินวิตามินเสริม คงไม่จำเป็น แต่หากไม่ใช่ดังที่กล่าวมาการเลือกกินวิตามินเสริม ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีในวิธีดูแลตัวเอง เราไปเช็คกันว่าคุณมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องวิตามินมากน้อยแค่ไหน
อาหารเสริมให้ประโยชน์เรื่องอะไรบ้าง?
วิตามิน เอ – สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงสายตา ผม และเล็บ
วิตามิน บี1 – บำรุงประสาท แก้เหน็บชา ช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตให้เปลี่ยนไปเป็นพลังงาน
วิตามิน บี2 – ช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ถ้าขาดจะเป็นแผลที่มุมปาก ผิวหยาบกระด้าง
วิตามิน บี3 – ช่วยบำรุงผิวหนังและระบบประสาท
วิตามิน บี5 – ลดอาการภูมิแพ้ หอบหืด นอนไม่หลับ
วิตามิน บี6 – ช่วยบำรุงประสาท คลายเครียด
วิตามิน บี7 – ช่วยในการย่อยหรือแตกตัวของโปรตีน
วิตามิน บี9 – ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยเรื่องความจำ ป้องกันมะเร็งลำไส้
วิตามิน บี12 – ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง บำรุงประสาท ป้องกันอาการอ่อนเพลียจากโลหิตจาง
วิตามิน ซี – ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก สร้างคอลลาเจน ต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิว ลดภูมิแพ้ แก้หวัด
วิตามิน ดี – ควบคุมการดูดซึมแคลเซียม บำรุงกระดูกและฟัน
วิตามิน อี – ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ป้องกันการแข็งตัวของเลือด
วิตามิน เค – ช่วยในการแข็งตัวของเลือด
Q10 – ช่วยเรื่องผิวพรรณ ชะลอวัย
แคลเซียม – ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน
โอเมก้า 3 – ช่วยเรื่องโครงสร้างการทำงานของสมองและระบบประสาท ลดคอเลสเตอรอล
กินอาหารเสริมยังไงให้ได้ผลและปลอดภัย
เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่เข้าใจผิดเรื่องการกินอาหารเสริม แม้ว่าการกินวิตามินจะเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากขาดความรู้ความเข้าใจ ซื้อวิตามินกินเอง กินเยอะ ๆ หลายตัวเข้าไว้แหละดีต่อสุขภาพ ความเชื่อที่ผิดแบบนี้ ส่งผลต่อสุขภาพของเราแน่นอน โดยเฉพาะผลกระทบต่อตับ
สิ่งที่ดีที่สุดก่อนการกินวิตามิน คือ ไปพบแพทย์ เจาะเลือด เพื่อตรวจว่าร่างกายของเราขาดวิตามิน-แร่ธาตุอะไรอยู่บ้าง สำหรับคนที่กินวิตามินเป็นประจำ การเจาะเลือดตรวจ เป็นการเช็คว่าตับของเราทำงานหนักเกินไปหรือไม่ วิตามินที่กินเข้าไปนั้น มันมากเกินไป หรือกำลังพอดี
วิตามินบางตัวต้องกินคู่กับอีกตัวถึงจะมีประสิทธิภาพ เช่น วิตามิน ดี ต้องกินคู่กับวิตามิน เค2 เพราะวิตามิน ดี ทำหน้าที่ดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย ส่วนวิตามิน เค2 ทำหน้าที่นำแคลเซียมส่วนเกินออกจากร่างกาย เป็นต้น
กลุ่มเสี่ยงขาดวิตามินและแร่ธาตุ
อย่างที่ทราบกันว่าอาหารเป็นแหล่งวิตามิน การรับประทานอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญกับร่างกาย หากไม่อยากหาวิตามินมากินเพิ่มหรือซื้อวิตามินกินเอง คงต้องหันมาใส่ใจเรื่องอาหารให้มากขึ้น แต่ถึงอย่างไรเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น การรับประทานอาหารอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องหาตัวช่วยอย่างวิตามินมากินเสริม สำหรับกลุ่มเสี่ยงในการขาดวิตามิน มีดังนี้
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่งดรับประทานเนื้อสัตว์
- ผู้ที่ผ่าตัดกระเพาะหรือลำไส้
- การรับประทานยาบางชนิดที่ทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามิน-แร่ธาตุบางชนิดลดลง
- การได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ
- ผู้ที่ดื่มสุรา สูบบุหรี่ หรือผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนมาก ๆ
อาการขาดวิตามินและแร่ธาตุ
สำหรับผู้ที่มีอาการขาดวิตามิน-แร่ธาตุ จะสามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี
- ขาดแบบชัดเจน – ขาดวิตามินมากจนเกิดโรค เช่น ขาดวิตามินบี 12 และโฟเลต ทำให้เกิดความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง
- ขาดแบบไม่เพียงพอ – เช่น ขาดวิตามินบี 12 จากการกินไม่เพียงพอเพราะทานมังสวิรัติ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น การเผาผลาญพลังงานไม่ได้ นอนไม่หลับ ผิวไม่กระจ่างใส
ทริคลดวามเสี่ยงจากการซื้ออาหารเสริมกินเอง
หากรู้อยู่แล้วว่าร่างกายของเราขาดวิตามินอะไร การเลือกซื้อวิตามิน ควรดูบริษัทผู้ผลิตหรือยี่ห้อว่าได้มาตรฐานหรือไม่ และควรกินไม่เกินปริมาณที่ฉลากข้างบรรจุภัณฑ์ระบุเอาไว้ถือว่าปลอดภัย การกินอาหารเสริมในขณะที่ร่างกายไม่ได้ต้องการเป็นเรื่องที่อันตรายเพราะวิตามินบางชนิดโดยเฉพาะที่ละลายในไขมันจะเกิดการสะสมในร่างกาย วิตามินทุกตัวไม่ได้เหมาะกับทุกคน เมื่อมันมีประโยชน์ มันก็มีโทษได้เช่นกัน ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิตามินและอาหารเพื่อสุขภาพให้ดีก่อนตัดสินใจเริ่มรับประทานอาหารเสริม
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)