ทราบหรือไม่ว่า ความเครียด หากเราปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ โดยไม่มีวิธีจัดการกับความเครียด เช่น เครียดเรื่องเงิน เครียดเรื่องงาน เครียดเรื่องความรักความสัมพันธ์ ฯลฯ ความเครียดเหล่านี้เหมือนยาพิษ ที่คอยจ้องจะทำลายสุขภาพของเรา และนำมาซึ่งโรคร้ายต่าง ๆ วันนี้รู้ใจมีเทคนิคการรับมือกับความเครียดมาฝากผู้อ่านทุกท่าน รวมวิธีเลิกคิดมาก วิธีแก้เครียด ในแต่ละสถานการณ์ แม้ว่าจะจัดการกับความเครียดจะทำไม่ได้ 100% ก็ตาม แต่การรู้วิธีการจัดการความเครียดก็เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำให้ได้
โรคเครียดคือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการปรับตัวต่อเหตุการณ์ความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และทุกเรื่อง ระดับความเครียดของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และวิธีจัดการกับความเครียด โดยความเครียดมีที่มาจาก 2 ปัจจัยดังนี้
- ปัจจัยภายนอก เช่น การลาออกจากงาน การเปลี่ยนงาน การย้ายที่อยู่อาศัย การหย่าร้าง ทะเลาะกับเพื่อน ความเครียดภายในครอบครัว ภาวะเศรษฐกิจ หรือภัยธรรมชาติ
- ปัจจัยภายใน เช่น มีโรคประจำตัว มีความคาดหวัง การปรับตัวที่ยาก การมีบุคลิกภาพที่ไม่ยืดหยุ่นต้องเป็นไปตามกรอบความคิด เป็นต้น
ทำไมต้องจัดการความเครียด?
ความเครียดสามารถเกิดขึ้นได้ทุกสถานการณ์และทุกรูปแบบ ตั้งแต่ตื่นนอน ไปทำงาน กลับบ้าน เครียดไปจนถึงเรื่องของการคำนวณภาษีในปีหน้า ความเครียดสะสมเหล่านี้ส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและใจ และยังนำมาซึ่งโรคร้ายต่าง ๆ ได้แก่ โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคซึมเศร้า โรคกระเพาะอาหาร ฯลฯ ซึ่งอาการของความเครียดที่มักจะปรากฎออกมามีดังนี้
- อารมณ์แปรปรวน
- นอนไม่หลับ หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ
- อ่อนเพลีย เมื่อยล้า
- น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นแบบผิดปกติ
- ระบบทางเดินอาหาร ผิดปกติ
- สมาธิสั้น หรือไม่มีสมาธิในการทำงาน
- ปวดหัว อาเจียน
อาการเหล่านี้ เป็นอาการของคนที่มีความเครียด ซึ่งบางคนมีอาการเครียดไม่รู้ตัว แต่ก็จะแสดงอาการออกมาให้เห็น บางคนแสดงอาการเพียงอย่างเดียว บางคนแสดงอาการเครียดหลาย ๆ อย่างออกมาให้เห็นต่างกันออกไป การจัดการความเครียดให้ได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เรามาศึกษากันต่อว่า มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่นำไปสู่ภาวะเครียด
ความเครียดส่งผลยังไงต่อเรา?
ทราบหรือไม่ว่า มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งรายงานว่า ความเครียดสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเราพอ ๆ กับการสูบบุหรี่ 5 มวนต่อวัน ความเครียดจะส่งผลยังไงต่อเราบ้าง มีดังนี้
1. เครียดทำให้ Burnout
ความเบื่อ เหนื่อยหน่าย ท้อแท้เหล่านี้เป็นผลมาจากความเครียดที่สะสมเป็นเวลานาน จากข้อมูลของ Gallup ที่เป็นแพลตฟอร์มสำรวจพนักงานออฟฟิศด้านพฤติกรรมต่าง ๆ รายงานว่า พนักงาน 8 ใน 10 คนมีภาวะหมดไฟในการทำงาน ซึ่งอาจเกิดจากวัฒนธรรมองค์กร เพื่อนร่วมงาน เนื้องาน และปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เช่น สถานการณ์บ้านเมือง ครอบครัว เป็นต้น
2. เครียดทำให้เสี่ยงโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
จากข้อมูลของ American Heart Association รายงานเอาไว้ว่า ความเครียดส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว ความเครียดทำให้อัตราการเต้นของหัวใจสูงกว่าปกติ หากร่างกายยังคงความเครียดต่อไป ในระยะยาวอาจก่อให้เกิดโรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูง
3. เครียดส่งผลต่อสุขภาพ
ความเครียดส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยตรง มันจะดึงพลังงานของเราไปจนหมด ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายไม่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ เช่น ระบบย่อยอาหาร ระบบสืบพันธุ์ ระบบต่อมไร้ท่อ ส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย
ความเครียดที่มาในรูปแบบต่าง ๆ จะมีวิธีการจัดการหรือรับมือแตกต่างกัน รู้ใจรวบรวมวิธีการรับมือกับความเครียดให้ผู้อ่านทุกท่านนำไปปรับใช้ ได้ดังต่อไปนี้
วิธีจัดการกับความเครียดในครอบครัว
บ้านและครอบครัวน่าจะเป็นสถานที่พักใจ ที่เราสามารถทิ้งตัวลงได้อย่างสบายใจ แต่ก็มีหลายบ้านที่เป็นต้นเหตุของความเครียด เช่น ปัญหาเรื่องความขัดแย้งในครอบครัว ปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ปัญหามือที่สาม ปัญหาทางการเงิน ฯลฯ วิธีจัดการความเครียดในครอบครัว ทำได้ดังนี้
1. เปิดใจพูดคุย
ลองเปิดใจพูดคุยถึงปัญหาในครอบครัวกับสมาชิกในบ้าน สื่อสารให้รู้สาเหตุของความเครียด การพูดคุย สื่อสารเป็นการระบายความเครียดอย่างหนึ่ง หากไม่สามารถพูดคุยกับคนในครอบครัวได้ ลองหาที่ปรึกษาหรือคนที่สามารถรับฟังเราได้ เช่น เพื่อน หรือสายด่วนสุขภาพ 1323
2. หาทางออก
เราไม่ควรปล่อยให้ความเครียดมาเริงร่าในร่างกายของเรา หากรู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในภาวะเครียด ต้องรีบหาทางออกหรือวิธีแก้ปัญหา เช่น ปัญหาทางการเงินไม่พอ ลองเสิร์ชหางานเสริม ที่เราพอจะทำได้ เพราะการนั่งเฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลย จะยิ่งทำให้ความเครียดเพิ่มขึ้น
3. จัดบ้านให้เป็นระเบียบ
อย่ามองข้ามเรื่องการจัดบ้าน! การจัดบ้านให้เป็นระเบียบ น่าพักผ่อน น่าอยู่ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเยียวยาจิตใจของเราจากความเครียดจากการทำงานหรือความเครียดจากปัญหานอกบ้าน ในข้อนี้อาจต้องขอความร่วมมือสมาชิกในบ้าน ในการช่วยกันทำให้บ้านเป็นที่ ๆ น่าอยู่
4. หาพื้นที่ส่วนตัว
ควรมีห้องหรือพื้นที่ส่วนตัว ที่สมาชิกในบ้านไม่สามารถเข้ามารบกวนได้ การมีพื้นที่ส่วนตัวที่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เป็นการช่วยกำจัดความเครียดออกไปได้ในระดับหนึ่ง ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมารบกวน หรือไม่ต้องมานั่งตอบคำถามในเวลาที่ไม่อยากคุยกับใคร
วิธีจัดการความเครียดในที่ทำงาน
งาน สถานที่ทำงาน เพื่อนร่วมงาน เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนส่วนใหญ่ตกอยู่ในภาวะเครียด จากรายงานของ Gallup ในปี 2020 พบว่า ความเครียดที่เกิดจากการทำงานทะยานพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ความเครียดในแต่ละวันของพนักงานออฟฟิศสูงราว ๆ 40% ต่อการทำงานในหนึ่งวัน วิธีจัดการความเครียดในที่ทำงาน ทำได้ดังนี้
1. ความคาดหวังทำให้เครียด
แน่นอนว่าหัวหน้าแต่ละแผนกก็ต้องการที่จะโชว์ผลงานของแผนกตัวเอง หากเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับให้เราทำงานที่ไม่ถนัด เกินความสามารถ หรือไม่ได้เป็นไปตามข้อกำหนดในการจ้างงานแต่แรก ให้รีบเคลียร์กับหัวหน้าฝ่ายถึงสถานะการทำงานของเรา
2. หลีกเลี่ยงการเป็น “เป็ด”
เป็ดเป็นสัตว์ที่ทั้งบินก็ได้ ว่ายน้ำก็ได้ แต่ไม่ได้เก่งด้านใดด้านหนึ่ง เช่นเดียวกันกับการทำงาน พยายามอย่าทำให้ตัวเองเป็นเป็ด หากหัวหน้าหรือเจ้านายมอบหมายงานให้มากจนเกินความสามารถของเรา ให้ “ปฏิเสธ” เพราะถ้าฝืนทำไปแล้วผลงานออกมาไม่ดี เรานี่แหละที่จะเครียดมากยิ่งขึ้น
3. หลีกเลี่ยงการปะทะหรือความขัดแย้ง
การทำงานกับคนร้อยพ่อพันแม่ เป็นเรื่องปกติที่จะมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน และนี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดในที่ทำงาน พยายามลดความขัดแย้งให้เหลือน้อยที่สุดโดยท่องคาถา “ช่างมัน” เอาไว้ในใจ เรื่องไหนไม่คอขาดบาดตายก็ “ช่างมัน”
4. ทำใจสบาย ๆ
การทำใจให้สบายไม่ได้หมายถึงแค่การปล่อยวาง ยังหมายความถึง การจัดโต๊ะทำงาน สภาพเเวดล้อมรอบตัวเราในที่ทำงาน แม้แต่เสื้อผ้าก็สามารถทำให้เราเครียดได้ ยกตัวอย่าง บางบริษัทมีกฏ ระเบียบ ข้อบังคับในการแต่งตัวของพนักงานมากเกินไป ทำให้พนักงานเกิดความเครียด เพราะมัวแต่ไปสนใจเรื่องเสื้อผ้าว่าจะถูกระเบียบหรือไม่ หากมันเครียดจนเกินไปและส่งผลต่อสุขภาพของตัวเอง ไม่แนะนำให้ทน หากมั่นใจในศักยภาพของตัวเอง การย้ายงานเป็นทางออกอีกทางที่จะช่วยลดความเครียดลงได้
วิธีจัดการกับความเครียดในเรื่องความสัมพันธ์
ทุก ๆ ความสัมพันธ์มีความเครียดแฝงตัวอยู่ เรามาดูวิธีจัดการความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกัน
1. ทิ้งความเครียดที่ไม่ได้เกิดจากความสัมพันธ์
ความเครียดที่ไม่ได้เกิดจากความสัมพันธ์ เช่น เครียดเรื่องงาน ความเครียดนี้เรียกว่าปัจจัยภายนอกความสัมพันธ์ หากคนใดคนหนึ่งเครียดเรื่องอื่น ๆ มา แล้วไม่จัดการกับความเครียดเหล่านั้น แล้วมาลงที่คู่รักของตัวเอง อาจก่อให้เกิดการทะเลาะกัน เกิดแผลภายในจิตใจจนอาจนำไปสู่การเลิกรากันก็ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ควรเอาเรื่องเครียดอื่นมาปนกับความสัมพันธ์
2. มองหาต้นตอของปัญหา
การทะเลาะกันแต่ละครั้งให้มองว่าเป็นการเรียนรู้กัน หลังจากการทะเลาะจบก็ควรนั่งลงและคุยกันถึงปัญหาว่ามันเกิดจากอะไร และจะเเก้ไขยังไง การทะเลาะกันไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจต้นตอของปัญหา จะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง ซึ่งหลายคู่มักจะลงเอยด้วยการเลิกกัน
3. มีระยะห่างให้กันและกัน
การมีระยะห่างให้กับคนรักเป็นเรื่องที่จำเป็น สิ่งที่เราอยากแนะนำคือ การปล่อยให้คนรักของเราไปทำกิจกรรมที่เขาชอบกับกลุ่มเพื่อน ๆ โดยไม่ต้องมีเราไปด้วยทุกครั้ง และตัวเราเองก็ควรจะมีเวลาสำหรับตัวเองที่สามารถไปทำในสิ่งที่ชอบ หรือท่องเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน โดยที่ไม่ต้องตัวติดกันตลอดเวลา หลายคู่ที่อยู่บ้านเดียวกันจะใช้วิธีนี้ในการลดความตึงเครียดของความสัมพันธ์ และยังเป็นการช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ดีมากขึ้นอีกด้วย
4. การสื่อสารเป็นเรื่องจำเป็นมากสำหรับความสัมพันธ์
การพูดคุยกับคนรักถึงสิ่งที่ชอบและไม่ชอบอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จริง ๆ แล้วมันสามารถกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ เช่น การถามความคิดเห็นว่ากินอะไรดี ส่วนใหญ่แล้วฝ่ายหญิงมักจะตอบว่าอะไรก็ได้ การตอบแบบนี้บ่อย ๆ อาจนำไปสู่การทะเลาะได้ในระยะยาว เพราะจริง ๆ ในใจฝ่ายหญิงอาจจะไม่ได้อยากกินสิ่งที่ฝ่ายชายเลือกก็ได้ แต่ไม่ยอมสื่อสารออกไป เป็นต้น เราอาจต้องปากตรงกับใจสำหรับเรื่องของความสัมพันธ์
เทคนิคและวิธีจัดการกับความเครียดที่รู้ใจนำเสนอในวันนี้ สามารถเป็นไกด์แนะแนวทางให้ หลังจากนี้ ผู้อ่านต้องนำไปปรับใช้กับตัวเอง ตั้งแต่เรื่องครอบครัว การงาน ไปจนถึงเรื่องของความรัก อย่าลืมว่าความเครียดเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อสุขภาพร่างกายของเราได้ ลองใช้เทคนิคเหล่านี้ดูเพื่อปรับสมดุลย์และลดความเครียดในแต่ละวันของคุณ และหากใช้ทุกเทคนิคแต่ยังจัดการความเครียดไม่ได้การพูดคุยปรึกษากับนักจิตวิทยาก็เป็นอีกทางออกหนึ่งได้เช่นกัน
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)