ถ้าไม่นับรวมโรคมะเร็งผิวหนัง โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักนับเป็นโรคมะเร็งที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในคนไทย หากคุณพบสัญญาณใด ๆ ที่อธิบายไว้ในบทความนี้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพราะมันอาจจะไม่มีอะไร แต่การรู้ก่อนย่อมดีกว่ารู้ในวันที่สาย
แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำว่าควรเริ่มทำการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งเมื่ออายุ 50 ปี เป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่เราควรเรียนรู้ปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็ง พฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มีอะไรบ้าง?
- ประวัติครอบครัว – จากข้อมูลของ American Cancer Society พบว่าโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นกรรมพันธุ์ หากคนในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เคยมีประวัติเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่มาก่อน สมาชิกอื่น ๆ ในครอบครัวก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เช่นกัน ฉะนั้น ทางที่ดีหากรู้ว่ามีความเสี่ยงจากกรรมพันธุ์ ควรทำการตรวจหาโรคมะเร็งทุกปีก่อนอายุ 50
- อายุ – อีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่คือ อายุ เพราะเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นตาม ยิ่งอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ยิ่งมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่รวมถึงโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ ค่อนข้างสูง
- น้ำหนัก – น้ำหนักที่เกินมาตรฐานหรือคนที่เป็นโรคอ้วนมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยผู้ชายที่เป็นโรคอ้วนจะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงที่เป็นโรคอ้วน
- ผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย – ในผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยมีความเสี่ยงมากกว่าในผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ รวมไปถึงการทานอาหารจำพวกอาหารแปรรูปต่าง ๆ จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ยังไม่มีรายงานที่ชัดเจนว่าประเภทอาหารที่มีไขมันสูงมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือไม่ ทางที่ดีควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงไว้ก่อนย่อมดีกว่า
- บุหรี่และแอลกอฮอลล์ – แน่นอนว่าการสูบบุหรี่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอด แต่บุหรี่ยังสามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งอื่น ๆ ได้อีกเช่นกัน เช่น โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอลล์เป็นประจำและเป็นระยะเวลายาวนานและดื่มหนัก มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ นอกจากนั้น อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งตับอีกด้วย
8 สัญญาณเตือนของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม มีอะไรบ้าง?
- อุจจาระเป็นเลือด – เราควรสังเกตุร่างกายของเรารวมถึงการขับถ่าย มันเป็นเรื่องปกติที่ควรจะตรวจเช็กของเสียที่ออกจากร่างกายของเรา ของเสียเหล่านี้สามารถบ่งบอกถึงความผิดปกติภายในร่างกายของเราได้ อย่าละเลยที่จะตรวจเช็กอย่างสม่ำเสมอ หากมีเลือดปนออกมากับอุจจาระให้สันนิษฐานก่อนเลยว่า ไม่ใช่เรื่องที่ควรนิ่งดูดาย ข้อแตกต่างระหว่างโรคริดสีดวงและโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่คือ โรคริดสีดวง เลือดจะหยดหลังจากที่เราถ่ายหนักเสร็จ แต่ถ้าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่จะมีเลือดปนมากับอุจจาระหรือมีเลือดเคลือบอุจจาระ
- สีของอุจจาระมีการเปลี่ยนแปลง – อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถสังเกตุได้จากอุจจาระก็คือสี ถ้าอุจจาระมีสีเข้มมากหรือมีสีดำและเหนียว สัญญาณนี้กำลังบอกว่ามีสิ่งผิดปกติในลำไส้ของเรา ควรรีบไปโรงพยาบาลตรวจเช็กอาการทันที เพราะสีที่เปลี่ยนไปของอุจจาระอาจหมายถึงมีเลือดออกในลำไส้ใหญ่ของเรา
- มีเลือดออกทางทวารหนัก – เลือดที่ออกมาทางทวารหนักจะมีสีแดงสด และสามารถพบได้ที่น้ำในโถส้วมหรือกระดาษชำระ
- ท้องผูกสลับกับท้องเสีย – ถ้ามีอาการท้องผูกสลับกับท้องเสียและทั้ง ๆ ที่ทานอาหารเท่าเดิมแต่น้ำหนักลดฮวบโดยไม่ทราบสาเหตุ ให้คิดก่อนเลยว่าเป็นเรื่องไม่ปกติควรปรึกษาแพทย์และทำการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ภาวะโลหิตจาง – ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางหมายถึงการขาดแคลนเซลล์เม็ดเลือดแดงในเลือด ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นได้จากการสูญเสียเลือดในลำไส้ใหญ่
- ปวดท้องหรือรู้สึกไม่สบายในช่องท้อง – หากคุณมีอาการท้องอืดบ่อย ๆ มีแก๊ส และมักปวดเกร็งบริเวณช่องท้อง คุณอาจจะกำลังอยู่ในความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ท้องเสีย – หากมีอาการท้องเสียเรื้อรังมักจะเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
- คลื่นไส้และอาเจียน – อาการคลื่นไส้และอาเจียนโดยไม่ทราบสาเหตุอาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เช่นกัน
ส่วนใหญ่แล้วโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะแรก ๆ จะไม่ค่อยแสดงอาการ อย่างไรก็ดี ควรหมั่นสังเกตุพฤติกรรมการขับถ่ายของตัวเอง เพราะการขับถ่ายเป็นสัญญาณโดยตรงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างไร? มารู้ทันโรคมะเร็งกันดีกว่า!
วิธีป้องกันง่าย ๆ ตามด้านล่างนี้ อาจช่วยให้คุณห่างไกลจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
- เลี่ยงการรับประทานอาหารไหม้เกรียมที่มีสารก่อโรคมะเร็ง
- เพิ่มปริมาณการรับประทานผัก เช่น แครอท ฟักทอง หรือผักใบเขียวให้มากขึ้น
- เลี่ยงอาหารรสจัด หวานจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด และเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เน้นเนื้อปลาแทนเนื้อแดง
- เลี่ยงการรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ เพราะในอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ นั้นมีพยาธิ ซึ่งจะทำให้มีการอักเสบขึ้นภายในและนำไปสู่การเป็นโรคมะเร็งลำไส้ในที่สุด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินออกกำลังกายวันละ 30 นาทีขึ้นไป
นอกจากการป้องกันมะเร็งทางกายภาพแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่ไม่ควรมองข้าม คือ การวางแผนทำประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายและประกันมะเร็งเผื่อเอาไว้ในยามฉุกเฉิน เนื่องจากค่ารักษาพยาบาล การผ่าตัด และการฟื้นฟูหลังผ่าตัดโรคมะเร็งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ถ้าไม่มีการวางแผนซื้อประกันเอาไว้ อาจจะลำบากในการรักษาได้ เพราะจะกระทบเงินเก็บของคุณแน่นอน
สำหรับผู้ที่ต้องการทำประกันมะเร็งที่รู้ใจ ที่ซื้อง่าย ราคาดี เชื่อถือได้ คุ้มครองมะเร็งทุกชนิด ทุกระยะ ตรวจเจอรับเงินก้อนทันทีสูงสุดถึงหลักล้าน สามารถศึกษารายละเอียดและข้อมูลผลประโยชน์ประกันมะเร็งที่รู้ใจผ่านทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม.
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักเป็นโรคมะเร็งชนิดที่สามารถป้องกันและรักษาให้หายได้ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก ๆ หากสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ในทันที รู้ใจเป็นห่วงคุณและคนที่คุณรัก
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือ Official Line ID: @roojai
