ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ระดับฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นนี้ ฝุ่นละอองในอากาศขนาดเล็กนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของเรา วันนี้เรามาดูกันว่าผลกระทบของฝุ่น pm 2.5 ส่งผลต่อร่างกายเรา สุขภาพผิวเรายังไง มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงอะไรบ้าง และดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคที่เกิดจากฝุ่นได้ยังไง มาเรียนรู้และเฝ้าระวังไปด้วยกัน
ทำไมฝุ่น PM 2.5 ถึงอันตราย?
ฝุ่น PM 2.5 คือ ฝุ่นละอองในอากาศที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผม ด้วยความที่ฝุ่นพิษเหล่านี้มีขนาดเล็กมากทำให้มันสามารถหลุดลอดเข้าสู่ร่างกายพุ่งตรงไปที่ปอด ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และมันยังสามารถเข้าไปในระบบไหลเวียนเลือดและกระจายทั่วร่างกายของเราได้อีกด้วย
ฝุ่น PM 2.5 ศัตรูตัวร้ายของผิว
ด้วยความที่อนุภาคของฝุ่น PM 2.5 เล็กมาก และมักจะมีสารประกอบพวกคาร์บอนที่มีคุณสมบัติละลายได้ดีในน้ำมัน จึงสามารถเล็ดลอดเข้าไปสู่เซลล์ผิวหนังของเราและไปทำปฏิกิริยาออกซิเดชันกับผิวหนัง ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ และเกิดจุดด่างดำ และยังเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอื่น ๆ อาจกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ ระคายเคือง ยิ่งในคนที่เป็นสิวง่ายอาจเห่อขึ้นมาทั่วหน้า หน้าอก และหลัง
ผลกระทบของฝุ่น PM 2.5
- ระยะสั้น – ทำให้เกิดการระคายเคืองตา คัดจมูก น้ำมูกไหล แสบคอ ภูมิแพ้และหอบหืดกำเริบ ระคายเคืองผิวหนัง และทำให้ปอดอักเสบ ติดเชื้อได้ง่าย
- ระยะยาว – ส่งผลให้การทำงานของปอดแย่ลง เสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ และโรคร้ายแรงอื่น ๆ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
6 โรคที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5
นอกจากฝุ่น PM 2.5 จะส่งผลกระทบต่อผิวหน้าและผิวกายโดยตรง ยังเป็นสาเหตุของโรคร้ายต่อไปนี้
- โรคระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง และเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ
- โรคถุงลมโป่งพอง โรคถุงลมโป่งพองเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งปอด
- โรคหัวใจขาดเลือด ในผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันด้วยไขมัน เมื่อหายใจเอามลภาวะที่เป็นพิษอย่างฝุ่น PM 2.5 มันจะตรงเข้าสู่กระแสของเรา ทำให้เกิดการอักเสบ และทำปฏิกิริยาที่หลอดเลือดทำให้หลอดเลือดอุดตัน ซึ่งนำไปสู่ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
- โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ฝุ่นพิษที่เราหายใจเข้าไปนั้น สามารถกระตุ้นให้หัวใจทำงานผิดจังหวะได้ ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวหรือน้ำท่วมปอดได้
- โรคหลอดเลือดสมอง มลภาวะในอากาศทำให้เส้นเลือดในสมองมีการแข็งตัวขึ้น และการไหลเวียนของเลือดข้นขึ้นกว่าปกติ รวมทั้งความดันโลหิตที่สูงขึ้นที่เป็นปัจจัยที่น่ากลัว ที่จะนำไปสู่ภาวะสมองขาดเลือดจนเป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้
- โรคเยื่อบุตาอักเสบ จะมีอาการระคายเคืองที่ตา ตาอักเสบ ตาแดง แสบตา และคันตา
วิธีการดูแลสุขภาพเมื่อต้องเผชิญฝุ่น PM 2.5
- สวมหน้ากากอนามัยสำหรับป้องกันฝุ่น PM 2.5 ทุกครั้งเมื่อต้องออกจากบ้าน
- งดกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่ค่าฝุ่นสูง
- ปิดประตู หน้าต่าง เพื่อป้องกันฝุ่นเข้าบ้าน
- งดการสูบบุหรี่
- ในกลุ่มเสี่ยงหรือคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ โรคปอด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรัง ควรหลีกเลี่ยงการสูดฝุ่น PM 2.5
- สวมแว่นกันลมหากต้องออกนอกบ้าน จะเป็นหนึ่งในวิธีแก้อาการเคืองตา
- หากเกิดอาการผิดปกติกับร่างกายควรพบแพทย์ทันที
- ติดตามและเฝ้าระวังดัชนีคุณภาพอากาศ
- ดื่มน้ำมาก ๆ น้ำจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
- ทาครีมกันแดด เป็นตัวช่วยไม่ให้แสงแดดและมลภาวะทำร้ายผิว
อย่าลืมดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากฝุ่น PM 2.5 แม้ว่าการสูดเข้าไปจะไม่ได้ทำให้เกิดอาการในทันที แต่การที่ค่อย ๆ สูดดมฝุ่นแบบไม่ทันได้รู้ตัว สะสมไปเรื่อย ๆ จนอาการของโรคเริ่มแสดงออก จนถึงวันนั้นอาจน่ากลัวกว่าการเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ นอกจากนั้นอย่าลืมดูแลผิวพรรณให้สัมผัสฝุ่น PM 2.5 น้อยที่สุด พยายามไม่จับ แคะ แกะ เกาผิว เพื่อเลี่ยงการอักเสบ ระคายเคือง และทั้งหมดนี้ เป็นวิธีดูแลตัวเองเมื่อต้องอยู่กับสภาพอากาศที่มีฝุ่น
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือการทำประกันโรคร้ายแรงต่าง ๆ จะเป็นการวางแผนทางการเงินเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพราะสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวันก็ยิ่งอันตรายต่อสุขภาพของเรามากขึ้น การดูแลตัวเองยิ่งเป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจมาก ประกันโรคร้ายแรงที่รู้ใจ เจอ จ่าย จบ คุ้มครองเงินก้อนสูงสุด 2 ล้านบาท เลือกปรับแผนได้ตามใจ พร้อมดูแลครบ จบที่เดียว
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)