หากคุณกำลังมีอาการเจ็บคอและเสียงแหบ โดยทั่วไปอาการเหล่านี้มักจะเป็นอาการเริ่มต้นของคนเป็นหวัด แต่หากอาการแบบนี้เรื้อรังนานหลายอาทิตย์ หลายเดือน คุณอาจต้องคิดใหม่ เพราะนี่อาจจะไม่ใช่แค่ไข้หวัด แต่อาจเป็นอาการของกรดไหลย้อน ซึ่งหากละเลยไม่ทำการรักษาอย่างถูกต้อง จนกลายเป็นกรดไหลย้อนเรื้อรัง อาจส่งผลให้เกิดแผลที่หลอดอาหารและนำไปสู่การเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้ในที่สุด เรามาดูวิธีรักษาอาการกรดไหลย้อนขึ้นคอกันได้ในบทความนี้
ภาวะกรดไหลย้อนขึ้นคอ อาจส่งผลให้เกิดการเจ็บคอและเสียงแหบ และในบางรายการรับรู้รสชาติอาหารอาจเปลี่ยนไป อาการที่พบได้บ่อยร่วมกับอาการกรดไหลย้อนขึ้นคอคืออาการจุกเสียดท้องหรือปวดท้องตรงกลาง ซึ่งต้องยอมรับว่า โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเรานั้น ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง เช่น ดื่มแอลกอฮอลล์เป็นประจำ กินเสร็จปุ๊บล้มตัวลงนอนปั๊บ หรือดื่มชา กาแฟ ในขณะที่ท้องว่าง เป็นต้น
พฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์เหล่านี้ เมื่อตอนยังเป็นวัยหนุ่มสาวร่างกายอาจยังพอที่จะต้านทานโรคเอาไว้ได้ แต่หากปล่อยให้มีอาการเรื้อรังโดยไม่รักษา ท้ายที่สุดแล้วอาจจะนำโรคร้ายมาสู่ร่างกายของเรา โรคกรดไหลย้อนอาจเป็นเพียงโรคเล็ก ๆ ที่ไม่ร้ายแรง แต่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหารและทุกคนสามารถเป็นโรคกรดไหลย้อนนี้ได้เท่า ๆ กัน
กรดไหลย้อนคืออะไร?
กรดไหลย้อน หรือ Gastroesophageal reflux disease : GERD เป็นภาวะที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปยังหลอดอาหาร พบได้ตั้งแต่เด็กทารกไปจนถึงผู้ใหญ่ ซึ่งโดยปกติร่างกายของคนเราจะมีการไหลย้อนของกรดในกระเพาะอาหารขึ้นไปยังหลอดอาหารอยู่บ้าง โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร ในผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อนนี้ จะมีการไหลย้อนของกรดมากกว่าคนปกติ จนทำให้เกิดการรบกวนต่อชีวิตประจำวัน และเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้ เช่น การอักเสบของหลอดอาหาร
ซึ่งโรคกรดไหลย้อนนับว่าเป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อร่างกาย สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของแต่ละคน อาการจะมีตั้งแต่แสบร้อนกลางอก ลามไปถึงลำคอหรือหน้าอกหลังจากรับประทานอาหาร หรืออาจมีการเรอกลิ่นเปรี้ยวร่วมด้วย
กรดไหลย้อนเกิดจากอะไร?
1. ความผิดปกติของหูรูดส่วนปลายหลอดอาหาร
ซึ่งทำหน้าที่ในการป้องกันกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารมีความดันของหูรูดต่ำ หรือมีการเปิดบ่อยกว่าคนปกติ ความผิดปกติเหล่านี้ มีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและยาบางชนิด เช่น ยารักษาอาการหอบหืด หรือยาที่มีฤทธิ์แรงในการกัดกระเพาะ
2. ความผิดปกติในการบีบตัวของหลอดอาหาร
ทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปนั้น เคลื่อนตัวได้ช้าหรือมีอาหารไหลย้อนขึ้นมาจากกระเพาะอาหารค้างอยู่ในหลอดอาหารนานกว่าปกติ
3. ความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหาร
ทำให้อาหารค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานกว่าปกติ ทำให้เพิ่มโอกาสการไหลย้อนของกรด จากกระเพาะอาหารขึ้นมาสู่หลอดอาหารมากขึ้น และอาหารประเภทที่มีไขมันสูงและช็อกโกแลต จะทำให้การบีบตัวของกระเพาะอาหารลดลง
4. ไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน
ตัวอย่างเช่น การล้มตัวลงนอนทันทีเมื่อรับประทานอาหารเสร็จ รับประทานอาหารมากจนเกินไปในหนึ่งมื้อ สูบบุหรี่ ดื่มน้ำอัดลมและแอลกอฮอล์ รวมไปถึงความเครียดก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารได้
5. คนที่เป็นโรคอ้วนหรือมีภาวะน้ำหนักเกิน
ทำให้เพิ่มแรงกดต่อกระเพาะอาหาร และเป็นสาเหตุทำให้เกิดกรดไหลย้อน
6. หญิงที่กำลังตั้งครรภ์
จะมีฮอร์โมนเพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ ทำให้หูรูดหลอดอาหารอ่อนแอลง รวมถึงมดลูกที่ขยายตัวจะไปเพิ่มแรงกดต่อกระเพาะอาหาร
อาการกรดไหลย้อนเป็นยังไง?
- มีอาการแสบร้อนกลางทรวงอก ซึ่งจะมีอาการมากหลังรับประทานมื้อหนัก
- มีอาการเรอเปรี้ยว มีน้ำรสเปรี้ยวหรือขม ๆ ไหลย้อนขึ้นมาในปาก
- ท้องอืด แน่นท้องเหมือนอาหารไม่ย่อย
- มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หลังรับประทานอาหาร
- แน่นหน้าอก จุกเสียด เหมือนมีก้อนอะไรติดอยู่ในลำคอ
- หอบ หืด ไอแห้ง เสียงแหบและเจ็บคอเรื้อรัง
วิธีหลีกเลี่ยงโรคกรดไหลย้อน
- รับประทานอาหารอย่างพอดีและเคี้ยวให้ละเอียด
- หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด เช่น อาหารที่มีรสจัด อาหารที่มีไขมัน ชา กาแฟ ช็อกโกแลต
- งดการดื่มน้ำอัดลม หรือน้ำดื่มที่มีแก๊ส เช่น โซดา งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานยาลดกรดในกระเพาะอาหาร เช่น ยาลดกรดในกลุ่มยับยั้งการสร้างกรดก่อนอาหาร 30 – 60 นาที อย่างน้อย 3 เดือน
- หลังการรับประทานอาหารควรนั่งพักให้อาหารย่อยอย่างน้อย 30 นาที และให้นอนโดยยกศีรษะให้สูงขึ้นกว่าเท้า 6 – 8 นิ้ว
- งดการออกกำลังกายหนัก ๆ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ อย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือเปลี่ยนจากการออกกำลังกายหนักมาเป็นการเดินเพื่อช่วยย่อยอาหาร
- หากเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวเกินหรือมีภาวะโรคอ้วน ควรลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามคำแนะนำของแพทย์
- งดสูบบุหรี่
- หากรับประทานยาเป็นประจำ ให้ลองดูคำแนะนำของยาชนิดนั้น ๆ หากมีผลต่อกระเพาะอาหาร ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของยาชนิดนั้นอย่างเคร่งครัด เช่น รับประทานยาหลังอาหารทันที
- รักษาด้วยการผ่าตัด จะเป็นการผ่าตัดนำส่วนบนของกระเพาะอาหารมาเย็บหุ้มรอบส่วนล่างของหลอดอาหารและกล้ามเนื้อหูรูด โดยวิธีผ่าตัดนี้จะเป็นวิธีสุดท้ายหลังจากที่รับประทานยาและปรับพฤติกรรม แล้วแต่ยังไม่ได้ผล
กรดไหลย้อนเสี่ยงมะเร็ง
โรคกรดไหลย้อนอาจส่งผลต่อชีวิตประจำวัน เนื่องจากฤทธิ์ของกรดจะทำให้หลอดอาหารเกิดการระคายเคืองจนเกิดการอักเสบ และเป็นแผล หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งที่ระบบทางเดินอาหารและมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ได้
การใส่ใจตัวเอง ดูแลสุขภาพ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เราจะพาตัวเองหลีกเลี่ยงจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ แม้โรคภัยไข้เจ็บจะเป็นสิ่งที่คนไม่คาดคิดและไม่มีใครอยากเป็น แต่เราสามารถวางแผนรับมือในสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยการทำประกันภัย ซึ่งเป็นการวางแผนความเสี่ยงทางการเงินไม่ให้หมดไปกับค่ารักษาพยาบาล ประกันมะเร็งที่รู้ใจ เจอ จ่าย จบ พร้อมสู้โรคมะเร็งทุกชนิด ทุกระยะ คุ้มครองเงินก้อนสูงสุด 3 ล้านบาท
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)