ทำไมปัจจุบันคนถึงเป็นโรคซึมเศร้ากันเยอะ? จริงๆ แล้วโรคซึมเศร้ามีมานานมากแล้ว แต่ยุคสมัยนี้เป็นยุคดิจิทัล ใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร ทุกคนบนโลกโซเชียลรับรู้หมด นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมเราถึงรู้สึกได้ว่า “คนเป็นโรคซึมเศร้าอยู่รอบตัวเรา” แต่สมัยก่อนการสื่อสารและเทคโนโลยียังไม่ล้ำสมัยเท่าปัจจุบัน การรับรู้เรื่องโรคซึมเศร้าจึงน้อยกว่าในปัจจุบัน จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก และเป็นเรื่องของกำลังใจ ความเข้าใจ และการรับฟังที่ดี เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า คนใกล้ชิดของเรามีอาการหรือภาวะซึมเศร้าหรือไม่ บทความนี้ จะช่วยให้คุณสังเกตทั้งตัวเองและคนใกล้ชิดว่าเข้าข่ายภาวะเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ และโรคซึมเศร้ามาจากสาเหตุใด เป็นโรคทางพันธุกรรมหรือไม่ ทั้งหมดนี้มีคำตอบ
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- โรคซึมเศร้าคืออะไร?
- โรคซึมเศร้ามีทั้งหมดกี่ประเภท?
- สาเหตุของโรคซึมเศร้ามาจากอะไร? ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้หรือไม่?
- สัญญาณเตือนโรคซึมเศร้า มีอะไรบ้าง?
- อาการโรคซึมเศร้าเป็นยังไง?
- รู้ได้ยังไงว่าเป็นโรคซึมเศร้า?
- เคล็ดลับสร้างฮอร์โมนความสุขให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
- โรคซึมเศร้าจากพันธุกรรมสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่?
- วิธีป้องกันโรคซึมเศร้าทำยังไงบ้าง?
โรคซึมเศร้าคืออะไร?
โรคซึมเศร้า หรือ Depression เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ที่ปัจจุบันมีคนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในภาวะซึมเศร้า แต่ก็ยังมีคนรู้จักโรคนี้ไม่มากนักและบางคนก็เป็นโรคซึมเศร้าในขณะที่ตัวเองอาจจะไม่รู้ตัว และคนที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นก็มีเยอะมากมายในสังคม ทำให้ไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ร้ายต่างๆ ขึ้น เช่น การฆ่าตัวตาย การทำร้ายตัวเอง เป็นต้น
โรคซึมเศร้ามีทั้งหมดกี่ประเภท?
โรคซึมเศร้าแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่
- โรคซึมเศร้าแบบขั้วเดียว – ผู้ป่วยจะมีแค่อาการซึมเศร้าอย่างเดียว
- โรคซึมเศร้าแบบสองขั้ว – หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไบโพลาร์ ผู้ป่วยจะมีอาการอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ มากกว่าคนทั่วไปจนส่งให้เกิดผลเสียต่อตัวเองและคนรอบข้าง
สาเหตุของโรคซึมเศร้ามาจากอะไร? ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้หรือไม่?
ปัจจุบันมีการศึกษาและอธิบายถึงสาเหตุของภาวะซึมเศร้าไว้ 3 สาเหตุ และหนึ่งในนั้นมีเรื่องพันธุกรรมเกี่ยวข้องด้วย โดยสามารถอธิบาย ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ดังนี้
1. จากสภาพแวดล้อมที่เติบโตมา
เรื่องสภาพแวดล้อมของแต่ละคนที่เติบโตมา สภาพแวดล้อมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่สภาพบ้าน แต่หมายถึงองค์รวมทั้งหมด ทั้งครอบครัว พ่อ แม่ พี่ น้อง ที่อยู่ด้วยกัน หากเป็นครอบครัวที่ใช้ความรุนแรง หรือมีการทะเลาะกันให้ลูกเห็นบ่อยครั้ง ความเครียดที่อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ทุกวัน อาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้
2. จากพันธุกรรม
โรคซึมเศร้าเป็นโรคทางพันธุกรรม สามารถถ่ายทอดโรคได้ทางพันธุกรรม โดยมีการศึกษาและพบว่ามีโอกาสตั้งแต่ 20-40% ที่จะถ่ายทอดสารพันธุกรรมโรคซึมเศร้าไปยังลูกหลาน ยิ่งหากสภาพแวดล้อมที่บ้านนั้นยังเอื้อให้เกิดโรคซึมเศร้าด้วยแล้ว ยิ่งมีโอกาสสูงมากถึง 60% ที่จะเป็นโรคซึมเศร้า
นักวิจัยที่ประเทศสวีเดน ได้ประเมินการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของโรคซึมเศร้าเอาไว้ ซึ่งระดับความแตกต่างของการเกิดความซึมเศร้าสัมพันธ์กับความแตกต่างทางกรรมพันธุ์ประมาณ 40% ในเพศหญิงและอีก 30% ในเพศชาย นักวิจัยพบว่า ความผิดปกติทางอารมณ์ที่เกิดจากสาร Substance induced mood disorder ที่คล้ายกับ MDD มีสาเหตุมาจากการเสพยาเสพติดต่อเนื่องระยะยาว หรือเกิดจาก การขาดยาระงับประสาทหรือยานอนหลับบางประเภท
3. จากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยเรื่องอายุก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า พออายุเริ่มมากขึ้นฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายของเราจะเปลี่ยนแปลงและลดลง หากคนที่เคยเป็นหัวหน้าครอบครัวและไม่ได้ทำงานเหมือนสมัยก่อน อาจก่อให้เกิดอาการซึมเศร้า รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า โดยผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุอาการจะแตกต่างจากวัยอื่นๆ อย่างชัดเจน ทั้งพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปและความจำ
สัญญาณเตือนโรคซึมเศร้า มีอะไรบ้าง?
- รู้สึกหดหู่ ซึมเศร้า หงุดหงิด หรือก้าวร้าว
- ขาดความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบทำ
- มีปัญหาในการมีสมาธิและการทำกิจกรรมต่างๆ
- รู้สึกอ่อนเพลียและเชื่องช้า
- การเปลี่ยนแปลงในการรับประทานอาหารและการนอน
- มีความคิดเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย
อาการโรคซึมเศร้าเป็นยังไง?
สำหรับการเปลี่ยนแปลงคนเป็นโรคซึมเศร้า อาการจะค่อยๆ เปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจจะเป็นเดือนหรืออาจจะเป็นภายใน 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปัจจัยรอบข้าง ลองเช็คอาการต่างๆ ต่อไปนี้ ที่อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคซึมเศร้า
- อารมณ์เปลี่ยนไป – ที่พบได้บ่อยคือ จะรู้สึกเศร้า หดหู่ สะเทือนใจไปกับเรื่องต่างๆ ได้ง่าย ร้องไห้บ่อยกับเรื่องเล็กน้อย จิตใจหม่นหมอง ไม่อยากทำอะไร อยากนอนนิ่งๆ ในห้องมืดๆ หรือเก็บตัวล็อกอยู่แต่ในห้อง
- ความคิดเปลี่ยน – อะไรๆ ก็ดูแย่ไปเสียหมด ยิ่งย้อนกลับไปในอดีตของตัวเองยิ่งละอายใจ และมีแต่ความผิดพลาด ล้มเหลว ชีวิตไม่มีอะไรดีเลย ไม่อยากอยู่ ไม่เห็นทางออก ท้อแท้ หมดความมั่นใจในตัวเอง ไร้คุณค่าและความสามารถ หากอาการหนักมากอาจเกิดการทำร้ายตัวเอง หรือถึงขั้นฆ่าตัวตาย เพราะคิดแต่ว่าไม่อยากเป็นภาระให้กับคนอื่น
- สมาธิและความจำถดถอย – ขี้ลืม โดยเฉพาะกับเรื่องใหม่ๆ เช่น ลืมว่าวางแว่นเอาไว้ที่ไหน หรือเดินไปตู้เย็นแต่จำไม่ได้ว่าจะเดินมาหยิบอะไร เป็นต้น ไม่มีสมาธิทำกิจกรรมที่เคยทำ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง หรือการอ่านหนังสือ ประสิทธิภาพทุกอย่างจะลดลง หรือทำไม่เสร็จเป็นเรื่องๆ ไป
- อาการโรคซึมเศร้าที่แสดงออกทางร่างกายอื่นๆ – คนเป็นโรคซึมเศร้า อาการที่พบได้บ่อยคือ ไม่มีแรงเดิน ไม่อยากอาหาร เบื่อไปทุกอย่าง อยากนอนอย่างเดียว ไม่อยากพูดหรือคุยหรือพบหน้าใคร และอาจมีอาการท้องผูก ปากคอแห้ง หรือปวดเมื่อยตามตัว
รู้ได้ยังไงว่าเป็นโรคซึมเศร้า?
- ผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้าแทบทั้งวัน
- ความสนใจในกิจกรรมต่างๆ ที่เคยชอบทำลดลงทั้งหมด
- น้ำหนักลด หรือน้ำหนักเพิ่ม หรือน้ำหนักมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 5% ต่อเดือน
- เบื่ออาหาร หรือเจริญอาหารจนผิดปกติ
- นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป
- กระวนกระวาย อยู่ไม่นิ่ง หรือเชื่องช้า
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรงแม้แต่จะเดิน
- รู้สึกตัวเองไม่มีค่า เป็นภาระ
- สมาธิหรือความจำลดลง
- คิดแต่จะตาย หรือคิดหาวิธีการฆ่าตัวตาย
ทั้ง 10 ข้อนี้ แพทย์จะประเมินผู้ป่วยโรคซึมเศร้าต้องมีอาการในข้อที่ 1 และ 2 อย่างน้อย 1 ข้อ และต้องมีอาการแบบนี้ต่อเนื่องกันนานเกิน 2 สัปดาห์ และมีอาการเกือบตลอดทั้งวัน ทุกวัน แพทย์ถึงจะลงความเห็นว่าเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
เคล็ดลับสร้างฮอร์โมนความสุขให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
นอกจากการออกกำลังกายที่จะทำให้ฮอร์โมนโดพามีน เซโรโทนิน และเอ็นดอร์ฟิน ทั้ง 3 ตัวนี้เป็นสารแห่งความสุขหลั่งออกมาหลังจากการออกกำลังกายแล้ว ยังมีอีกวิธีที่สามารถสร้างฮอร์โมนความสุขท่ามกลางภาวะซึมเศร้าได้ นั่นคือการ “การกอด” ใช่แล้ว อ้อมกอดที่อบอุ่นไม่ว่าจะจากคนรัก จากคนในครอบครัว จากเพื่อนสนิท มันสามารถส่งผลให้ร่างกายของเราหลั่งฮอร์โมนความสุขทั้งโดพามีน เอ็นดอร์ฟิน และออกซิโทซิน ออกมาได้เช่นเดียวกับการออกกำลังกาย
โรคซึมเศร้าจากพันธุกรรมสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่?
แม้ว่าโรคซึมเศร้าจะเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจของเราแย่ลง และเป็นสาเหตุให้เกิดโรคเรื้อรังอื่นๆ อีกเช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ ไทรอยด์ ภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง สมองเสื่อม และมะเร็ง แต่ในความโชคร้ายก็มีเรื่องดีๆ อยู่ คือ อาการโรคซึมเศร้าไม่ว่ามาจากสาเหตุอะไรก็ตาม ล้วนแล้วแต่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ต้องปฏิบัติตามแพทย์สั่งและรับประทานยาให้จบคอร์ส ไม่หยุดกินยาเอง เพราะผลที่ตามมาอาจรุนแรงกว่าเดิม และคุณยังสามารถรับมือค่ารักษาโรคร้ายแรงด้วยประกันโรคร้ายแรงที่รู้ใจ เจอจ่ายจบรับเงินก้อนสูงสุด 2 ล้านบาท คุ้มครองรวมมะเร็งทุกชนิด ทุกระยะ กลุ่มอาการทางระบบประสาท โรคหัวใจและหลอดเลือด และภาวะอวัยวะล้มเหลว
วิธีป้องกันโรคซึมเศร้าทำยังไงบ้าง?
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หากขาดสารอาหารบางอย่าง จะยิ่งทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้า เช่น โอเมก้า 3 วิตามินอี ซี ดี ทองแดง และธาตุเหล็ก
- ออกกำลังกายอย่างน้อย 4 วัน/สัปดาห์ ครั้งละ 30-40 นาที เช่น เดินเร็ว โยคะ พิลาทิส
- พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ ตื่นขึ้นมาแล้วสดชื่น
- ฝึกทำสมาธิ การทำสมาธิเปรียบเสมือนให้สมองได้ดีท็อกซ์จากความคิดหลายอย่างในหัว เมื่อทำสมาธิจิตใจจะจดจ่ออยู่แค่กับลมหายใจ ทำให้สมองโปร่งโล่งไม่ต้องคิดอะไร สามารถช่วยลดความเครียดลงได้
สำหรับผู้ที่มีคนใกล้ตัวเป็นโรคซึมเศร้าสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งคือ การโมโห ตะคอก หรือให้คำแนะนำ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า สิ่งที่เราแนะนำไปนั้น มีคำไหนบ้างไปกระทบจิตใจของผู้ป่วย ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการแย่ลง สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำคือ การรับฟังอย่างจริงใจและการกอด เท่านั้นเพียงพอต่อคนเป็นโรคซึมเศร้า
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)
คำจำกัดความ
ไบโพลาร์ | เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง ที่ผู้ป่วยจะมีอารมณ์แปรปรวนสองขั้วสลับกันไปมา คือ อารมณ์ดีกับอารมณ์ก้าวร้าวแบบผิดปกติและอาการซึมเศร้าแบบผิดปกติ |
เอ็นดอร์ฟิน | เป็นสารแห่งความสุขที่ส่งผ่านเส้นประสาทที่ผลิตโดยต่อมใต้สมอง และต่อมใต้สมองส่วนล่าง ช่วยบรรเทาอาการปวด อาการเครียดได้ |
โดพามีน | เป็นสารเคมีสื่อประสาทที่ส่งสัญญาณในสมองและส่วนอื่นๆ ของร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการทำงานทางสรีรวิทยาและจิตวิทยา โดยโดพามีนจะหลั่งออกมามากเป็นพิเศษเมื่อเราทำอะไรที่บรรลุเป้าหมาย เป็นสารแห่งความสุขอีกตัวหนึ่ง |
ออกซิโทซิน | ฮอร์โมนความรัก เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมใต้สมอง หน้าที่หลักคือ เป็นฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการคลอดลูกและให้นมลูก และทำให้เกิดสายใยผูกพันระหว่างแม่กับลูก หรือออกซิโทซินสามารถเกิดขึ้นได้จากความผูกพันกับคนอื่นๆ ด้วย เช่นเดียวกันการกอด หรือการมีเซ็กส์ที่สมองจะหลั่งฮอร์โมนตัวนี้ออกมา ทำให้เรารู้สึกรักและผูกพัน |
เซโรโทนิน | เซโรโทนินเป็นฮอร์โมนและสารสื่อประสาทที่เชื่อมโยงการทำงานของระบบภายในร่างกาย โดยเฉพาะการควบคุมอารมณ์ หากร่างกายมีปริมาณเซโรโทนินที่เหมาะสม จะทำให้มีสุขภาพดีทั้งกายและจิตใจ แต่หากเซโรโทนินมีมากเกินไปหรือน้อยเกินไปก็จะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ |