“ไม่ได้ดื่มน้ำเยอะ ทำไมถึงปัสสาวะบ่อยจัง” หากเกิดคำถามนี้ขึ้นในใจ ลองอ่านบทความนี้ไปด้วยกัน
การขับถ่ายของเสียเป็นเรื่องปกติธรรมดาเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย เช่น ปัสสาวะ อุจจาระ หรือแม้กระทั่งเหงื่อ ในหนึ่งวัน เราควรมีการขับถ่ายหนักอย่างน้อย 1 ครั้ง เช้าหรือเย็นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ส่วนเรื่องปัสสาวะจะขึ้นอยู่กับว่าดื่มน้ำในแต่ละวันมากน้อยแค่ไหน แต่โดยปกติแล้ว ร่างกายควรขับถ่ายปัสสาวะอย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน และการปัสสาวะถี่ ๆ โดยที่ไม่ได้ดื่มน้ำมาก อาจเป็นสัญญาณความผิดปกติของโรค ตัวอย่างเช่น อาการของโรคเบาหวาน โรคต่อมลูกหมากโต หรือตั้งครรภ์ แล้วแบบไหนล่ะที่เรียกว่าปัสสาวะบ่อยจนผิดปกติ ปัสสาวะบ่อย เกิดจากอะไร อาการแบบไหนที่ควรไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพ วันนี้รู้ใจรวบรวมข้อมูลมาไว้ในบทความนี้
ปัสสาวะแบบนี้แหละ “ปกติ”
ใน 1 วัน เราควรปัสสาวะช่วงเวลากลางวัน 3-5 ครั้ง และตอนเย็นจนถึงก่อนเข้านอนอีก 1-2 ครั้ง รวมทั้งหมดเป็น 5-7 ครั้งต่อวัน ปริมาณของปัสสาวะแต่ละครั้งอยู่ที่ 400-500 ซีซี หรือประมาณน้ำ 1 แก้ว
ปัสสาวะแบบไหนที่ผิดปกติ?
ปัสสาวะที่ผิดปกติ นอกจากดูจากสีของปัสสาวะแล้ว จำนวนครั้งในการปัสสาวะก็มีผลเช่นกัน ตัวอย่างเช่น
- หากใน 1 วัน มีการปัสสาวะไม่เกิน 3 ครั้ง แต่ละครั้งสีของปัสสาวะเข้ม สันนิษฐานได้ว่าอาจดื่มน้ำน้อยและปัสสาวะน้อยเกินไป
- หากปัสสาวะมากกว่า 7 ครั้งใน 1 วัน โดยที่ไม่ได้ดื่มน้ำเยอะและปริมาณของปัสสาวะออกมาแบบกะปริดกะปรอย สันนิษฐานได้ว่า อาจมีความเสี่ยงต่อโรคเกี่ยวกับไต ซึ่งทำให้หลายคนต้องตื่นมาปัสสาวะตอนกลางคืน ซึ่งสามารถแยกได้เป็น ปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อยที่ผิดปกติหรือการมีภาวะปัสสาวะรดที่นอน
ปกติร่างกายคนเราสามารถนอนหลับต่อกันยาวได้ทีละ 6-8 ชั่วโมงโดยไม่จำเป็นต้องตื่นมาปัสสาวะเลย การตื่นมาปัสสาวะมากกว่า 2 ครั้งขึ้นไป เป็นอาการที่ไม่ปกติ และส่งผลให้การนอนหลับไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้อ่อนเพลีย ง่วงในช่วงเวลาทำงาน
ปัสสาวะบ่อย เกิดจากอะไร?
- ดื่มน้ำเยอะเกินไป
- กระเพาะปัสสาวะมีขนาดเล็กกว่าปกติ
- โรคกระเพาะปัสสาวะไวเกิน
- ความเสื่อมของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ
- โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- เนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ
- โรคไต
- ตั้งครรภ์
- รับประทานยารักษาโรคบางชนิด
- โรคเบาหวาน
- โรคต่อมลูกหมากโต
- โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท
เราปัสสาวะผิดปกติมั้ย? เช็คเลย!
ให้เปรียบเทียบความถี่ในการปวดปัสสาวะหรือความถี่ในการเข้าห้องน้ำของตัวเองกับเพื่อน ๆ หรือสมาชิกในครอบครัว และให้สังเกตความสามารถในการกลั้นปัสสาวะว่าสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน หากไม่สามารถควบคุมได้ ปัสสาวะราดบ่อย ๆ หรือต้องลุกขึ้นเข้าห้องน้ำกลางดึกจนนอนไม่พอ แบบนี้ถือว่า ผิดปกติ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อเข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยและรักษา
อาการแบบไหนที่ต้องไปหาหมอด่วน!
- มีไข้
- มีเลือดปนมากับปัสสาวะ รวมทั้งสารคัดหลั่ง ตกขาว
- สีปัสสาวะขาวขุ่น แดง หรือน้ำตาลเข้มจัด
- ขณะปัสสาวะมีอาการแสบ หรือปัสสาวะไม่สุด
- ปวดท้องน้อยหรือมีก้อนอยู่บริเวณนั้น
- ปวดหลังร่วมด้วย
- ตื่นมาปัสสาวะมากกว่า 2 ครั้งต่อคืน
การวินิจฉัยโรค
ขั้นตอนแรกแพทย์จะทำการซักประวัติเพื่อหาสาเหตุปัสสาวะบ่อย เช่น ปริมาณน้ำที่ดื่มในแต่ละวัน ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนหรือไม่ หลังจากนั้นจะเป็นการตรวจอื่น ๆ เช่น
- เก็บตัวอย่างปัสสาวะเพื่อทำการตรวจปัสสาวะหาเชื้อแบคทีเรีย
- อัลตราซาวนด์เพื่อตรวจดูเนื้องอก
- ส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ จะใช้ในผู้ป่วยที่มีการอักเสบ โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยกลางคนที่ผ่านการมีลูกมานานหลายปี
วิธีการรักษาปัสสาวะบ่อย
หากแพทย์ตรวจพบความผิดปกติของสาเหตุที่ก่อให้เกิดการปัสสาวะบ่อย แพทย์จะทำการรักษาตามอาการ เช่น จ่ายยา แต่หากสาเหตุเกิดจากการตั้งครรภ์เมื่อคลอดแล้วอาการนี้จะหายไปเองตามธรรมชาติ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคหรือมีภาวะผิดปกติ แพทย์จะแนะนำให้เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น
- ลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมาก ๆ ก่อนเข้านอน
- ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- หากมีปัญหาในการควบคุมปัสสาวะแนะนำให้ใส่ชุดชั้นในหรือแผ่นซึมซับ
ถึงแม้ว่าการปัสสาวะบ่อย ๆ จะไม่ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตก็ตาม แต่มันอาจเป็นสัญญาณที่ทางร่างกายส่งมาเตือนเราว่า ร่างกายกำลังอยู่ในภาวะที่ผิดปกติ ฉะนั้น ควรหมั่นตรวจเช็คร่างกายตัวเองทุกวัน อย่ามองข้ามแม้เป็นเรื่องเล็กน้อย เพื่อสุขภาพที่ดีจะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)