Roojai

โลหิตจาง อันตรายกว่าที่คิด! เช็คสัญญาณเตือน-วิธีดูแลตัวเอง

เจาะลึกภาวะโลหิตจาง

โรคเกี่ยวกับระบบโลหิตวิทยานั้นไม่ควรนิ่งนอนใจ แม้จะไม่มีอาการที่ร้ายแรงหรือไม่แสดงอาการ เช่น ภาวะโลหิตจาง ที่อาจเป็นอาการโรคร้าย โดยเฉพาะโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน ที่มีความรุนแรงและรักษายากหากนำไปเทียบกับมะเร็งชนิดอื่น ๆ วันนี้รู้ใจ จึงอยากจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับภัยเงียบที่มาพร้อมกับภาวะโลหิตจาง อาการ การรักษา และวิธีดูแลตัวเองสำหรับคนที่เป็นโลหิตจาง

สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!

ภาวะโลหิตจางคืออะไร?

โรคโลหิตจาง (Anemia) เป็นภาวะที่ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงในเลือดน้อยกว่าปกติส่งผลให้การนำออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้น้อยลง ทำให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติโดยอาการที่พบได้บ่อยคือ เหนื่อยง่าย รู้สึกอ่อนเพลีย และยังมีอาการอื่น ๆ อีก ซึ่งแต่ละคนจะแสดงอาการไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับระดับเม็ดเลือดแดงในร่างกาย และการปรับตัวของแต่ละคน

ภาวะโลหิตจางเกิดจากอะไร?

ภาวะโลหิตจางอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้ 

1. ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงน้อยลง

เกิดได้จากหลายปัจจัยที่ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถผลิตหรือรับเม็ดเลือดได้ในจำนวนที่เป็นปกติที่ควรจะเป็น โดยปัจจัยที่ทำให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงน้อยลง เช่น

  • การขาดสารอาหาร – ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะธาตุเหล็ก กรดโฟลิกหรือวิตามินบี 12
  • อยู่ในอาการของโรคเรื้อรัง – ในโรคเรื้อรังบางชนิดหรือขั้นตอนการรักษาโรคเรื้อรัง อาจมีผลต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงในร่างกาย เช่น โรคข้ออักเสบ โรคมะเร็ง  HIV รูมาตอยด์ โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน และโรคข้ออักเสบ
  • อยู่ในขณะตั้งครรภ์ – ในผู้หญิงที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์มักจะเกิดภาวะโลหิตจาง โดยเฉพาะอายุครรภ์ประมาณ 6 เดือนแรก สาเหตุจากการที่ร่างการขาดสารอาหาร เช่น ธาตุเหล็กและกรดโฟลิก และยังรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเลือด
  • โรคที่เกี่ยวกับไขกระดูก – เช่น มะเร็งไขกระดูก ไขกระดูกฝ่อ

2. เม็ดเลือดแดงถูกทำลายมากกว่าปกติ

สาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดปกตินี้เป็นผลมาจากการติดเชื้อ หรือโรคจากกลุ่มที่เป็นสาเหตุให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายกว่าปกติ โดยผู้ป่วยจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง หรือมีอาการของดีซ่านรวมอยู่ด้วย เช่น 

  • โรคธาลัสซีเมีย เป็นโรคที่เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม และพบได้บ่อย
  • ลักษณะและรูปร่างของเม็ดเลือดแดงที่ผิดปกติ
  • การติดเชื้อบางอย่าง เช่น มัยโคพลาสมา คลอสติเดียม และ มาลาเรีย

3. การเสียเลือดอย่างเฉียบพลัน

การเสียเลือดจากเกิดอุบัติเหตุ การตกเลือด หรือภาวะหลังคลอดบุตร หรือมีอาการเสียเลือดแบบเรื้อรัง ซึ่งทำให้ร่างกายขาดธาตุเหล็ก ยกตัวอย่างการเสียเลือดเรื้อรัง อย่างเช่น การมีประจำเดือนของผู้หญิง หรือการเสียเลือดในทางเดินอาหารในผู้ชาย เป็นต้น

สัญญาณอันตรายบอกว่าคุณกำลังอยู่ในภาวะโลหิตจาง

เช็คอาการโลหิตจาง คุณมีอาการแบบนี้หรือไม่?

แม้ว่าบางอาการของโลหิตจางอาจจะไม่รุนแรง แต่ถึงกระนั้นก็ตามหากมีอาการเหล่านี้ก็ขอให้อย่าชะล่าใจ หากรู้ตัวเองว่าเป็นคนที่มีภาวะโลหิตจางหรือไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ ควรไปโรงพยาบาลตรวจเลือดเพื่อจะได้ทราบและหาวิธีป้องกันได้อย่างถูกต้อง

  • รู้สึกเหนื่อยง่ายและอ่อนเพลีย
  • เบื่ออาหาร
  • ตัวซีด เหลืองอย่างเห็นได้ชัด
  • มึนๆ งงๆ หรือเวียนศีรษะ
  • หายใจลำบาก
  • อารมณ์แปรปรวนหรือขี้หงุดหงิด
  • ใจสั่น เจ็บหน้าอก
  • หากอาการรุนแรงมากๆ อาจทำให้หัวใจล้มเหลวได้
  • และถ้ามีอาการเรื้อรัง ผู้ป่วยบางรายจะมีอาการมุมปากเปื่อย หรือเล็บอ่อนและแบน หรืองอขึ้นแอ่งตรงกลางลักษณะคล้ายช้อน

ภาวะโลหิตจางอาจเป็นสัญญาณมะเร็งเม็ดเลือดขาว

ภาวะโลหิตจางอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน เป็นเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นในไขกระดูก ซึ่งเป็นที่สร้างเซลล์เม็ดเลือดต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเซลล์มะเร็งจะรบกวนการสร้างเซลล์เม็ดเลือดในไขกระดูก ทำให้จำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลหิตจาง นอกจากนั้นยังมีอาการอื่น ๆ เช่น เลือดออกผิดปกติ, จ้ำเลือดตามร่างกาย, ติดเชื้อง่าย, ต่อมน้ำเหลือง ตับ และม้ามโต โดยมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันมักมีอาการรุนแรงและต้องการการรักษาอย่างทันท่วงที นอกจากนั้นเลือดจางยังเป็นอาการของโรคมะเร็งไขกระดูกอีกด้วย

วิธีป้องกันภาวะโลหิตจาง

ภาวะโลหิตจางนั้นมีวิธีป้องกันอยู่หลากหลาย ใจความหลักสำคัญนั้นคือการดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้ดีอยู่เสมอ

  • เลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก วิตามิน และสารอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ตับหมู นม ไข่ เลือดหมู ธัญพืช โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ทารก และวัยรุ่น
  • รับประทานวิตามินเสริมโดยขอคำปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ในผู้ที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจากการรับประทานอาหาร
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และอุดมไปด้วยโฟลิค และธาตุเหล็ก เช่น ปลา เนื้อแดงไร้ไขมัน ไข่ ถั่ว และผักใบเขียว เพื่อป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจาง และอาจรับประทานวิตามินเสริม โฟลิค และธาตุเหล็ก เพื่อช่วยรักษาระดับเซลล์เม็ดเลือดแดงให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อแนะนำการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมใด ๆ ก่อนเสมอ
  • ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นภาวะโลหิตจาง ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงการส่งต่อทางพันธุกรรม
โรคที่ทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นภาวะโลหิตจาง

หากป้องกันไม่ทันแล้ว การดูแลตัวเองให้ดีเป็นหัวใจสำคัญในการหายจากภาวะโลหิตจาง หากมีการดูแลอย่างดี ก็ช่วยให้ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางมีอาการดีขึ้นได้เรื่อย ๆ

  • เลี่ยงหรืองดแอลกอฮอล์ หรือหากอยากดื่มจริงๆ ให้จำกัดปริมาณ เช่น ผู้หญิงไม่ควรดื่มเกิน 1 แก้ว/วัน ผู้ชายไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้ว/วัน (1 แก้วในที่นี้จะเท่ากับปริมาณแอลกอฮอล์ 10 กรัม) 
  • เลี่ยงการสัมผัสสารเคมี สารพิษที่อาจส่งผลให้เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย เช่น สารหนู สารตะกั่ว ยาเพนิซิลลิน ยาแดพโซน เป็นต้น 
  • เลี่ยงในสถานที่ที่มีอากาศหนาวจัด เพราะอาจจะไปกระตุ้นให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวได้ง่าย
  • เลี่ยงการอยู่ในที่ที่คนพลุกพล่าน เพราะอาจสุ่มเสี่ยงต่อการติดโรค ไม่ควรอยู่ใกล้ผู้ที่เป็นหวัด และควรล้างมือเป็นประจำเพื่อลดความเสี่ยงต่อเชื้อโรคที่อาจหลุดเข้าทางช่องปาก

วิธีรักษาภาวะโลหิตจาง

แพทย์จะทำการรักษาตามอาการและความรุนแรงของโรค โดยผู้ป่วยแต่ละคนจะมีวิธีรักษาที่แตกต่างกันออกไป เช่น การให้เลือดแดงทดแทน การให้ออกซิเจนในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก และอาจจำเป็นต้องนอนพักตัวที่โรงพยาบาล  

ในผู้ป่วยโลหิตจางที่อาการไม่รุนแรง แพทย์จะรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาบำรุงเลือดเพื่อเพิ่มความเข้มข้นของเลือด แต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าอาการจะรุนแรงหรือไม่รุนแรงนั้น การตรวจหาสาเหตุของการเกิดโรคให้ชัดเจน จะช่วยให้แพทย์ค้นหาวิธีรักษาได้อย่างเหมาะสม

ไม่มีใครรู้ว่าเราจะป่วยเมื่อไหร่ ป่วยวันไหน อาจจะหนักถึงขั้นเป็นมะเร็ง หรืออาจแค่ภาวะความผิดปกติของร่างกาย เมื่อเราไม่รู้ ก็ต้องหาทางป้องกัน ทั้งการดูแลสุขภาพร่างกายตัวเอง กินอาหารที่ดี ออกกำลังกาย รวมถึงทำประกันมะเร็งและประกันโรคร้ายแรงเผื่อไว้ ป้องกันไม่ให้เงินเก็บหมดไปกับค่ารักษาพยาบาล ประกันโรคร้ายแรงและประกันมะเร็งที่รู้ใจ เจอจ่ายจบ รับเงินก้อน สามารถบริหารค่าใช้จ่ายเองได้ตามใจ 

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)

คำจำกัดความ

ยาเพนิซิลลิน เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้สำหรับการรักษาการติดเชื้อจากแบคทีเรีย และยังเป็นยาปฏิชีวนะที่ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ยุคแรก ๆ มาจนถึงในยุคปัจจุบันนี้เลย
ยาแดพโซน เป็นยาในกลุ่มต้านเชื้อแบคทีเรีย ใช้ในการรักาาโรคเรื้อน อาการผื่นคัน และโรคผิวหนังบางชนิด