หากพูดถึงความปรารถนาของหนุ่มน้อยใหญ่ทุกคน แน่นอนว่ารถบิ๊กไบค์ คือหนึ่งในความฝันที่หลายคนอยากเป็นเจ้าของ และรถใหญ่บิ๊กไบค์แบรนด์ดังเจ้าหนึ่งของโลก จะเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจาก Ducati บิ๊กไบค์สัญชาติอิตาลี ที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน เพิ่มความตื่นเต้นให้กับสาวกดูคาติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีประวัติน่าสนใจแค่ไหน และแต่ละรุ่นมีจุดเด่นน่าสนใจยังไง ตามไปรู้ใจไปทำความรู้จักมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์แบรนด์นี้กันเลยดีกว่า
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- เปิดประวัติ Ducati เริ่มต้นมาตั้งแต่ตอนไหน?
- ตลาดมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ Ducati ในไทย เป็นยังไง?
- รถบิ๊กไบค์ Ducati แต่ละรุ่น น่าสนใจแค่ไหน?
- ขับรถบิ๊กไบค์ จำเป็นต้องทำประกันรถมอเตอร์ไซค์มั้ย?
เปิดประวัติ Ducati เริ่มต้นมาตั้งแต่ตอนไหน?
แบรนด์รถบิ๊กไบค์ Ducati ดังไกลทั่วโลก และมีชื่อเสียงในฐานะมอเตอร์สปอร์ตที่มีความเท่ไม่ซ้ำใคร ดีไซน์โฉบเฉี่ยว เครื่องยนต์ดุดัน ความยิ่งใหญ่ของรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์แบรนด์นี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากกลุ่มพี่น้องชาวอิตาลีทั้ง 3 คน ได้แก่ Adriano, Marcello และ Bruno จากตระกูล Ducati ที่ได้ก่อตั้งบริษัทในปี ค.ศ.1926 เพื่อผลิตชิ้นส่วนเครื่องวิทยุในเมือง Bologna
ซึ่งธุรกิจก็ดำเนินไปได้ด้วยดีจนกระทั่งถึงช่วงสงครามโลก บริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะถูกภาครัฐสั่งให้โรงงานผลิตอุปกรณ์เพื่อใช้งานในกองทัพ และต่อมาโรงงานก็ถูกระเบิดจนพังทลายลงไป
หลังจากผ่านพ้นช่วงสงครามโลก พี่น้อง Ducati สนใจร่วมลงทุนกับ SIATA ในการพัฒนาเครื่องยนต์จักรยานขนาดเล็กลูกสูบเดี่ยวที่ชื่อว่า Cucciolo ซึ่งมีจุดเด่นคือสามารถนำไปติดตั้งกับรถจักรยานธรรมดาแล้วนำมาใช้ได้เลย แน่นอนว่าได้รับความนิยมอย่างมาก จนมียอดขายสูงถึง 250,000 เครื่องทั่วโลก และเครื่องยนต์ดังกล่าวก็กลายมาเป็น “ต้นแบบ” ให้กับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ Ducati ต่อไป
รถบิ๊กไบค์ Ducati ได้รับความนิยมช่วงไหน?
สำหรับ “ความนิยม” ของบิ๊กไบค์ Ducati เริ่มเป็นที่ประจักษ์ในปี ค.ศ.1954 ซึ่งเป็นการร่วมงานกับวิศวกรฟาบีโอ ตาโญนิ (Fabio Taglioni) ในการผลิตมอเตอร์ไซค์รุ่น Grand sport 100 CC หรือ Marianna และได้นำลงแข่งในงาน Milan-Taranto” และ “Tour of Italy” เป็นครั้งแรก
จากนั้นบริษัทได้พัฒนายานยนต์ลงแข่งในรายการต่าง ๆ ซึ่งจุดเด่นของแบรนด์นี้ก็คือ เครื่องยนต์นวัตกรรม “Desmodromic และ L-Twin” ที่มีความเร็วและแรงกว่าแบรนด์อื่น ๆ จนสามารถสร้างสถิติและกวาดรางวัลมากมาย สร้างชื่อเสียงให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของรถบิ๊กไบค์ Ducati
ตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 เป็นต้นไป กระแสรถมอเตอร์ไซค์แข่งเริ่มได้รับความนิยมน้อยลง ซึ่งทาง Ducati ได้หันไปพัฒนามอเตอร์ไซค์ที่ใช้งานสำหรับคนทั่วไป อย่างรุ่น Ducati Apollo 1260 ที่เน้นการขายในตลาดผู้ใช้งานชาวอเมริกันเป็นหลัก
ทั้งนี้ Ducati ก็ไม่ได้ทิ้งการพัฒนารถแข่งไปซะทีเดียว แถมยังได้มีการผลิตควบคู่ไปกับรถที่ขายทั่วไป และมีการนำเทคโนโลยีรถแข่งมาใส่ไว้ในรถที่จำหน่ายทั่วไปด้วยเช่นกัน โดยรุ่นดัง ๆ ที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์ก็มีมากมาย ดังนี้ รุ่น Mark 3D, รุ่น 500 GP, รุ่น 750 GT, รุ่น 750 Imola Desmo, รุ่น 851 และรุ่น 916
สำหรับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของ Ducati ที่น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่น คือ Ducati Desmosedici D16RR NCR M16 ซึ่งเป็นรุ่นที่แพงที่สุดของค่าย โดยมีราคาประมาณคันละ 7.3 ล้านบาท โดยตัวรถทำมาจากวัสดุไทเทเนียมผสมกับคาร์บอนไฟเบอร์ ให้กำลังขับมากถึง 200 แรงม้า
ตลาดมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ Ducati ในไทย เป็นยังไง?
ในส่วนของการเปิดตลาดมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ Ducati ในประเทศไทย เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา โดยมีบริษัท ดูคาติ ประเทศไทย จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ พร้อมกับนำรุ่น Multistrada 1000DS เข้ามาจำหน่ายเป็นรุ่นแรก
ต่อมาในช่วงปี ค.ศ.2010 ทางแบรนด์ก็ได้มีการขยายโชว์รูมทั่วประเทศ เพื่อรองรับฐานลูกค้าที่กำลังนิยมในแบรนด์ พร้อมกับมีการจัดแคปเปญต่าง ๆ เพื่อสร้างคอมมูนิตีให้กับผู้ที่หลงใหลในสไตล์ของ Ducati
มาถึงปัจจุบันที่กระแสมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาแรง ทางค่ายก็มีโครงการผลิตรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ไฟฟ้าด้วย โดยชื่อทางการคือ Ducati Zero ที่คาดว่าจะมีการเปิดตัวและผลิตจริงในปี ค.ศ.2025 เป็นต้นไป เรียกได้ว่าจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 100 ปี ทางแบรนด์ได้พัฒนายานยนต์สมรรถนะสูงในตลาดเสมอมา และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก
รถบิ๊กไบค์ Ducati แต่ละรุ่น น่าสนใจแค่ไหน?
ด้วยความที่ Ducati มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีรุ่นรถออกมาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก บางรุ่นก็อยู่มาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน ซึ่งแต่ละรุ่นจะน่าสนใจแค่ไหน ทำไมถึงได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ตามรู้ใจไปหาคำตอบกันเลย
1. รุ่น Monster
เมื่อพูดถึงซีรีส์ของรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ Ducati พลาดไม่ได้เลยกับรุ่น Monster ตำนานอสูรแดง จากเฟรมเหล็กถักไฟกลม สู่อะลูมิเนียมไฟวงรี เริ่มต้นมาจากแนวคิดของหัวหน้าฝ่ายเทคนิคของค่าย Massimo Bordi ที่ต้องการสร้างรถที่บ่งบอกถึงความเป็น Ducati “ขับง่าย ใช้เฟรมเหล็กถัก และไม่ใช่สปอร์ตฟูลแฟริ่ง”
ในปี ค.ศ.2024 ทางแบรนด์ก็ได้เอาใจสาวกสายสปอร์ตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวโมเดล Ducati monster 2024 เน็กเก็ดไบค์สายสปอร์ตที่มากับชุดสีใหม่ (สีขาว Iceberg) ลายเดิม เพิ่มเติมคือความเรียบแต่ซ่อนเขี้ยวแห่งความสปอร์ตเท่ ๆ ไว้ในตัวรถ มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ Testastretta 11° 2 สูบวี ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมกระบอกสูบขนาด 937cc ให้พละกำลัง 111 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 93 นิวตันเมตร มาพร้อมกับควิกชิฟเตอร์แบบ 2 ทาง อีกทั้งยังได้รับการรับรองมาตรฐานไอเสีย Euro5
2. รุ่น Scrambler
สำหรับ Ducati รุ่น scrambler ถือเป็นรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยรุ่นแรกถูกผลิตขึ้นในปี ค.ศ.1962 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในยุคปี 70 โดยเฉพาะในอเมริกา เนื่องจากเป็นรถแนวร่วมสมัย ที่มีดีไซน์ผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและทันสมัยได้อย่างลงตัว
Ducati scrambler เจเนอเรชันใหม่ ได้เขย่าตลาดบิ๊กไบค์ครึ่งปีหลัง (ปี 2023) ด้วย
การออกแบบใหม่ทั้งหมด แต่ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณที่ทำให้ตระกูลนี้ประสบความสำเร็จทั่วโลก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการ และความชื่นชอบของผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ได้อย่างลงตัว
มาพร้อมกับขุมพลังที่สร้างความเร้าใจในการขับบิ๊กไบค์ตลอดเส้นทาง เป็นเครื่องยนต์ Desmodromic valve 2 สูบ L-Twin ขนาด 803cc ให้กำลัง 73 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที แรงบิด 65.2 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบ/นาที ส่งกำลังเกียร์ 6 สปีด ระบายความร้อนด้วยอากาศ มาพร้อมโหมดการขับขี่ 2 โหมด คือ โหมดสปอร์ตและโหมดโรด
3. รุ่น Hypermotard
ผู้นำแห่งวงการรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ Ducati ปล่อยพลัง Hypermotard ขับเคลื่อนอย่างสง่างามบนท้องถนนครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ.2007 รถสปอร์ตดีไซน์ Motard จิตวิญญาณนักซิ่งสนามแข่ง ลงสนามพร้อมสมรรถนะแรงสุดเร้าใจ สร้างตำนานและแรงบันดาลใจสู่นักขับบิ๊กไบค์ทั่วโลก ในปี 2024 Ducati Hypermotard ได้เปิดตัว Ducati Hypermotard 698 Mono ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดียวชื่อว่า Superquadro Mono ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง และทันสมัยที่สุดในโลก ปริมาตร 659cc ลูกสูบขนาด 116 มม. และช่วงชักที่ 62.4 มม. เป็นเครื่องยนต์ “ชักสั้น” จัดจ้านทรงพลัง 4 วาล์วไทเทเนียม ชิ้นส่วนภายในเป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกับรถแข่ง MotoGP ที่ให้กำลังสูงสุด 77.5 แรงม้าที่ 9,750 รอบ/นาที ให้แรงบิด 63 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบ/นาที
ขับรถบิ๊กไบค์ จำเป็นต้องทำประกันรถมอเตอร์ไซค์มั้ย?
หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ขับบิ๊กไบค์เป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Ducati หรือแบรนด์อื่น ๆ บอกไว้ตรงนี้เลยว่า “ประกันภัยรถบิ๊กไบค์จำเป็นมาก” แต่ถ้ามองภาพยังไม่ออกว่าทำไมถึงจำเป็น ตามไปดูคำตอบปัจจัยที่เกี่ยวกันเลยดีกว่า
1. อะไหล่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ราคาแพง
เพราะถูกออกแบบมาเพื่อเค้นพลังความแรงที่เหนือระดับ จึงทำให้อุปกรณ์และอะไหล่ทุกอย่างแข็งแรง ทนทาน และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจเลี่ยงอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น หากคุณไม่ได้เตรียมความพร้อมในส่วนนี้ บางทีเพียงแค่นอตตัวเดียวก็อาจทำให้รถของคุณจอดอยู่กับที่ไปอีกนานก็เป็นได้
2. ศูนย์ซ่อมที่ได้มาตรฐาน
รถบิ๊กไบค์จำเป็นต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์และความชำนาญโดยตรง ดังนั้นหากรถของคุณเสียหรือพังฉุกเฉิน การมีประกันภัยรถบิ๊กไบค์คอยช่วยดูแลในส่วนนี้ ก็ช่วยให้คุณหาร้านซ่อมรถที่ได้มาตรฐานได้ง่ายขึ้น
3. เหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ
ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับรถบิ๊กไบค์ และทำให้เกิดค่าใช้จ่ายตามมามากมาย หากคุณประกันภัยรถบิ๊กไบค์เอาไว้ ก็ช่วยให้อุ่นใจได้มากกว่า
ต้องยอมรับว่า Ducati เป็นหนึ่งในแบรนด์รถบิ๊กไบค์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก หากคุณอยากซื้อบิ๊กไบค์แบรนด์นี้ นอกจากจะเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ แล้ว ในส่วนของประกันภัยรถบิ๊กไบค์ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน แนะนำว่าควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้รถคันโปรดได้รับความคุ้มครองอย่างถึงที่สุด
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)
คำจำกัดความ
ไฮเอนด์ | ผลิตภัณฑ์ชั้นดีเยี่ยมที่บางบริษัททำการผลิตขึ้นมา ราคาสูง เป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่มีฐานะดี |
สร้างคอมมูนิตี | การรวมกลุ่มของคนที่มีความชอบ ไลฟ์สไตล์ หรืองานอดิเรกที่เหมือน ๆ กัน |
โชว์รูม | ห้องแสดงสินค้า |