Roojai

ไฮไลท์ Big Bike เจ๋งๆ จากงาน Big Motor Sale 2018

ไฮไลท์ Big Bike เจ๋งๆจากงาน Big Motor Sale 2018

เรียกว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับงาน Big Motor Sale ที่นอกจากจะมีบรรดาค่ายรถยนต์และจักรยานยนต์ต่างๆ ยกทัพรถหลากรุ่นหลายโมเดลพร้อมแคมเปญเด็ดๆ มาร่วมงานกันอย่างคับคั่งแล้ว สิ่งที่เสมือนเป็นเครื่องดึงดูดใจให้ผู้เข้าร่วมงานได้เดินมาชมบูธก็คือโมเดลที่เป็นไฮไลท์เด็ด ซึ่งวันนี้ทีมงาน Roojai.com ก็คัดสรร 5 Big Bike รุ่นเด่นมาให้สาวกไบค์เกอร์ได้ยลโฉมกันครับ

BMW R 1200 GS Adventure All Black Edition

สุดยอด 2 ล้อสไตล์ลุยสูบนอนระดับตำนาน เต็มอารมณ์มาดเข้มด้วยชุดแต่งสีดำล้วน พร้อมสะกดทุกสายตาบนท้องถนนเสริมความดุดันด้วยกล่องใส่สัมภาระ Aluminum ซ้ายขวาและด้านบนสีดำ ก้านเปลี่ยนเกียร์สีดำที่พักเท้าด้านหน้าและด้านหลังสีดำ และกระจกบังลมรมดำ ขับเคลื่อนอย่างเร้าใจด้วยเครื่องยนต์ Boxer 2 สูบ 1,170 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำ ให้กำลังสูงสุดที่ 92 กิโลวัตต์/125 แรงม้าที่ 7,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 125 นิวตัน-เมตรที่ 6,500 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุดมากกว่า 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร โดดเด่นด้วยสมรรถนะในการขับขี่กับโหมด Rain, Road, Dynamic และ Enduro โดยมีโหมดการขับขี่แบบ Pro อีก 2 โหมด คือ Dynamic Pro และ Enduro Pro ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เพื่อการขับขี่แบบออฟโรดเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้  BMW R 1200 GS Adventure All Black Edition ยังติดตั้งระบบ Dynamic Electronic Suspension Adjustment (ESA) หรือการปรับค่าสปริงหรือความหนืดของโช้กอัพด้วยระบบไฟฟ้า จึงสามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสภาวะการขับขี่ และระบบ Dynamic Traction Control (DTC) หรือระบบควบคุมการเกาะถนนแบบไดนามิก ที่เสริมความมั่นใจในขณะขับขี่ด้วยความเร็ว โดยเฉพาะขณะเข้าโค้งรวมทั้งระบบ Hill Start Control อำนวยความสะดวกเมื่อสตาร์ท BMW R nineT (Vintage 21)

BMW R nineT (Vintage 21)

มอเตอร์ไซค์โรดสเตอร์สุดคลาสสิกที่ผสมผสานรูปลักษณ์พื้นฐานที่เหนือกาลเวลาเข้ากับกลิ่นอายของงานออกแบบมอเตอร์ไซค์ยุคใหม่ไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม โดยในรุ่นนี้ได้มอบเอกลักษณ์เฉพาะตัวในสไตล์ของ Big Bike ที่ปรับแต่งตามสั่งอย่างประณีตจากโรงงาน พร้อมกับคุณลักษณะอันโดดเด่นอีกมากมายที่เหนือความคาดหมาย ทั้งนี้ ตัวถังน้ำมันอะลูมิเนียมที่ชูความโดดเด่นของตัวรถรุ่นใหม่นี้ ได้รับการตกแต่งผิวหน้าด้านข้างแบบเงาด้านที่สะท้อนถึงงานฝีมืออันประณีต และความใส่ใจในรายละเอียดของทีมผู้ออกแบบ และท่อไอเสียสแตนเลสที่สะท้อนความคลาสสิกและโดดเด่นไม่ตามใคร มาพร้อมกับเครื่องยนต์ บ็อกเซอร์ 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน ความจุ 1,170 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 81 กิโลวัตต์/110 แรงม้า พร้อมด้วยเกียร์ 6 จังหวะ ด้วยเทคโนโลยีของเครื่องยนต์สามารถลดอัตราการปล่อยมลภาวะตามเกณฑ์ EU4 Pollutant Class

Yamaha Tracer 900GT

เปิดตัวสดๆ ในงาน Big Motor Sale โดยรายละเอียดได้เสริมออพชั่นเข้ามาอย่างจัดเต็มไม่ว่าจะเป็นเรือนไมล์แบบจอสี TFT แบบเดียวกับ YZF-R1, ระบบล็อกความเร็วหรือครูสคอนโทรล รวมไปถึงระบบฮีตกริปช่วยอุ่นแฮนด์ เพื่อความอบอุ่นในยามอากาศเย็น (ในไทยคงไม่มีโอกาสได้ใช้) เรียกได้ว่าเสริมออปชั่นเพื่อตอบสนองการขับขี่สไตล์ทัวร์ริ่งอย่างครบครัน และเพิ่มความสปอร์ตเร้าใจมากยิ่งขึ้นด้วยควิกชิพเตอร์ เปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัตช์ ตัวรถยังคงสร้างบนพื้นฐานของเครื่องยนต์ 3 สูบเรียง 847 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 115 แรงม้าที่ 10,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 87.5 นิวตัน-เมตรที่ 8,500 รอบ/นาที ระบบกันสะเทือนด้านหน้าโช้กอัพหัวกลับ ระบบเบรกด้านหน้าจานคู่ขนาด 298 มม.ด้านหลังจานเดี่ยว 245 มม. มาพร้อมยางขนาด 120,70 และ 180/55 ความจุถังน้ำมัน 18 ลิตร ตัวรถยังคงมีโหมดการขับขี่หรือ D-Mode ถึง 3 รูปแบบเช่นเดิมและ Traction Control 3 โหมด นอกจากนี้ยังมีระบบ ABS ซึ่งทั้งหมดตั้งค่าได้อย่างง่ายดายที่ประกับแฮนด์โดยจะแสดงผลบนหน้าจอแบบดิจิตอลขนาดใหญ่ ราคาจำหน่าย 499,000 บาท

Kawasaki Ninja 400 Standard edition

มาพร้อมสองสีใหม่ล่าสุดของปี 2019 ดีไซน์ของตัวรถเรียกได้ว่าถอดแบบมาจากซูเปอร์ไบค์สายพันธุ์แชมป์ของค่ายอย่าง Kawasaki ZX-10R ที่คว้าแชมป์ WorldSBK มาต่อเนื่องหลายสมัยไม่ว่าจะเป็นแฟริ่งชิ้นหน้าหรือแม้กระทั่งไฟท้ายที่ได้รับการถ่ายทอด DNA มาแบบเต็มๆ เร้าใจกับ 2 สีใหม่ SILVER เรียบหรูดูมีสไตล์สลับด้วยลายกราฟิกสีดำ-ทอง และ BLUE ถ่ายทอดอารมณ์ที่สนุกสนานและน่าค้นหาสลับด้วยลายกราฟิกสีดำ–ทอง เช่นเดียวกับ SILVER มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 399 ซีซี. 2 สูบเรียง 4 จังหวะ DOHC 8 วาล์ว ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด กำลังสูงสุด 33.4 กิโลวัตต์/ 45 แรงม้า (PS) ที่ 10,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 33 นิวตัน-เมตร  ที่ 8,000 รอบ/นาที ระบบเกียร์แบบ 6 จังหวะ ความสูงของเบาะจากพื้น 785 มม. น้ำหนักของตัวรถอยู่ที่ 168 กิโลกรัม ถังน้ำมันจุได้ 14 ลิตร ระบบเบรกหน้าด้านเป็นดิสก์เบรกเดี่ยว Semi- Floating ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 310 มม. ด้านหลังก็เป็นดิสก์เบรกเดี่ยวขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 220 มม. พร้อมระบบเบรกแบบ ABS นอกจากนี้ยังมีการติดตั้ง Assist Sliper Clutch มาให้ด้วย

Husqvarna VITPILEN 701

สองล้อสไตล์ Cafe Racer คลาสใหญ่สุดของ Husqvarna นับตั้งแต่ได้เคยผลิตมาในยุคปัจจุบัน ใช้โครงสร้างและเครื่องยนต์พื้นฐานมาจากค่ายรถพันธมิตร KTM โดยเจ้า Vitpilen 701 ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัยด้วยตัวถังและองค์ประกอบที่โมเดิร์น ไม่ว่าจะเป็นไฟ LED หน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอล LCD  ทะยานอย่างมั่นใจด้วยขุมพลังขนาด 692.7 ซีซี 4 จังหวะ 1 ลูกสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 75 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 72 นิวตัน-เมตร ที่ 6,750 รอบ/นาที ระบบส่งเกียร์แบบ 6 จังหวะ ติดตั้งระบบคันเร่งไฟฟ้า Ride-By-Wire มาให้ใช้งานพร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ มีระบบ Slipper Clutch ป้องกันการจับตัวของแผ่นคลัทซ์ในจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่ผิดปกติ ส่วนตัวถังของ Vitpilen 701 เป็นเฟรมแบบถักทั้งคัน จึงมีน้ำหนักที่เบาช่วยให้การควบคุมตัวรถทำได้ง่ายดาย ระบบกันสะเทือนหน้าหัวกลับขนาด 43 มม. จากแบรนด์ดัง WP เช่นเดียวกับระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบโมโนโช้ก ส่วนระบบเบรกด้านหน้าเป็น Floating Disc เดี่ยวขนาด 320 มม. ปั้มเบรกแบบ Radial Fixed Caliper แบบ 4 Pot ของ Brembo ระบบเบรกหลัง Floating Disc ขนาด 240 มม แบบ 1 Pot พร้อมติดตั้งระบบ ABS แบบ Dual Channel จาก Bosch มาด้วย ในส่วนของล้อหน้า-หลัง เป็นอะลูมิเนียมขึ้นรูปขนาด 17 นิ้ว ถังน้ำมันจุได้ถึง 12 ลิตร

หวังคงถูกใจสาวกไบค์เกอร์กัน และเพื่อเพิ่มความคุ้มครองที่เหนือชั้นกว่าสำหรับสิงห์นักบิดที่มีใจรักความปลอดภัยอยู่ในสายเลือด เลือกประกันภัยบิ๊กไบค์ภาคสมัครใจจาก Roojai.com ให้ความความคุ้มครองครอบคลุม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.roojai.com/motorbike-insurance/