Roojai

ขับรถเที่ยวเหนือ 8 ทริคขับรถขึ้นเขา-ลงเขา จะฝนตกแดดออกก็ไม่หวั่น!

เทคนิคขับรถขึ้นเขาอย่างปลอดภัย | ประกันรถ | รู้ใจ

ปีใหม่นี้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีแพลนพาครอบครัว เพื่อน และคนที่เรารัก ไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ และช่วงปลายปีที่อากาศเย็นสบายแบบนี้ จุดหมายปลายทางของหลายคนคงเป็นภาคเหนือ อย่างแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ไปสัมผัสธรรมชาติ ดื่มด่ำกับบรรยากาศดีบนดอย สัมผัสทะเลหมอกในตอนเช้า แต่บอกเลยว่าการจะขับรถไปนั้น มีทางขึ้น-ลงเขา ไม่ง่ายทั้งกับมือใหม่หัดขับ รวมถึงคนที่ขับรถมานานด้วย สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับการขับรถบนทางลาดชัน และกำลังมองหาวิธีขับรถขึ้นเขา-ลงเขาอยู่ล่ะก็ รู้ใจมีทริคที่น่าสนใจมาให้เรียบร้อยแล้ว แต่ต้องบอกก่อนว่าการขับรถบนเส้นทางนี้ ไม่ว่าจะวันที่ฝนตกหรือไม่มีฝน จำเป็นต้องใช้ทักษะในการขับขี่หลายอย่างไปพร้อม ๆ กัน

วิธีขับรถขึ้นเขา เกียร์ออโต้หรือเกียร์ธรรมดาก็ตาม สิ่งที่คุณควรเรียนรู้เอาไว้เลยก็คือ การเข้าเกียร์ เปลี่ยนเกียร์ รวมถึงการปล่อยคลัตช์ ให้เหมาะสมกับการขับขี่บนถนนลาดชัน (ขึ้นเขา) แต่จะต้องใช้เกียร์อะไรบ้าง ไปดูกันเลย

1. ขับรถขึ้น-ลงเขาด้วยเกียร์กระปุก (เกียร์ธรรมดา)

1. ขับรถขึ้นเขา เกียร์ธรรมดาต้องใช้เกียร์ต่ำ

มือใหม่ที่คิดอยากจะขับรถขึ้นเขา ต้องทำความเข้าใจวิธีขับรถขึ้นเขา ขึ้นดอย ความเร็วรถจะถูกลดลงดังนั้นควรเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ เช่น เกียร์ 1 หรือเกียร์ 2 เพราะถ้าหากฝืนหรือลืมเปลี่ยนเกียร์ เครื่องยนต์อาจไม่มีแรงมากพอให้รถขึ้นเขาได้สำเร็จ

2. ขับรถขึ้นเขา แล้วต้องหยุดระหว่างทาง

ในกรณีที่ขับรถขึ้นเขาหรือขึ้นดอย แล้วจำเป็นต้องหยุดรถระหว่างทาง เมื่อต้องการเคลื่อนรถไปข้างหน้าอีกครั้ง ให้สตาร์ทรถแล้วเข้าเกียร์ 1 พร้อมกับใช้ปลดเบรกมือควบคู่กันไป เพราะจะช่วยให้รถไม่ไหลเวลาที่ถอนเท้าออกจากคลัตช์

3. ขับรถลงเขาต้องใช้เกียร์ต่ำ

การขับรถลงเขาก็ยังคงใช้เกียร์ 1 หรือเกียร์ 2 เช่นเดียวกับตอนขึ้นเขา แต่อย่าคิดเข้าเกียร์ว่างแล้วปล่อยให้รถไหลไปเองเด็ดขาด เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อาจทำให้เบรกรถไม่ทัน หรือรถเสียการทรงตัวได้นั่นเอง

4. เปลี่ยนเกียร์ต้องเหยียบคลัตช์ให้สุด

ทุกครั้งที่ต้องการเปลี่ยนเกียร์ต้องเหยียบคลัตช์ให้สุด เพราะในระหว่างเปลี่ยนเกียร์รถจะเสียแรงฉุดเล็กน้อย ส่งผลให้รถไหลหรือไม่เกาะพื้นถนน

2. ขับรถขึ้น-ลงเขาด้วยรถเกียร์ออโต้

การขับรถขึ้น-ลงเขาด้วยรถเกียร์ออโต้เป็นเกียร์ที่ทำให้คุณขับรถได้ง่ายขึ้น แต่เฉพาะการขับบนถนนในเมืองเท่านั้น สำหรับการขับรถขึ้น-ลงเขาอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด จึงเป็นเหตุผลที่คุณควรทำความเข้าใจวิธีขับให้ดีก่อน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้

1. ขับรถขึ้นเขา เกียร์ออโต้

ขับรถขึ้นเขา ใช้เกียร์อะไร? อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย โดยวิธีขับรถขึ้นเขาสูงชัน ไม่ว่ามากหรือน้อย ให้ใช้เกียร์ D แต่ถ้ารู้สึกว่าเครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ให้เปลี่ยนมาใช้เกียร์ D1-D2 และหาความเร็วที่เหมาะสม สำหรับควบคุมรถ จากนั้นค่อยเปลี่ยนมาใช้เกียร์ D ตามเดิม (บนทางราบปกติ) ซึ่งจริง ๆ แล้วสามารถใช้เกียร์ D ตลอดการเดินทางก็ได้ แต่จะทำให้เกียร์ร้อน ความเร็วที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 40-50 กิโลเมตร/ชั่วโมง

2. เกียร์ที่ใช้ขับรถลงเขา

วิธีการขับรถลงเขาด้วยรถเกียร์ Autoมีเรื่องที่คล้ายกับการขับรถลงเข้าด้วยเกียร์ธรรมดา คือ ห้ามใส่เกียร์ว่าง (N) เด็ดขาด เพราะทำให้รถเสียการควบคุม และไหลเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ทางที่ดีควรเปลี่ยนเป็นเกียร์ D1-D2 เพื่อรักษาความเร็วของรถให้เสถียร แม้ว่ารถจะหน่วงหรือช้าลง แต่ก็ทำให้การขับขี่ของคุณปลอดภัย 

3. แตะเบรคเป็นระยะ

ตอนขับรถลงเขาอย่าลืมแตะเบรคเป็นระยะ ๆ ร่วมกับการใช้เกียร์ต่ำ ไม่ควรเหยียบเบรคตลอดเวลาเพราะอาจสร้างความเสียหายต่อผ้าเบรค จานเบรคได้ และยังต้องฝึกคำนวณระยะการเบรคให้ดีด้วย เพราะการขับรถในทางลาดชันการเบรกจึงเพิ่มขึ้น แถมยังต้องคำนวณระยะความห่างในการเบรค เพื่อป้องกันการชนอย่างมีประสิทธิภาพ และยังควรเร่งเครื่องบ่อย ๆ ไม่ใช่เพื่อให้รถเร็ว แรง แต่เพื่อป้องกันไม่ให้รถดับ เพราะไม่อย่างนั้นรถอาจเสียการทรงตัวได้

วิธีการขับรถขึ้นเขา เกียร์ออโต้ | ประกันรถ | รู้ใจ

4. ห้ามวางมือค้างไว้ที่คันเกียร์เด็ดขาด

การวางมือค้างไว้ที่คันเกียร์จะทำให้มีการกดน้ำหนักมากเกินไป จะสร้างแรงกดไปที่ก้ามปูเกียร์ ซึ่งอาจทำให้เกียร์เกิดการหลวม จนเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

5. รถติดบนเขาให้ใช้เกียร์ว่างและดึงเบรกมือ

เมื่อรถติดบนทางลาดชันควรใส่เกียร์ว่าง และดึงเบรกมือทุกครั้ง และก่อนออกตัวให้เหยียบคลัตช์ เบรค และเปลี่ยนเกียร์ จากนั้นปลดเบรกมือลง แล้วเหยียบคันเร่ง ห้ามใช้เกียร์ว่างขณะขับรถขึ้น-ลงเขาเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ไม่มีแรงหน่วงในการช่วยเบรก

6. ความเร็วที่ควรใช้

ในส่วนของความเร็วในการขับรถขึ้นลงเขา ก็ถือเป็นเรื่องที่คุณควรระมัดระวังด้วยเช่นกัน หากเป็นการขับรถขึ้นเขาแนะนำให้รักษาความเร็วที่ 50-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ป้องกันรถเร็วเกินจนแหกโค้ง หรือช้าเกินไปจนรถไหล สำหรับการขับรถลงเขา แนะนำให้รักษาความเร็ว ไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพราะเป็นความเร็วที่ค่อนข้างปลอดภัย แถมยังช่วยให้ผ้าเบรคไม่ทำงานหนักจนเกินไป

7. ห้ามแซงทางโค้งตอนขึ้นลงเขา

ไม่ว่าตอนขับรถบนถนนปกติคุณจะเก่งมากแค่ไหน แต่เมื่อต้องขับรถขึ้น-ลงเขา อย่าได้คิดซ่า “แซงทางโค้ง” หรือขับรถน่าหวาดเสียวเด็ดขาด แถมการแซงบนทางลาดชันค่อนข้างอันตราย โดยเฉพาะโค้งที่คุณมองไม่เห็นรถสวนจากข้างหน้า แนะนำให้ขับตามรถหรือตามทางไปอย่างระมัดระวัง และในระหว่างขับก็ควรมองออกไปให้ไกล เพื่อประเมินเส้นทางเบื้องต้น หากพ้นช่วงโค้งไปแล้วค่อยหาจังหวะแซง

8. ให้สัญญาณช่วงทางโค้งหรือมุมอับสายตา

นอกจากนี้การใช้สัญญาณเตือนอย่างการบีบแตร ก็มีความสำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะในช่วงทางโค้งหรือมุมอับสายตา การส่งสัญญาณให้รถที่กำลังจะขับสวนมาได้รับทราบ ว่ามีรถของคุณกำลังขับสวนไป จะช่วยให้อีกฝ่ายชะลอความเร็ว และระมัดระวังการขับขี่มากขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในวิธี “ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ” ที่ดีมาก ๆ เลยล่ะ

ข้อควรระวังเมื่อขับรถขึ้น-ลงเขาเมื่อฝนตก

สำหรับการขับรถขึ้นลงเขาเมื่อฝนกตก จะมีเทคนิคดังที่กล่าวไปข้างต้น และยังมีทริคเพิ่มเติม ดังนี้

  1. ศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทาง หากคุณต้องเดินทางในหน้าฝนที่มีโอกาสฝนตกมาก การศึกษาเส้นทางก่อนขึ้น-ลงเขา เป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งถ้าเป็นทางที่ไม่คุ้นเคย ยิ่งต้องวางแผนอย่างดี เพราะบางจุดอาจเป็นดินเลนที่ทำให้รถตกหล่มได้ รวมถึงอาจมีโค้งที่เป็นจุดอับสายตาหรือมีความชันมาก
  2. ตรวจสอบรถ เช็คยางทั้ง 4 ล้อ สภาพรถ น้ำมันเครื่อง แบต และที่สำคัญคือ เช็คที่ปัดน้ำฝนและระบบไฟของรถ ว่าสามารถใช้ได้ดีหรือไม่ ก่อนเดินทางขึ้น-ลงเขา
  3. เปิดไฟหน้ารถหรือเปิดไฟตัดหมอก การเปิดไฟเป็นสัญญาณที่จะช่วยทำให้รถที่สวนมา รถที่อยู่ด้านหน้า และด้านหลังรถเรา เห็นรถของเราได้ ซึ่งทำให้ขับรถปลอดภัยมากขึ้นเมื่อฝนตก
  4. ขับให้ช้ากว่าปกติ เมื่อฝนตกถนนจะลื่นมากกว่าปกติ ถึงทัศนวิสัยในการมองจะไม่ชัดเจน ดังนั้นจึงควรขับให้ช้ากว่าปกติ การขับช้าๆจะทำให้มีสติและมีเวลาในการตัดสินใจเฉพาะหน้ามากขึ้น
  5. ห้ามแซงกันไม่ว่าทางโค้งหรือทางตรง การขับรถช่วงฝนตกที่ถนนลื่นหากเกิดการแซงกันบนถนน อาจเกิดอุบัติเหตุต่อตนเองและคนอื่น ๆ ได้ จากความชัน ระยะที่แคบ รวมถึงทัศนวิสัยที่ถูกบดบังทั้งจากเม็ดฝนและทางคดโค้งของถนนบนเขา ทำให้การแซงรถยากและเสี่ยงอันตรายมากขึ้น

การขับรถขึ้น-ลงเขาในช่วงหน้าฝน หรือไม่มีฝน ล้วนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย นอกจากจะต้องเตรียมความพร้อมของรถยนต์ให้พร้อม ยังต้องเตรียมความพร้อมของตัวเองให้ดีด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการทำความเข้าใจและเรียนรู้วิธีขับรถขึ้นเขาและขับรถลงเขาอย่างถูกวิธี เพื่อการขับรถปลอดภัย และอย่าลืมซื้อประกันรถยนต์เอาไว้ด้วย เพราะไม่มีใครรู้ได้ว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อไหร่ มีประกันเอาไว้อุ่นใจกว่าเยอะ

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)