ขึ้นชื่อว่ารถบนท้องถนนเมืองไทยโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร เดี๋ยวนี้ไม่ได้ติดอันดับในเรื่องรถติดอย่างเดียวเสียแล้ว เพราะเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.60 เว็บไซต์ข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ได้รายงานว่า ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ปี 2556 ระบุว่า ประเทศไทยมีผู้ขับรถที่แย่ที่สุดในโลก ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในอัตราส่วน 36.2 ต่อประชากร 1 แสนเลยทีเดียว
ข้อมูลน่าสนใจ
- เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีอัตราการเสียชีวิตเฉลี่ยที่ 9.3
- เทียบกับ กลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อยจะอยู่ที่ 24.1
- ส่วนประเทศที่มีรายได้ปานกลาง จะอยู่ที่ 18.4
ทั้งนี้ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยเพิ่มเติมว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนประเทศไทย ณ จุดเกิดเหตุ ตลอดปี 2559 เสียชีวิตตลอด 365 วัน รวม 9,666 ราย เฉลี่ย 26 รายต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากพอสมควร และเมื่อเทียบกับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบค่าเฉลี่ยคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงถึง 54-56 รายต่อวัน จึงค่อนข้างตรงกับข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ที่ระบุว่า ประเทศไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นอันดับสองของโลกคือกว่า 2 หมื่นคนต่อปี รองจากประเทศลิเบียเท่านั้น
มาดูที่ตัวเลขจากการสูญเสียกันบ้าง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในทุกชั่วโมงจะมีคนไทย 1-2 คน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน หากคิดเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจจะสูงกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว หรือคิดเป็น 1.7% ของจีดีพี โดยในปี 2558 ไทยมีสถิติอุบัติเหตุทางถนนถึง 16,157 ครั้ง คิดเป็น 23.29% ของจำนวนอุบัติเหตุทั้งประเทศ ด้วยเหตุนี้กระทรวงคมนาคมจึงจัดประชุมเชิงปฏิบัติการฯ เพื่อระดมความเห็นจากทุกภาคส่วนในการจัดทำแผนปฏิบัติการลดอุบัติเหตุทางถนนของกระทรวงคมนาคม ปี 2559-2560
ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปพิจารณาหาแนวทางการปรับปรุงกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีผู้ที่ดื่มสุราแล้วขับรถ ผู้ที่นั่งมาในรถกับคนขับก็จะถูกดำเนินคดีด้วย และหากพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากกรณีเมาแล้วขับ ก็จะบังคับให้ครอบครัวของผู้ขับต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อความผิดที่เกิดขึ้นครั้งนี้เช่นกัน
เมื่อพูดถึงอุบัติเหตุ ทุกคนคงไม่อยากให้เกิดกับตนเองและครอบครัว เพราะเสียทั้งเวลาเสียทั้งเงิน บางทีอาจเสียชีวิตหรือถึงขั้นพิการ ดังนั้น ป้องกันได้ก็ต้องป้องกัน แต่แม้จะป้องกันอย่างไร บางครั้งอุบัติเหตุก็มาเยือนเอง การทำประกันรถยนต์ จึงอาจเป็นตัวเลือกที่สามารถแบ่งเบาภาระหลังเกิดอุบัติเหตุได้ อย่างน้อยๆ ก็มีเงินพาคนส่งโรงพยาบาล ซ่อมรถทั้งของตัวเองและคู่กรณี แบบนี้ก็จะทำให้บรรเทาทุกข์ไปได้เยอะ ซึ่งการทำประกันหากเป็นชั้น 1 ก็จะคุ้มครองได้มากสุด หรือลองเลือกแพคเกจที่ประหยัดลงมาสักเล็กน้อยอาจเลือกเป็นประกันชั้น 2+ หรือ 3+ ก็ได้
อุบัติเหตุป้องกันได้ถ้าไม่ประมาท แต่ถ้าหากรถมีจำนวนมากเหมือนทุกวันนี้มันก็ยากที่จะป้องกันเหมือนกัน เพราะเราขับรถดีแต่คนขับรถแย่ก็อาจมาชนเราได้ สิ่งที่ดีที่สุดจึงควรจะเป็นการขับรถด้วยความปลอดภัยไม่ประมาทและทำประกันชีวิตควบคู่ไว้ด้วย ตราบใดที่ยังต้องอยู่บนท้องถนนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ควรมีประกันรถดีๆ ไว้เคียงข้างให้อุ่นใจกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล ให้ Roojai.com เคียงข้างคุณ การันตีถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที ประกันชั้น 2 ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินกรณีรถเสียตลอด 24 ชั่วโมง
