Roojai

สวิตช์ปิดถุงลมนิรภัยมีไว้ทำไม..ควรใช้ตอนไหน?

เข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ เชื่อว่าผู้คนส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาบ้านเกิด เพื่อเฉลิมฉลองพบปะกับพ่อแม่ญาติพี่น้องให้หายคิดถึง หลังจากที่ต้องจากกันมาทำมาหากินในเมืองหลวง หรือไม่ก็ได้เดินทางไปพักผ่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมตัว นอกจากร่างกายซึ่งต้องฟิตปั๋งสำหรับการขับรถระยะทางไกลแล้ว ในส่วนของยานพาหนะก็ต้องพร้อมเช่นกัน

โดยเฉพาะกับนักขับมือใหม่หรือหลายคนที่เพิ่งซื้อรถใหม่มาไม่นาน จึงอาจไม่เคยชินหรือไม่รู้ว่าคุณสมบัติและความปลอดภัยของรถรุ่นนั้น ๆ มีอะไรบ้าง ซึ่งในวันนี้เราก็มีอีกหนึ่งฟังก์ชั่นมาแนะนำคือ ‘สวิตช์ปิดถุงลมนิรภัย’ แน่นอนเกริ่นมาแบบนี้ หลายคนย่อมสงสัยว่าในเมื่อเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันอันตรายและบรรเทาอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทำไมถึงต้องปิด? แล้วตอนไหนที่ควรปิด เรามีคำตอบมาให้ครับ

โดยรถยนต์ส่วนใหญ่จะมีสวิตช์เปิด-ปิดถุงลมนิรภัย บริเวณด้านข้างของแผงแดชบอร์ด (ฝั่งผู้โดยสาร) ซึ่งต้องเปิดบานประตูถึงจะมองเห็น และหลายคนก็ไม่รู้ว่ามีอยู่ด้วยซ้ำไป ส่วนเหตุผลที่รถบางรุ่นต้องมีสวิตช์เปิด-ปิด (เฉพาะฝั่งผู้โดยสาร) มาจากการระเบิดของถุงลมนิรภัยนั้นมีความรุนแรงมาก เรียกง่าย ๆ ออกแบบให้รองรับสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น ซึ่งถ้าเจ้าของรถได้อ่านในคู่มือประจำรถจะเห็นคำเตือนระบุไว้ชัดเจน คือ ห้ามวางเด็กซึ่งนั่งอยู่บนเบาะรองนั่งเสริม, ในที่นั่งสำหรับเด็ก หรือในที่นั่งสำหรับเด็กแบบหันไปทางด้านหลัง ‘ลงบนที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า’ ในขณะที่เปิดใช้งานถุงลมนิรภัยไว้ ตลอดจนห้ามเด็กที่มีความสูงต่ำกว่า 140 ซม. นั่งในที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้า เมื่อเปิดใช้งานถุงลมนิรภัยไว้ และหากไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำที่กล่าวไว้ข้างต้น อาจทำให้ได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บร้ายแรงได้ แน่นอนว่าเมื่อถุงลมนิรภัย ถูกปิดการทำงาน เด็กที่นั่งอยู่ในที่นั่งสำหรับเด็กแบบหันไปทางด้านหลังจะสามารถนั่งบนที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าได้อย่างปลอดภัย

อย่างไรก็ดีเมื่อมองในแง่ของความปลอดภัย หากจำเป็นต้องมีเด็กเล็กเดินทางไปด้วย แนะนำให้เด็กนั่งในตำแหน่งเบาะแถวหลัง หรือวางคาร์ซีทในเบาะแถวหลังจะปลอดภัยกว่า ที่สำคัญเราไม่สามารถทราบหรือรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ตอนไหน ทางที่ดีเปิดให้ถุงลมนิรภัยทำงานไว้อยู่ตลอดเวลาดีกว่าครับ