ในยุคที่การสื่อสารทีรวดเร็วฉับไว เราจึงได้เห็นภาพอุบัติเหตุจากกล้องติดหน้ารถยนต์กันบ่อยจนติดตา บางคนถึงขั้นกลัวแทบไม่กล้าขับรถกันเลยทีเดียว แต่เรานั้นสามารถระมัดระวังป้องกันได้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เช่นกัน เพียงแค่รักษาและปฏิบัติตามกฎจราจร ไม่ขับรถโดยประมาท ที่สำคัญคือจิตใจของผู้ขับขี่ คือความใจร้อน และต้องมีน้ำใจ ให้อภัยซึ่งกันและกันเมื่อต้องใช้รถใช้ถนนร่วมกัน
จากภาพที่เราได้เห็นจากกล้องติดรถยนต์ เมื่อมาวิเคราะห์กันดูแล้วอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมีประเด็นหลักๆ อยู่ไม่กี่ข้อ ถ้าเราหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ได้ รับรองว่าความสูญเสียจากอุบัติจากการใช้รถใช้ถนนจะลดน้อยลงได้มากทีเดียว
- ใช้ความเร็วสูง เป็นอันดับต้นๆ ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเป็นอย่างมาก และยังผิดกฎหมายอีกด้วย เมื่อใช้ความเร็วสูงตัวแปรนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความบกพร่องจากร่างกายของผู้ขับขี่เอง ที่เกิดจากการมึนเมา พักผ่อนไม่เพียงพอ หลับใน ไม่คุ้นเคยกับสภาพเส้นทาง หรือแม้แต่ความบกพร่องจากตัวรถ เช่นยางแตก เบรกไม่อยู่ ดังนั้นควรใช้ความเร็วที่เหมาะสม ภายใต้ที่เงื่อนไขของกฎหมายกำหนดเป็นดีที่สุด
- เปลี่ยนเลนกะทันหัน ในการเปลี่ยนช่องทางของรถ การให้สัญญาณไฟเลี้ยวเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ต้องไม่ลืมที่จะคำนวณ “จังหวะ” การเปลี่ยนเลนด้วย รวมถึงสังเกตรถที่เราขอแทรกเลนด้วย เขาพร้อมให้เราแทรกเข้าหรือไม่ เพราะบางครั้งรถเขาอาจมีจังหวะที่ดีกว่าเรา ถ้าเขาไม่ให้เข้า ก็ไม่ควรไปตัดหน้า หรือต่อว่ากัน เรื่องแบบนี้อยู่ที่จังหวะ และความมีน้ำใจครับ
- ขับเบียดแย่งช่องทาง การใช้รถใช้ถนนของคนยุคนี้ ต้องพบเจอกับการเบียดแย่งช่องทางอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะรถคันใหญ่ ที่มักคิดเอาเองว่า รถที่เล็กกว่าต้องหลบให้รถคันใหญ่ได้ไปก่อนเสมอ ตามกฎหมายแล้ว ไม่ว่ารถเล็กหรือรถใหญ่ ต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเสมอภาค รถที่อยู่ช่องทางเอก มีสิทธิ์ได้ไปก่อนรถที่อยู่ช่องทางโท ถ้าเป็นทางร่วมก็ควรสลับกันไปทีละคัน ดังนั้นไม่ว่ารถจะเล็กหรือใหญ่ ก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน
- เมาแล้วขับ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่จะถูกยกมาเป็นต้นเหตุของอุบัติต่างๆ นานา โดยเฉพาะในช่วงรณรงค์ลดอุบัติเหตุตามเทศกาลต่างๆ เมาแล้วขับ นอกจากจะส่งผลกับผู้ขับขี่เองแล้วนั้น ยังมีผลกระทบกับผู้ร่วมถนนเป็นอย่างมาก ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน มีภาพเหตุการณ์ให้เราได้เห็นจากกล้องติดหน้ารถกันอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ภาครัฐจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นแล้วก็ตาม เรื่องแบบนี้คงอยู่ที่จิตใต้สำนึกของผู้ขับขี่เองแล้วครับ หยุดเถอะครับ เมาแล้วขับ
- ขับย้อนศร ส่วนใหญ่จะมาจากรถจักรยานยนต์ แล้วผู้ขับรถยนต์เป็นผู้รับเคราะห์ แต่ก่อนจะเกิดขึ้นตามถนนในชุมชน แต่ปัจจุบันนี้ตามถนนหลักระหว่างเมืองมีสถิติเกิดขึ้นอย่างมากมาย เพราะความประมาทของผู้ขี่รถจักรยานยนต์ ที่ขี้เกลียดไปกลับรถไกล บางก็แค่คิดว่าขี่ย้อนศรไปเพียงสั้นๆ ไม่เป็นอะไร แต่ความสูญเสียนั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก ผู้ขับขี่รถยนต์ควรใช้ความระวังเป็นพิเศษโดยเฉาะในเขตที่ควบคุมความเร็ว ที่สำคัญอย่าแซงรถคันหน้าทางช่องทางด้านซ้ายเป็นอันขาด ช่วงเวลาที่เกิดเหตุมากที่สุดคือใกล้พลบค่ำ
- ฝ่าไฟแดง นับวันยิ่งเกิดถี่ขึ้นไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ แต่ก่อนั้นมาจากค่านิยมผิดๆ จากสัญญาณไฟกระพริบสีเหลือง ที่ให้ลดความเร็วเพื่อจอดรอสัญญาณไฟแดง แต่เดี๋ยวนี้มีตัวเลขนับเวลาถอยหลังก่อนหมดสัญญาณไฟเขียว ทำให้หลายคนคาดว่าน่าจะทันผ่านไปได้ จึงกดคันเร่งเพื่อวิ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูง เมื่อเกิดอุบัติเหตุจึงมีความเสียหายอย่างรุนแรง ส่วนในทางกลับกัน ฝ่ายที่ติดไฟแดงอยู่ เมื่อดูจากเวลาที่จะได้ไฟเขียวเพียงไม่กี่วินาที ก็ยอมฝ่าไฟแดงออกไป เพราะการกะความเร็วรถที่วิ่งมาผิดพลาด ไปเจอกันตรงกลางทางแยกพอดีความเสียหายจึงเกิดขึ้น การผ่านทางแยกที่ถูกต้องไม่ว่าจะมีสัญญาณไฟหรือไม่ ควรใช้ความเร็วที่เหมาะสม และมองซ้าย ขวา ก่อนผ่านทางแยกด้วยความระมัดระวัง
ภาพจากกล้องหน้ารถนอกจากเป็นอุทาหรณ์สอนใจแล้ว ในแง่กฎหมายยังเป็นตัวติดสินได้ว่าใครเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายถูกได้อีกด้วย ยิ่งมีการเผยแพร่สู่โลกของโซเชียลเน็ตเวิล์คด้วยแล้ว สังคมยังเป็นผู้ทำหน้าที่ตัดสินในพฤติกรรมของผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายเหล่านี้อีกด้วย
เมื่อรถยนต์เกิดเหตุ ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป รู้ใจพร้อมสำหรับคุณเสมอ ด้วยระบบออนไลน์ 24 ชั่วโมง คลิกเช็คเบี้ย!