เชื่อว่ามีหลายๆ คนที่เคยได้รับมรดกตกทอดเป็นรถยนต์ ส่วนใหญ่ก็เป็นรถที่คุณพ่อคุณแม่หรือปู่ย่าตายายเคยใช้เป็นพาหนะสร้างตัวในช่วยวัยหนุ่มสาว เมื่อรถเก่าคนแก่ส่วนใหญ่ก็มักจอดแช่ไม่ได้ขับเป็นปีๆ หรือไม่ก็จอดทิ้งอยู่ตามสวนตามไร่จนลืมกันไปบ้างก็มี เมื่อมีการเอ่ยปากยกให้ลูกหลาน บางคนอาจไม่ชอบเก็บไว้ขายต่อไปก็เยอะ หรือบางส่วนที่คิดจะปลุกปั้นสานฝันขึ้นมาใหม่ก็มีเช่นกัน ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำกันว่าต้องทำอย่างไรบ้าง หากต้องการจะปลุกชีพรถจอดไว้นานๆ ขึ้นมาใหม่
อันดับแรกบิดกุญแจเช็คก่อนว่าแบตเตอรี่มีไฟหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่ร้อยทั้งร้อยไม่มีเหลือแน่นอน จากนั้นลองพ่วงแบตเตอรี่กับรถคันอื่นดู (คลิกอ่านวิธีพ่วงแบตด้วยตัวเอง) หรือจะให้ดีก็เปลี่ยนใหม่ เสร็จแล้วลองสตาร์ทเครื่องยนต์ว่าติดหรือไม่ ถ้าไม่ติดอีกคงต้องไล่กันไปเรื่อยๆ เพราะรถจอดอยู่นิ่งนาน หนูอาจกัดสายจนขาดหรือเข้าไปทำรังก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะเครื่องยนต์เย็นตลอด แต่ ในกรณีถ้ามอเตอร์สตาร์ททำงานแต่เครื่องยนต์ยังไม่ติด ต้องไล่ดูระบบเชื้อเพลิงว่ามีน้ำมันไหม หรือปั๊มเชื้อเพลิงอาจเสียและกรองอาจตัน ซึ่งสาเหตุหลังนี้คงต้องตามช่างมาดู แต่ถ้าเครื่องยนต์ติดก็ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี แสดงว่าระบบเชื้อเพลิงยังทำงานได้แม้ว่าน้ำอาจบูดไปแล้วก็ตาม
จากนั้นก็ทยอยเปลี่ยนของเหลวให้หมด โดยเฉพาะน้ำมันเครื่อง (อ่านวิธีสังเกตน้ำมันเครื่องปลอม) น้ำมันเกียร์ ถ้าไม่สะดวกทำเองก็ขับไปให้อู่หรือศูนย์ที่ได้มาตรฐานเปลี่ยนให้ รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิงก็ควรเติมของใหม่ นอกจากนี้ก็ให้เช็คระบบระบายความร้อน ว่าหม้อน้ำมีสภาพผุกร่อนหรือไม่ ลองสตาร์ทยนต์เครื่องทิ้งไว้เช็คดูว่าน้ำหายหรือเปล่า พัดลมระบายความร้อนยังทำงานปกติไหม รวมทั้งดูบนหน้าปัดว่าเข็มความร้อนชี้ตรงเกือบกลางหรือสะบัดไปตรงตำแหน่ง H หรือเปล่า หากเห็นว่าท่าไม่ดี หาร้านซ่อมหม้อน้ำที่ใกล้ที่สุดให้ลองเช็คดู
อีกหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ ระบบช่วงล่าง ซึ่งแน่นอนว่ารถที่จอดไว้นานเป็นปีๆ โดยไม่ขึ้นแม่แรงหรือสามขาไว้ จุดที่สัมผัสกับพื้นมากที่สุดก็คือยาง และส่วนมากก็มักจะแฟบแบน จนกรอบแตกจากการแบกน้ำหนักตัวรถ หรือเสื่อมสภาพจนไม่สามารถใช้งานต่อได้ หากว่าเติมลมเข้าไปแล้วไม่รั่วซึม สภาพดองยางยังดีและไม่แข็งก็นับว่าโชคดีไป แต่ถ้าคำนึงถึงความปลอดภัยควรเปลี่ยนใหม่เป็นพวกยางเปอร์เซ็นต์ก็จะยังดีกว่าครับ
หากว่าอุปกรณ์หลักๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟ ระบบน้ำมัน ทุกอย่างใช้งานได้ปกติ ก็พอสบายใจได้ ถ้าไม่นับรวมเรื่องสภาพความผุพังที่ย่อมเกิดขึ้นได้ตามเวลา ต่อมาก็เริ่มขั้นตอนล้างทำความสะอาด ซึ่งช่วงที่ฉีดน้ำก็จะทำให้เราได้ทราบอีกว่ามีจุดไหนที่ทำให้น้ำรั่วซึมเข้าสู่ห้องโดยสารได้บ้าง ถ้ารั่วบริเวณด้านหน้าและข้างส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากยางซีลกระจกเสื่อมสภาพ ซึ่งหากปล่อยไว้ถึงช่วงฤดูฝนรถคุณกลายเป็นตู้ปลาแน่นอน
การฟื้นฟูสภาพให้รถที่จอดไว้นานๆ ให้กลับมาใช้งานได้แบบปกติ ยังมีรายละเอียดให้ต้องตรวจเช็คและแก้ไขอีกมากมาย นี่เป็นเพียงวิธีการเบื้องต้นที่เจ้าของรถยังพอทำเองได้บ้าง ซึ่งอาจไม่สมบูรณ์และขับใช้งานได้สะดวกสบายเหมือนครั้งเป็นรถใหม่ เพื่อให้แน่ใจควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คอย่างละเอียดอีกที
อีกสิ่งที่สำคัญมากๆ กับการจะออกสู่ถนนนั่นคือ ประกันรถคุณหมดอายุหรือยัง ให้ Roojai.com เคียงข้างคุณ ด้วยประกันแสนดี การันตีถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที ประกันชั้น 1 ผ่อนสบายๆ 10 งวด ไม่ง้อบัตรเครดิต มีบัตรเดบิตก็ผ่อนได้