เป็นเรื่องราวที่เกิดการเข้าใจผิดกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเรื่องแรงดันลมยาง แม้แต่ร้านยางบางแห่งเองก็ยังให้คำแนะนำที่ไม่ถูกนักให้กับลูกค้าก็มี หรือบางคนก็บอกต่อๆ กันมาเติมลมยางแข็งก็ยิ่งเสี่ยงต่อการทำให้ยางระเบิดได้ บ้างก็บอกว่าลมยางอ่อนช่วยให้รถเกาะถนนขึ้น วันนี้เรามีคำตอบอย่างมีเหตุและผลมาแนะนำผู้ใช้รถกันครับ
ในกรณีใช้แรงดันลมยางอ่อน แม้จะทำให้ผู้ขับรู้สึกว่าช่วงล่างขับได้นุ่มนวล แต่ในอีกมุมรู้หรือไม่ว่ายังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ เพราะเครื่องยนต์ต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อเร่งให้รถพุ่งไปข้างหน้า ส่วนด้านความปลอดภัยลมยางที่อ่อนกว่ามาตรฐาน ก็มีสิทธิ์เสี่ยงต่อการยางระเบิดได้ ยิ่งหากใช้ลมยางอ่อนมากๆ เท่าไร บวกกับเวลารถเคลื่อนที่บนผิวถนนซึ่งมีการโยนตัวขึ้น-ลงตลอดเวลา ไม่ว่าด้วยปัจจัยของถนนหนทางที่ไม่เรียบและยิ่งมีน้ำหนักบรรทุก แก้มยางก็ยิ่งบิดตัวจนเกิดความร้อนมากขึ้น และแรงดันในลมยางจะขยายตัวอย่างมหาศาล แก้มยางที่ลมอ่อนก็จะแบนเหลือนิดเดียวและยางก็จะผิดรูปจากความกลมจนระเบิดได้
ขณะเดียวกันหากใช้แรงดันลมยางแข็งเกินไปอาจจะทำให้รถออกตัวได้ดีขึ้น แต่ก็มีอันตรายเช่นกัน โดยเฉพาะประสิทธิภาพในการยืดเกาะถนน ทั้งบนทางโค้ง การเบรก รวมทั้งมีความยืดหยุ่นน้อยลง ส่งผลให้ยางมีความกระด้างและมีแรงสะเทือนถึงตัวรถมากขึ้น นอกนจากนี้ยังเป็นสาเหตุให้ระบบกันสะเทือนของรถทำงานหนักกว่าปกติและมีโอกาสชำรุดเสียหายก่อนเวลาอันควร ส่วนโอกาสระเบิดก็มีเหมือนกัน หากโดนกระแทกแรงๆ เช่นกรณีตกหลุมในขณะใช้ความเร็วสูง การเติมลมยางควรตามสเปกของรถที่กำหนด โดยศึกษาได้จากคู่มือของรถนั้นๆ ส่วนมากจะอยู่ที่ด้านข้างของประตูรถยนต์ ในกรณีที่ต้องขับเป็นระยะทางไกล ควรเพิ่มลมยางอีกประมาณ 3-5 ปอนด์/ตร.นิ้ว (PSI)
ความดันลมยาง สำหรับรถเก๋งและรถกระบะทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดยาง ขนาดรถ และประเภทของรถนั้นๆ ด้วย โดย
– รถเก๋งขนาดเล็ก ความดันลมยางประมาณ 25-30 ปอนด์
– สำหรับรถเก๋งขนาดกลาง-ใหญ่ ความดันลมยางประมาณ 30-35 ปอนด์
– ขณะที่รถกระบะความดันลมยาง ไม่ควรเกิน 65 ปอนด์
ขอบคุณภาพจาก https://pantip.com/topic/30058082
อย่างไรก็ดีการเติมลมยางนั่นไม่ควรเติมให้น้อย หรือมากกว่าที่กำหนด
สรุปได้แบบเห็นภาพชัดเจน คือ ไม่ว่าแรงดันลมยางจะอ่อนเกินไปหรือแข็งเกินไป ล้วนมีผลเสียและอันตรายต่อการใช้งานทั้งสิ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ แถมยังทำให้ยางและชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องชำรุดเสียหายก่อนเวลาอันควรอีกด้วย ทางที่ดีควรเลือกใช้แรงดันลมยางที่เหมาะสมตามคู่มือที่รถนั้นๆ ได้กำหนดไว้ ส่วนในกรณีผู้ใช้มีการเปลี่ยนยางหรือเปลี่ยนล้อแม็กไปจากสเปกเดิมๆ ของโรงงาน แน่นอนแรงดันลดยางก็ต้องเปลี่ยนไป จึงต้องอาศัยการจับอาการของรถว่ามีลักษณะอย่างไรเมื่อได้ขับ จากนั้นค่อยมาลองคำนวณดูว่าใช้แรงดันลมยางแบบไหนถึงเหมาะสมกับการใช้งาน