กระจกรถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนมองข้าม ทั้งที่เวลาขับรถไม่ว่าจะรถหรูราคาแพงหรืออีโคคาร์ราคาเบาๆ กระจกคือสิ่งที่อยู่รอบตัวเราทุกครั้งเวลาขับขี่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในด้านของทัศนวิสัยในการขับโดยตรง ดังนั้นการทำให้กระจกรถใสสะอาดได้มากเท่าไหร่ ความปลอดภัยในการขับขี่ก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย
นอกจากการล้างทำความสะอาดทั่วๆไปแล้ว การเคลือบกระจกถือเป็นอีกวิธีที่คนรักรถควรให้ความสำคัญไม่แพ้การเคลือบสีรถให้ดูเงางามเลยทีเดียว หลายคนอาจสงสัยการเคลือบกระจกรถนั้นได้อะไรวันนี้เรามีคำตอบมาฝาก
น้ำยาเคลือบกระจกคืออะไร
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับน้ำยาที่ใช้เคลือบกันก่อนว่ามีวิธีการเลือก รวมถึงขั้นตอนการเคลือบกระจกว่าเค้าทำกันอย่างไร น้ำยาเคลือบกระจกรถยนต์นั้น ตัวน้ำยาที่ใช้เคลือบบนผิวกระจกจะมีคุณสมบัติในการสร้างชั้นฟิล์มบางๆ ป้องกันนํ้าเกาะที่กระจกรถยนต์
น้ำยาเคลือบกระจกสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป ส่วนในเรื่องของคุณภาพนั้นขึ้นอยู่กับราคา แต่ไม่ใช่ว่าแพงกว่าจะดีกว่าเสมอไปนะครับ ควรเลือกราคาให้เหมาะสมกับที่คุณรับ หรือไม่ก็เลือกอันที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้เราสามารถใช้งานได้ง่ายกว่า ไม่จำเป็นต้องเลือกที่ราคาแพงจนเกินไป ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 200 – 500 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดน้ำยา)
ข้อดีของการเคลือบกระจกรถยนต์
หลายคนคงสงสัยว่าการเคลือบกระจกรถนั้นเคลือบเพื่ออะไร เคลือบแล้วดีกว่ากระจกที่ไม่ได้เคลือบตรงไหนนั้น บอกเลยว่าการเคลือบกระจกรถ..ได้อะไรมากกว่าที่คิดเยอะ
1.ป้องกันน้ำเกาะกระจกรถ ถือเป็นคุณสมบัติเด่นอย่างแรกที่มีประโยชน์อย่างมาก ที่สำคัญเมื่อคุณต้องขับรถเวลาฝนตก ด้วยความเร็วประมาณ 45 กม./ชม.ขึ้นไป เม็ดน้ำฝนที่เคยตกบนกระจกเป็นเม็ดๆ จะวิ่งไหลลื่นผ่านกระจกไป โดยที่ไม่ต้องปัดน้ำฝน ช่วยเพิ่มทัศนะวิสัยในการขับขี่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
2.ช่วยป้องกันฝนกรด หรือคราบหินปูนที่อาจจะกัดกร่อนเข้าเนื้อกระจกได้ นอกจากจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ปลอดภัยแล้ว
3.ป้องกันการฝังตัวของ เขม่า ควัน ฝุ่นละอองที่หน้ากระจก คงความชัดใส ปลอดภัยตลอดการขับขี่
4.ในบางยี่ห้อยังป้องกันการเกิดฝ้ามัวของกระจกได้อีกด้วย
วิธีการเคลือบกระจกรถยนต์
การเคลือบกระจกรถยนต์นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับคนรักรถอย่างเรา ถึงแม้จะมีหลายขั้นตอนด้วยกัน แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นรับรองว่าคุ้มค่าจริงๆ
1.ให้ยกใบปัดน้ำฝนของรถคุณขึ้นทั้งสองข้าง
2.ล้างกระจกรถคุณให้สะอาด ด้วยแชมพูล้างรถทั่วๆไป ระหว่างล้างลองเอามือลูบๆบนผิวกระจกดูว่ามีสิ่งสกปรกติดอยู่หรือไม่ ถ้ามีให้ทำความสะอาด จนผิวกระจกเรียบเสมอกันทั้งบาน
3.ให้ล้างแชมพูออกด้วยน้ำเปล่า และใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดให้แห้ง
4.จากนั้นให้เริ่มทาน้ำยาเคลือบกระจกลงบนกระจกทีละส่วน โดยไล่จากบนลงล่าง จนทั่วทั้งบานกระจกรถ แล้วทิ้งไว้ให้น้ำยาเซ็ตตัวประมาณ 5 นาที (ระวังอย่าให้โดนสี และชิ้นส่วนอื่นๆที่ไม่ใช่กระจก) ถ้าโดนควรเช็ดออกทันที
ทำความสะอาดกระจกด้วยน้ำยาเช็ดกระจกอีกทีนึง และเช็ดให้แห้งสนิท
5.จากนั้นค่อยเช็ดกระจกด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์จนกระจกใสดังเดิม และไม่หลงเหลือคราบฝ้าของน้ำยาเคลือบบนกระจกรถเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการเคลือบกระจกรถยนต์เป็นที่เรียบร้อย
สำหรับใครที่เคยได้ยินมาเกี่ยวกับปัญหาของการเคลือบกระจก กลัวว่าเคลือบไปแล้วยางปัดน้ำฝนจะสะดุด ผมแนะนำให้ลองเช็คสภาพกระจกก่อนทำงานเคลือบน้ำยา ควรทำความสะอาดกระจกให้สะอาดและไม่มีเศษฝุ่นผงตกค้างอยู่ รับรองว่าที่ปัดน้ำฝนไม่สะดุดแน่ ที่สำคัญควรเช็คสภาพยางปัดน้ำฝนคุณก่อน ว่ายังยืดหยุ่นไม่แข็งกระด้าง หรือเช็ดยางปัดน้ำฝนของรถคุณให้สะอาด เพียงเท่านี้ปัญหาเรื่องการสะดุดตอนปัดน้ำฝนก็น่าจะไม่เกิดขึ้นแล้วครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อดีที่เราจะได้จากการเคลือบกระจกรถยนต์ เชื่อว่าสำหรับคนรักรถแล้ว สิ่งดีๆแบบนี้คุณไม่น่าพลาดที่จะนำมาทำกับคุณแน่นอน ที่สำคัญอย่าลืมให้ Roojai.com ช่วยดูแลรถที่คุณรัก ด้วยประกันแสนดี การันตีถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที ประกันชั้น 1 ผ่อนยาว 10 เดือน ถ้ารักรถเต็มหัวใจ ให้ “รู้ใจ” ดูแลรถให้คุณ คลิกเช็คเบี้ยประกันรถ หรือโทร 02 582 8888