Roojai

วิธีใช้สายจั้มแบตรถยนต์ สเต็ปบายสเต็ป

วิธีใช้สายจั้มแบตรถยนต์ สเต็ปบายสเต็ป

หนึ่งในอุปกรณ์ที่มักถูกแนะนำให้พกติดรถอย่าง “สายจั้มแบต” หรือ Jumper Cable นั้นช่วยเราได้จริงในช่วงเวลาที่เจอกับปัญหารถยนต์สตาร์ทไม่ติด หรือเครื่องยนต์ดับ แต่ว่าพกอย่างเดียวคงไม่ช่วยอะไรถ้าใช้ไม่เป็น บทความนี้จะสอนวิธีใช้สายจั้มแบตรถยนต์ สเต็ปบายสเต็ป เพื่อให้เข้าใจและใช้งานได้อย่างถูกวิธีมากขึ้น โดยมีวิธีการใช้อย่างไรก็ต้องมาดูกันเลย

สเต็ปในการใช้สายจั้มแบตรถยนต์

มาดูสเต็ปในการใช้สายจั้มแบตรถยนต์กันเลย ซึ่งก็มีสเต็ปการใช้งานดังนี้

สเต็ปที่ 1 : ให้ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าและสวิตช์ของรถยนต์ให้หมดก่อน เพื่อป้องกันอันตรายขณะใช้สายจั้มแบต

สเต็ปที่ 2 : นำรถยนต์อีกคันที่มีแบตเตอรี่ปกติ มาจอดใกล้ๆ หรือจอดแบบหันหัวรถเข้าหากันเพื่อให้ต่อพ่วงสายจั้มแบตได้ง่าย

สเต็ปที่ 3 : นำสายพ่วงแบตเตอรี่ข้างที่เป็นสีแดง หรือขั้วบวก ต่อเข้ากับแบตเตอรี่ขั้วบวกของรถคันที่มีปัญหา แล้วนำสายพ่วงแบตเตอรี่ที่เป็นสีดำ หรือขั้วลบ ไปต่อเข้ากับแบตเตอรี่ขั้วลบของรถยนต์อีกคันที่ปกติ ส่วนอีกฟากก็ให้หนีบตรงโลหะของเครื่องยนต์

สเต็ปที่ 4 : ให้สตาร์ทเครื่องยนต์ของรถยนต์คันที่ปกติ เมื่อครบ 3 นาที ก็ให้เร่งเครื่องยนต์ขึ้นเล็กน้อย

สเต็ปที่ 5 : ให้สตาร์ทเครื่องยนต์ของรถยนต์คันที่มีปัญหา แบตเตอรี่หมด และเร่งเครื่องในอัตรา 1,500-2,000 รอบต่อนาที ทั้งนี้ก็เพื่อตรวจสอบดูว่ามีประจุไฟฟ้าเข้ามายังแบตเตอรี่แล้วหรือยัง

สเต็ปที่ 6 : ถอดสายพ่วงที่เป็นขั้วลบออกจากรถยนต์คันที่แบตเตอรี่หมดก่อน ตามด้วยถอดขั้วลบออกจากรถยนต์คันที่มาช่วย

สเต็ปที่ 7 : ถอดสายพ่วงที่เป็นขั้วบวกออกจากรถยนต์คันที่มาช่วยก่อน แล้วตามด้วยถอดออกจากรถยนต์คันที่แบตเตอรี่หมด

สเต็ปที่ 8 : นำรถยนต์คันที่แบตเตอรี่หมดไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการในทันที

ไม่ยากเลยใช่ไหมสำหรับการใช้งานสายพ่วงจั๊มแบตเตอรี่ เมื่อแบตเตอรี่รถยนต์มีปัญหา เอาเป็นว่าลองนำสเต็ปเหล่านี้ไปทำตามกันดู จะช่วยให้คุณแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อแบตเตอรี่หมดได้ดีทีเดียว

หรือสามารถคลิกดูวิดีโอการทำได้ที่ พ่วงแบตง่าย ๆ ใครก็ทำได้ พื้นฐานที่คนรักรถควรมี

ข้อควรระวังเมื่อใช้สายจั้มแบตรถยนต์

นอกจากจะต้องใช้สายจั้มแบตรถยนต์ตามสเต็ปอย่างถูกวิธีแล้ว ก็มีข้อควรระวังที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเช่นกัน นั่นก็เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานนั่นเอง โดยข้อควรระวังได้แก่

  1. ห้ามเปิดระบบไฟของรถทั้งสองคัน หรือสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมกันเด็ดขาด เพราะนั่นจะทำให้เสี่ยงต่อการระเบิดได้ ซึ่งอันตรายมาก
  2. ก่อนสัมผัสแบตเตอรี่รถยนต์ทุกครั้ง จะต้องสวมใส่ถุงมือและใส่อุปกรณ์เพื่อป้องกันดวงตาให้ดี เพราะน้ำกรดในแบตเตอรี่มีความอันตรายสูง จึงไม่ควรสัมผัสโดยตรง
  3. ห้ามสูบบุหรี่หรือจุดไฟแช็กในระหว่างที่กำลังต่อพ่วงแบตรถยนต์อย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการระเบิดได้
  4. อย่าให้ปลายของสายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์สัมผัสกัน เนื่องจากจะทำให้เกิดปัญหา ไฟฟ้าลัดวงจรตามมาได้นั่นเอง

เมื่อแบตเตอรี่รถยนต์หมด ทำให้ไม่สามารถขับขี่รถยนต์ต่อไปได้ มาลองใช้วิธีการจั้มแบตเตอรี่กันดู แต่อย่าลืมว่าจะต้องทำตามสเต็ปและวิธีอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานนั่นเอง

เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้รถให้มากขึ้น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จาก Roojai.com ให้ความคุ้มครองครบถ้วนคุ้มค่ามากกว่า เพราะมาพร้อมกับริการช่วยเหลือฉุกเฉินและผู้เชี่ยวชาญพร้อมดูแลคุณตลอด 24 ชั่วโมง