รถเกียร์ออโต้มีแบบไหนบ้าง หนึ่งในการขับรถ ที่ผู้ขับขี่ทุกคนควรเรียนรู้นั่นคือเรื่องของ “ระบบเกียร์” เพราะเป็นแหล่งปลดปล่อยพละกำลังจากเครื่องยนต์ไปสู่ล้อ เป็นตัวกลางที่ทำงานประสานกับเครื่องยนต์ให้ตัวรถขับเคลื่อนไปได้อย่างสมูทตามจังหวะการเหยียบคันเร่ง รู้ใจชวนทำความรู้จักกับเรื่องของเกียร์ออโต้เพื่อการขับขี่ปลอดภัย เพราะเป็นระบบเกียร์ที่มีการใช้งานกันเป็นจำนวนมากในรถปัจจุบัน และที่สำคัญยังมีการแยกย่อยออกเป็นหลายกลุ่มอีกด้วย มีแบบไหนบ้าง ตามไปดูกันเลย
หากจะให้คำนิยามของคำว่า “เกียร์” น่าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพแบบง่าย ๆ คือ เฟืองทดกำลัง แต่เดิมการที่เราจะเคลื่อนที่สิ่งของจะต้องใช้แรงและกำลังมาก ๆ ต่อมาจึงเกิดรอกและเฟืองเข้ามาช่วยให้การเคลื่อนตัวทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น และในที่สุดเมื่อมีการประดิษฐ์รถขึ้นมาก็ได้มีการนำเอาระบบเฟืองเข้ามาช่วยเพิ่มอัตราเร็วของรถโดยที่ไม่ต้องใช้กำลังมากนัก นั่นจึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของระบบเกียร์มานับตั้งแต่นั้นแม้ว่าในปัจจุบันหลายคนบอกว่าระบบเกียร์ธรรมดาเริ่มไม่เป็นที่นิยม เพราะรถรุ่นใหม่มีการปรับระดับความเร็วแบบอัตโนมัติ แต่ถึงแบบนั้นทุกอย่างยังคงมีพื้นฐานการทดแรงและเพิ่มความเร็วโดยใช้รูปแบบของเกียร์นั่นเอง เพียงแต่ว่าระบบเกียร์ยุคใหม่ตัดขั้นตอนของการยกฐานเพื่อการเปลี่ยนเกียร์หรือที่เรารู้จักกันดีในรูปแบบของ “การเหยียบคลัทซ์” ออกไป แต่ระบบการทำงานทุกอย่างยังคงรูปแบบการจัดการดั้งเดิมเอาไว้ทั้งหมด
เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใจรูปแบบการใช้งานเกียร์อัตโนมัติรุ่นใหม่ สำหรับการขับรถที่มีประสิทธิภาพที่สมบูรณ์ที่สุด รู้ใจขอพาทุกท่านรู้จักกับระบบของเกียร์รถออโต้ที่มีอยู่ในปัจจุบันว่า มีประเภทไหน อย่างไรบ้าง
รถเกียร์ออโต้มีกี่แบบ?
1. เกียร์ออโต้แบบ CVT
ถือเป็นระบบเกียร์สำหรับรถยนต์เกียร์ออโต้รุ่นใหม่แทบทุกแบบ เพราะเป็นระบบที่ช่วยให้การใช้งานรถเกียร์ออโต้มีความประหยัดน้ำมันเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการผลิต การสร้าง และอะไหล่ทุกอย่างมีราคาที่ถูกลงกว่าเกียร์อัตโนมัติรุ่นเก่า ๆ อีกต่างหาก
ความพิเศษของเกียร์ในระบบนี้คือ ความเร็วจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ต้องใช้แรงในการกดลงบนแป้นคันเร่ง อาจไม่ถูกใจผู้ขับขี่สายซิ่งที่ชอบในเรื่องของกำลังและความแรง แต่การใช้เกียร์รถประเภท CVT นั้น เรียกว่าช่วยประหยัดน้ำมันสำหรับการขับรถทางไกลไปได้มากเลยทีเดียว
2. เกียร์ออโต้แบบ Torque Conventer
ระบบเกียร์อัตโนมัติในรูปแบบนี้ เหมาะสำหรับรถที่ต้องใช้กำลังในอัตราเร่งและแรงเค้นที่สูงมาก รถที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับเกียร์ในระบบนี้มักเป็นรถเครื่องยนต์ดีเซลที่ต้องอาศัยการทำรอบที่แรงเพื่อการไต่เขาหรือขับรถในทางที่ลำบากพอควร เกียร์ในระบบนี้มีราคาที่ถูกแต่ให้กำลังที่สูง จึงกลายเป็นรูปแบบเกียร์หลักสำหรับรถกระบะในปัจจุบัน
3. เกียร์แบบคลัตซ์คู่
เป็นระบบการทำงานแยกชุดเกียร์ 2 ชุด เป็นชุดเกียร์เลขคู่และชุดเกียร์เลขคี่ ข้อดีคือทำให้เกียร์ถูกใช้งานน้อยลงเพราะมีการสลับข้างกันทำงาน และระบบเกียร์ชุดนี้ใช้น้ำมันเกียร์ออโต้ช่วยระบายความร้อน ลดการสึกหรอลงไปได้มาก แต่ก็มาพร้อมกับการซ่อมบำรุงที่ต้องการการเอาใจใส่เป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน
4. เกียร์แบบกึ่งอัตโนมัติ SAT
หรือที่ใครหลายคนมักเรียกกันแบบง่าย ๆ ว่า ระบบคลัตซ์แห้งหรือคลัตซ์หลอก เพราะระบบนี้แท้จริงแล้วยังมีการทำงานของคลัตซ์อยู่เพียงแต่ว่าไม่มีการเหยียบคลัทช์ การทดเกียร์ในระบบจะทำงานด้วยตัวเอง เป็นระบบเกียร์อัตโนมัติแบบแรก ๆ ที่อาจมีรถบางรุ่นที่ยังใช้งานกันอยู่ในเวลานี้
สัญลักษณ์เกียร์ออโต้มีอะไรบ้าง?
เพื่อให้การใช้งานรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะใครที่ไม่คุ้นชินกับเกียร์ออโต้ ควรทำความรู้จักกับตำแหน่งและหน้าที่ของเกียร์ในแต่ละรูปแบบตามสัญลักษณ์ตัวหนังสือ ดังต่อไปนี้
- P (Parking) : สำหรับเกียร์ในตำแหน่งนี้จะทำหน้าหน้าที่จอดแบบล็อคล้อ หากจอดบนที่ลาดชันควรใช้ร่วมกับการดึงเบรกมือเพื่อให้รถจอดได้อย่างมั่นคงมากขึ้น
- R (Reverse) : เกียร์ถอยหลัง โดยรูปแบบการทำงานจะเป็นการทดกำลังให้ตัวรถจะถอยเองช้า ๆ ไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งแต่อย่างใด
- N (Neutral) : หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า เกียร์ว่าง สำหรับจอดรถแบบชั่วคราว จอดติดไฟแดง จอดริมทาง สามารถเข็นเคลื่อนย้ายรถได้
- D (Drive) : เกียร์ขับหลักสำหรับการขับรถไปข้างหน้า สามารถเหยียบคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วตามกำลังรอบเครื่องยนต์ได้
- L (Low) : หรือ D ใช้ขับขึ้น-ลงทางชัน เช่น ลานจอดรถ ขึ้นภูเขา โดยรถในบางแบบจะมีตัวเลือกเป็น L2 และ L3 หรือบางแบบจะเป็นการคำนวณอัตราแรงส่งและแสดงผลออกมาเป็นระบบขั้นของเกียร์สำหรับการใช้งานในช่วงเวลานั้น ๆ
ความแตกต่างระหว่างรถเกียร์ออโต้แบบตรง VS ขั้นบันได
และมาถึงคำถามที่ใครหลายคนสงสัย คือการออกแบบเกียร์รถออโต้ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมักพบเห็นกันอยู่ 2 รูปแบบคือ แบบตรงที่ก้านเกียร์มักมีปุ่มกดสำหรับการบังคับผลักเกียร์ขึ้นรถ ส่วนแบบขั้นบันไดที่มีขั้นแบบบันไดคอยพักอยู่เกียร์ไว้เป็นขั้น โดยการใช้งานเกียร์ในรุ่นนี้จะไม่มีปุ่มกดสำหรับการปลดล็อคและบังคับเกียร์ คำถามคือทั้งสองรูปแบบมีความแตกต่างกันอย่างไรในการทำงานของเกียร์
ในความเป็นจริงแล้วสำหรับระบบการทำงานของเกียร์ การวางตัวของแป้นควบคุมเกียร์ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของ เกียร์ออโต้แบบตรงหรือเกียร์ออโต้แบบขั้นบันได ไม่มีความแตกต่างอะไรกันเลย มีแค่เพียงปุ่มกดสวิตช์สำหรับการควบคุมเกียร์นั้นที่ถูกถอดออกไปสำหรับเกียร์ในรูปแบบของขั้นบันได โดยเหตุที่มีการปรับแต่งรูปแบบของแป้นควบคุมเกียร์มาจากการออกแบบดีไซน์ตัวรถที่มีการพัฒนาให้มีความโฉบเฉี่ยวล้ำสมัยขึ้น จึงใช้ระบบการพักเกียร์โดยการใช้งานไม่ต้องมีการกดปุ่มมาเป็นตัวควบคุมแทน
ส่วนในเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน ระบบขั้นบันไดมีความปลอดภัยไม่ต่างกับแบบตรง ดังนั้นจะเลือกใช้เกียร์แบบไหน เลือกได้ตามสไตล์และความชอบของคุณได้เลย
ทั้งหมดนี้คือเรื่องของระบบเกียร์และการออกแบบเกียร์ในรถที่เราควรรู้เพื่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและการขับขี่ปลอดภัยให้มากที่สุด นอกจากเรียนรู้การใช้งานรถแล้วการมีประกันภัยติดรถไว้จะช่วยคุณลดความเสี่ยงทางการเงินเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ไม่ต้องเสียค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บ และประกันรถยนต์ในปัจจุบัน ยังสามารถเลือกแผนประกันเองได้ เลือกความคุ้มครองตามไลฟ์สไตล์ ให้คุณมีเพื่อนที่รู้ใจคอยดูแลเอาใจใส่รถของคุณไปในทุกเส้นทาง
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)