ข่าวสำคัญสำหรับคนรักรถหลายคนที่ยังคงติดตามกันอย่างใกล้ชิด นั่นคือการประกาศให้รถหลายรุ่นหลายแบบต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัย เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้รถบางรุ่นมีปัญหาเกี่ยวกับถุงลมนิรภัย และการเลือกถุงลมนิรภัยนั้นเราสามารถเลือกในรูปแบบไหน รวมไปถึงหากต้องการตรวจสอบคุณภาพถุงลมนิรภัยของรถเราสามารถทำได้อย่างไร รู้ใจรวบรวมทุกเรื่องราวข่าวเด่นของคนรักรถให้คุณได้ทราบเพื่อให้คุณสามารถเลือกและค้นหาถุงลมนิรภัยที่ดีที่สุดสำหรับรถคุณได้
ทำไมรถหลายรุ่นต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัย?
กลายเป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ เมื่อกรมขนส่งทางบกออกประกาศให้รถหลายรุ่น หลายแบบ ต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัย ซึ่งหลายคนมองว่ามีความจำเป็นถึงขนาดนั้นเชียวหรือ นั่นเป็นเพราะความเข้าใจของคนโดยทั่วไปคือ ถุงลมนิรภัยที่สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันการเกิดอาการบาดเจ็บของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นจนถึงขนาดที่ถุงลมนิรภัยต้องถูกนำมาใช้งาน แล้วทำไมถึงต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัยด้วย
โดยข้อความที่กรมขนส่งทางบกและสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ได้แจ้งออกมานั้น ได้ระบุยี่ห้อ รุ่น และปีผลิตของรถเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยว่าให้รถที่ผลิตในช่วงเวลาปี 1998 – 2018 หรือระหว่างปี พ.ศ. 2541 – 2561 ให้เข้ามารับการเปลี่ยนแปลงถุงลมนิรภัยทั้งหมด โดยระบุว่าถุงลมนิรภัยที่ติดตั้งอยู่ในรถเหล่านี้ไม่ได้รับมาตรฐานจนทำให้เกิดการระเบิดออกมาทั้งที่รถไม่เกิดอุบัติเหตุ ส่งผลต่อผู้ใช้รถในบางรุ่นที่ผลิตในช่วงเวลาดังกล่าวได้รับผลกระทบทุกคัน
สิ่งที่เป็นคำถามในใจของเจ้าของรถทุกคนที่เป็นผู้ครอบครองรถในแบรนด์และรุ่นเหล่านี้ที่เป็นข่าวคือ “ปล่อยออกมาจากสายการผลิตได้อย่างไร” ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดูเหมือนเป็นความบกพร่องของผู้ผลิตรถเหล่านี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเหตุมาจากการผลิตถุงลมนิรภัยยี่ห้อ ทาคาตะ (Takata) ที่มีการผลิตบางส่วนที่มีปัญหา จึงทำให้ต้องนำรถทั้งหมดที่กล่าวถึงในแต่ละรุ่นนี้มาเปลี่ยนรวมไปถึงตรวจสอบดูว่ารถแบรนด์นี้ รุ่นนี้ ได้ใช้ถุงลมที่มีปัญหาอยู่หรือไม่ ซึ่งทางค่ายผู้ผลิตแต่ละแห่งต่างไม่ได้นิ่งนอนใจ ยินดีควักทุนของตัวเองเพื่อทำการติดตั้งถุงลมนิรภัยอันใหม่ให้กับรถทุกคันที่เข้าข่ายนี้โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น
รถรุ่นไหนบ้างที่ต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัย?
สำหรับรถที่ต้องนำมาเปลี่ยนถุงลมนิรภัยนั้นมีถึง 8 ยี่ห้อใหญ่ด้วยกัน แม้อาจดูเหมือนน้อยแต่หากแยกเป็นรุ่นย่อย ๆ ถือว่ามีจำนวนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยมีการประมาณการว่ามีรถที่ต้องเข้าเปลี่ยนถุงลมนิรภัยมากถึง 6 แสนคันกันเลยทีเดียว ซึ่งมียี่ห้อรถและรุ่นต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. รถยนต์ Toyota
มีรุ่นรถที่เข้าข่ายที่ต้องนำมาเปลี่ยนถุงลมนิรภัย คือ
- Toyota Altis รุ่นปี 2001 – 2013, Toyota Vios รุ่นปี 2003 – 2004 / 2007 -2013, Toyota Yaris รุ่นปี 2006-2013, Toyota Camry รุ่นปี 2001-2006, Toyota Alphard รุ่นปี 2008-2014, Toyota Lexus IS รุ่นปี 2006-2012 และ Lexus RX รุ่นปี 2015-2016
2. รถยนต์ Mazda
มีรุ่นรถที่เข้าข่ายที่ต้องนำมาเปลี่ยนถุงลมนิรภัย คือ
- Mazda 2 รุ่นปี 2009 – 2014, Mazda BT-50 รุ่นปี 1998 – 2009, Mazda CX-9 รุ่นปี 2008 – 2012, Mazda RX-8 รุ่นปี 2003 – 2006, Mazda 6 รุ่นปี 2006 และ Mazda Xedos-9 / Eunos 800 รุ่นปี 1996 – 1999
3. รถยนต์ FORD
มีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่เข้าข่ายต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัย
- Ford Ranger รุ่นปี 1998 – 1999 / 2004 – 2011 และ Ford Everest รุ่นปี 2006 – 2014
4. รถยนต์ CHEVROLET
มีจำนวนไม่มากนัก ได้แก่
- Chevrolet Cruze รุ่นปี 2011 – 2015, Chevrolet Sonic รุ่นปี 2013 – 2014, Chevrolet Suburban รุ่นปี 2007 – 2008 และ Chevrolet Tahoe รุ่นปี 2013
5. รถยนต์ MITSUBISHI
มีเพียง 4 รุ่นเท่านั้นที่ต้องนำไปเปลี่ยนถุงลมนิรภัยได้แก่
- Mitsubishi Triton รุ่นปี 2005 – 2015, Mitsubishi Lancer 2.0 รุ่นปี 2006, Mitsubishi Delica Space Wagon รุ่นปี 2015 และ Mitsubishi Pajero (BK) รุ่นปี 2008 – 2010
6. รถยนต์ Honda
หนึ่งในค่ายรถที่ต้องนำรถเข้ามาเปลี่ยนถุงลมนิรภัยเป็นจำนวนมากและมีหลายรุ่น ได้แก่
- Honda Accord รุ่นปี 1998 – 2000 / 2003 – 2012, Honda City รุ่นปี 1998 – 1999 / 2003 – 2013, Honda Civic รุ่นปี 2001 – 2014, Honda CR-V รุ่นปี 1998 – 2000 / 2002 – 2011 / 2013, Honda Jazz รุ่นปี 2004 – 2006 / 2009 – 2013, Honda Freed รุ่นปี 2009 – 2013, Brio รุ่นปี 2012 – 2014, Honda Stream รุ่นปี 2002 – 2004, Honda Odyssey รุ่นปี 1998 – 1999 / 2004 – 2006 และ Honda Amaze รุ่นปี 2014
7. รถยนต์ NISSAN
เป็นอีกหนึ่งค่ายรถที่มีรุ่นรถต้องที่ต้องนำมาเปลี่ยนถุงลมนิรภัยเป็นจำนวนมาก ได้แก่
- Nissan March รุ่นปี 2010 – 2011, Nissan Navara รุ่นปี 2006 – 2014, Nissan Tiida รุ่นปี 2006 – 2012, Nissan Sunny Neo รุ่นปี 2000 – 2006, Nissan Teana รุ่นปี 2004 – 2009, Nissan Cefiro รุ่นปี 2000 – 2002, Nissan Almera รุ่นปี 2011, Nissan X-Trail รุ่นปี 2002 – 2005, Nissan Livina รุ่นปี 2015 และ Nissan Patrol รุ่นปี 2003
8. รถยนต์ BMW
เรียกว่าเป็นค่ายรถที่ผิดคาดจริง ๆ เพราะทุกคนคิดว่ารถมาตรฐานยุโรปไม่น่าจะมีปัญหามากนัก แต่กลับเป็นอีกหนึ่งแบรนด์รถที่มีรถต้องนำเข้ามาเปลี่ยนถุงลมนิรภัยหลายรุ่นได้แก่
- BMW 1 Series รุ่นปี 208 – 2016, BMW 2 Series รุ่นปี 2013 – 2015, BMW 3 Series รุ่นปี 1996 – 2017, BMW 4 Series รุ่นปี 2013 – 2017, BMW 5 Series รุ่นปี 2000 – 2017, BMW 6 Series รุ่นปี 2012 – 2013, BMW X1 รุ่นปี 2010 – 2017, BMW X3 รุ่นปี 2005 – 2016, BMW X4 รุ่นปี 2016 – 2017, BMW X5 รุ่นปี 2000 – 2018, BMW X6 รุ่นปี 2008 – 2016, BMW M2 รุ่นปี 2015 – 2017, BMW M3 รุ่นปี 2015 และ BMW M4 รุ่นปี 2016 – 2017
ตรวจสอบยังไงว่าถุงลมนิรภัยยังพร้อมใช้งาน?
สิ่งที่เจ้าของรถทุกคนควรเรียนรู้ในเวลานี้คือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าถุงลมนิรภัยของเราได้รับมาตรฐานหรือยังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ด้วยว่าถุงลมเหล่านี้บรรจุไว้ในพื้นที่ปิดมิดชิด แล้วเราจะมีวิธีการตรวจสอบความพร้อมได้อย่างไร รู้ใจขอแนะนำ เทคนิคและวิธีการต่าง ๆ สำหรับการตรวจสอบดังต่อไปนี้
1. นำรถเข้าซ่อมบำรุงตามกำหนดทุกครั้ง
เพราะว่าอุปกรณ์การใช้งานสำหรับรถยนต์นั้นมีความเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานอยู่แล้ว ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการตรวจสอบความพร้อมของถุงลมนิรภัย นั่นคือ การนำรถเข้าตรวจในศูนย์ซ่อมบำรุงตามกำหนดอยู่เป็นประจำโดยดูจากคู่มือการบำรุงรถ เพราะการตรวจสอบความพร้อมของถุงลมนิรภัยต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการตรวจสอบอยู่แล้ว
2. หากถุงลมนิรภัยอยู่ผิดตำแหน่งให้รีบเปลี่ยนทันที
โดยปกติการทำงานของถุงลมนิรภัยจะทำงานด้วยการจุดระเบิดออกมา ดังนั้น หากถุงลมนิรภัยอยู่ผิดตำแหน่งไปจากที่ตั้ง หรือสังเกตเห็นการโป่ง พอง บวม ที่ผิดปกติในจุดติดตั้งถุงลมนิรภัย ไม่ควรทำการแก้ไขด้วยตนเอง และควรนำรถเข้าศูนย์ซ่อมเพื่อทำการแก้ไขโดยด่วน
3. อายุรถนานหลายปีต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัย
การทนใช้รถเกินสภาพอายุการทำงานหมายถึงความปลอดภัยที่ลดลงด้วย ควรศึกษารูปแบบการใช้รถและระยะเวลาอายุการทำงานของรถว่าควรใช้งานในรุ่นนี้กี่ปี เพื่อยังคงความปลอดภัยอยู่เสมอ
ข่าวถุงลมนิรภัยไม่ได้มาตรฐานกลายเป็นเรื่องที่น่าตกใจสำหรับคนรักรถทุกคน แต่การเตรียมตัวของเหล่าค่ายรถต่าง ๆ สำหรับความพร้อมในการเปลี่ยนถุงลมให้ฟรีถือเป็นการดูแลอย่างเต็มที่สำหรับเจ้าของรถทุกคน เหมือนกับรู้ใจทำหน้าที่ดูแลกรมธรรม์สำหรับการป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดกับรถยนต์ของคุณ แถมช่วยเซฟค่าเบี้ยประกันรถยนต์ถึง 30% คุณสามารถปรับแผนความคุ้มครองได้ตามใจ ให้คุณอุ่นใจ ปลอดภัย สบายใจทุกการขับขี่ทุกเส้นทาง
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)