ถือเป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมสำหรับผู้ใช้รถอย่างเราๆ กับราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแบบต่อเนื่อง จะลดราคาแต่ละครั้งดีใจน้ำตาแทบไหลเพราะมาเป็นหลักสตางค์แต่ขึ้นทีหลักละหลายบาท เมื่อแก้ต้นเหตุหลักไม่ได้ก็แก้ที่พฤติกรรมของเราเอง ทั้งนี้เพื่อช่วยประคองหรือทำให้สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้คุ้มค่าที่สุด ด้วยการป้องกันไม่ให้รถของคุณต้องซดมากกว่าปกติ ซึ่งปัจจัยเหล่านั้นมีอะไรบ้างเราไปดูกันครับ
1. น้ำมันเครื่อง-ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ไม่ควรยืดระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ควรเปลี่ยนตามระยะที่กำหนด เพราะน้ำมันเครื่องจะหนืดขึ้นจนไม่สามารถปั๊มน้ำมันขึ้นไปหล่อลื่นลูกสูบได้ทันส่งผลให้เคลื่อนตัวได้ช้าลง สิ่งที่ตามมาคือทำให้เครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้น และยังทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ สึกหรอเร็วขึ้นอีกด้วย
2. ยางกับความดันลมยาง ลมยางนับว่ามีผลโดยตรงต่ออัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเช่นกัน หากว่าแรงดันลมยางต่ำกว่าปกติก็ยิ่งเพิ่มแรงเสียดทานเมื่อสัมผัสกับพื้นถนน ทำให้กินน้ำมันมากขึ้น อีกทั้งยังเสี่ยงยางระเบิดเมื่อบรรทุกของหนักหรือขับรถเร็วอีกด้วย ดังนั้นควรเช็คลมยางให้เหมาะสมตามสเปกรถอย่างสม่ำเสมอ (มีสเปกระบุไว้ข้างกรอบประตูฝั่งคนขับหรือคู่มือประจำรถยนต์)
3. ออกตัวกระชากเบรกหนัก การออกรถแบบกระชากดังๆ เพื่อให้ล้อฟรีหรือออกเอี๊ยด แถมยังเบรกทุกครั้งแบบกระทืบ ไม่ว่าจะประสงค์เพื่อต้องการโชว์สมรรถนะความแรงหรืออวดสาวอะไรก็ตามแต่ บอกเลยว่าเป็นการสิ้นเปลืองน้ำมันแบบใช่เหตุเหมือนเทน้ำทิ้ง แถมยังเป็นการเร่งให้อะไหล่และชิ้นส่วนของรถท่านเองสึกหรอเร็วกว่าปกติอีกด้วย
4. อุ่นเครื่องได้แต่ต้องไม่จอดนิ่งอยู่กับที่ เมื่อก่อนมักมีคำแนะนำว่าทุกเช้าที่เราสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อออกเดินทางควรอุ่นเครื่องและจอดนิ่งก่อน แต่รู้หรือไม่ว่าการอุ่นเครื่องยนต์โดยจอดอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ นั้นยิ่งจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ควรอุ่นสัก 1-3 นาทีพอ หรือขับด้วยความเร็วรอบต่ำประมาณ 1-2 กม. ก็เสมือนกับการอุ่นเครื่องไปในตัว
5. บรรทุกหนักเกินพิกัดมาก สาวๆ หลายคนอาจหลงคิดไปว่ารถตัวเองที่เป็นรถเก๋งคันเล็กๆ ไม่ต่างอะไรไปจากบ้านพักหรือห้องนอน เบาะหลังแขวนทั้งเสื้อผ้าสารพัดชุด เอกสารการทำงาน ส่วนใต้กระโปรงท้ายเต็มไปด้วยรองเท้า ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์กีฬา ซึ่งบรรทุกข้าวของหรือสัมภาระต่างๆ โดยไม่จำเป็น ยิ่งส่งผลให้เครื่องยนต์กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ
6. ปรับอุณหภูมิแอร์แต่พอดี ควรเปิดเครื่องปรับอากาศแต่พอเหมาะปรับระดับความเย็นและความแรงของลมให้เหมาะสม บางคนสตาร์ทรถได้ก็เปิดเบอร์แทบจะสูงสุดแต่ดันใส่เสื้อคลุมหรือเสื้อแขนยาว ซึ่งการปรับแอร์พอดีจะเป็นการช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อีกทางหนึ่งด้วย
7. วางแผนเส้นทาง ช่วยประหยัดน้ำมันแน่นอน สมัยนี้เราสามารถรู้ล่วงหน้าก่อนออกจากบ้านหรือเดินทางไปไหนมาไหน ว่าตรงไหนรถติดตรงไหนควรหลีกเลี่ยง เพราะมือถือเป็นผู้ช่วยชั้นดี ดังนั้นทุกครั้งก่อนเดินทาง ควรศึกษาเส้นทาง ซึ่งจะช่วยให้เดินทางถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลา ที่สำคัญประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพราะไม่ต้องไปเผชิญรถติดเป็นเวลานาน
สุดท้ายก็อย่าลืมเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทาง ด้วยประกันรถที่รู้ใจคุณที่สุด กับ Roojai.com ประกันรถออนไลน์ พร้อมบริการคุณตลอดเวลา เช็คเบี้ยออนไลน์ได้ราคาทันทีผ่านเว็บไซต์ กับราคาที่แฟร์กว่า คำนวณตามลักษณะการขับขี่ของคุณโดยเฉพาะ สามารถเคลมสบายผ่านแอป ถึงไวใน 30 นาที