Roojai

5 สิ่งที่ควรหมั่นเช็ครถ เพื่อป้องกันการซ่อม

การดูแลและหมั่นเช็ครถยนต์เป็นสิ่งที่คนรักรถควรทำสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถแต่เนิ่น ๆ พร้อมทั้งสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที ดีกว่าไม่รู้และปล่อยจนปัญหาบานปลายแก้ไม่ตก ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายราคาแพง ดีไม่ดี นั่นอาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ทางที่ดีหาวันว่าง แล้วมาเช็ครถตามนี้กันดีกว่าไหม?

1. เช็คยาง

ตรวจดูสภาพยางทั้ง 4 ล้อ และยางอะไหล่ ว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ ตรวจดูลมยางของแต่ละล้อ ว่ามีล้อไหนลมหายไปเยอะผิดปกติกว่าเส้นอื่น มองหาร่องรอยของการขูด รูรั่ว รอยบาดต่าง ๆ รวมถึงรอยแตกในยาง หากพบปัญหาก็รีบนำรถเข้าร้านยางเพื่อแก้ไขต่อไป นอกจากนี้ก็ควรตรวจสอบวันที่ผลิตของยางด้วย ถ้าพบว่ายางมีอายุเกินกว่าหกปี ก็สมควรเปลี่ยนยางใหม่ได้แล้ว

2. ผ้าเบรก

วิธีตรวจผ้าเบรกมีหลายวิธี ได้แก่การฟังเสียงเวลาเบรครถ หากมีเสียงคล้าย ๆ กับเหล็กสีกัน นั่นแสดงว่าผ้าเบรคจะหมดแล้ว เพราะเสียงที่ดังคือเสียงของหมุดที่ยึดกับผ้าเบรกแล้วไปสีกับจานเบรกจึงมีเสียงดัง ซึ่งผ้าเบรกหากมีความหนาอยู่เวลาเบรก จานเบรกจะไม่ไปสีกับหมุดผ้าเบรก นอกจากนี้อาจมองที่ดิสก์เบรกหน้า หากมองดี ๆ จะเห็นแผ่นผ้าเบรก และสังเกตได้ว่าเหลือความหนาเท่าไร หรืออาจดูจากระดับน้ำมันเบรกในกระปุกถ้าลดลงเยอะแสดงว่าผ้าเบรกสึกเยอะแล้ว หากพบมีปัญหาก็นำรถเข้าอู่แก้ไขได้เลย

3. ระดับน้ำหล่อเย็น

ตอนเช้า ๆ ก่อนสตาร์ทรถ ขณะที่เครื่องยนต์ยังไม่มีความร้อน ให้ทำการเปิดฝาหม้อน้ำออกมาดู หากสีสภาพแย่มากก็สมควรจะต้องทำการเปลี่ยนถ่ายออกมา อีกจุดที่สามารถดูได้นั้นก็คือถังพักน้ำสำรอง
ระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่าย แนะนำทุก ๆ 40,000 กม. หรือทุก ๆ 2 ปี

4. ตัวรถยนต์ (สีและรอยต่างๆ)

เมื่อรถจอดอยู่ที่บ้านหมั่นดูตัวรถยนต์ สี รอยต่าง ๆ ว่าเกิดขึ้นหรือไม่ หากมีก็ให้รีบทำการลบริ้วรอยเหล่านั้นด้วยขั้นตอนง่าย ๆ คือ

4.1 สำรวจรอยขีดข่วนว่าใช้น้ำยาลบรอยได้หรือไม่
4.2 ล้างทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ ที่เป็นรอยขีดข่วนเพื่อเอาฝุ่นออก
4.3 ใช้ผ้าซับน้ำและเช็ดให้แห้ง
4.4 บีบน้ำยาลงบนผ้าเล็กน้อยแล้วถูบริเวณรอยขีดข่วน
4.5 ถ้ายังไม่ออกใช้ผ้าถูย้ำ ๆ จนรอยขีดข่วนกลืนเป็นสีเดียวกับสีรถ
4.6 นำผ้าแห้งเช็ดน้ำยาลบรอยขีดข่วนออกให้หมด
4.7 นำผ้าชุบน้ำยาเคลือบสีรถ เช็ดเป็นวงกลมคล้าย ๆ ก้นหอย เพื่อเคลือบสีและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับสีรถ
4.8 เช็ดน้ำยาที่เคลือบออกให้หมดก็เป็นอันเสร็จ

5. น้ำมัน การเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน

โดยปกติควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร แต่ก็ต้องดูด้วยว่ารถเราใช้น้ำมันเครื่องแบบไหน
– น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา ควรเปลี่ยนทุก ๆ 3,000 – 5,000 กิโลเมตร หากเป็นน้ำมันเครื่องราคาถูกเน้นเปลี่ยนบ่อย แต่ไม่เหมาะกับรถใหม่
– น้ำมันเครื่องเกรดกึ่งสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนทุก ๆ 5,000 – 10,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาวะการใช้งาน ราคากลาง ๆ ใช้ได้ทั้งรถใหม่และรถเก่า
– น้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์แท้ ควรเปลี่ยนทุก ๆ 10,000 – 20,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน ราคาแพง แต่คุณภาพสูง
– ถ้าสภาพแวดล้อมอยู่ในเมือง ไม่มีฝุ่นมาก ไม่ได้ขับเร็วมาก ๆ ก็ใช้ได้ 10,000 กิโลเมตร
– ถ้าสภาพแวดล้อมมีฝุ่นมาก ๆ เช่น ถนนในไร่สวน หรือขับรถเร็วมาก ๆ ก็ให้เปลี่ยนทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร แต่ถ้าในระยะ 6 เดือน ไม่ได้ใช้รถไม่ถึงเลขไมล์ไม่ถึง ก็ควรเปลี่ยนถ่ายได้แล้ว

หากหมั่นเช็ครถยนต์เป็นประจำแบบนี้ รับรองขับรถได้อย่างสบายใจแถมไม่บานปลายเรื่องค่าซ่อมรถแพง ๆ แน่นอน แต่หากเกิดอุบัติเหตุอันไม่คาดคิดจริงๆ สำหรับผู้ที่ทำประกันภัยรถยนต์กับ Roojai.com สามารถติดต่อเราผ่านช่องทางที่เร็วที่สุด โทร. 02 582 8844 หมดกังวลกับปัญหาเพราะเรามีพนักงานผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้ความช่วยเหลือแนะนำทุกขั้นตอน เพื่อทำให้การเคลมเป็นเรื่องง่ายมากขึ้นสำหรับคุณ สำหรับคนที่ยังไม่ทำประกันกับ Roojai.com รีบเลย