ปัจจุบันนี้ค่ายผู้ผลิตพยายามที่สร้างรถขึ้นมาในแต่ละรุ่นจะครอบคลุมทุกเซกเมนท์ อยู่ที่ผู้อยากซื้อรถจะเลือกแบบไหนที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ในครั้งนี้ได้เลือกจุดเด่นของรถครอบคลุมทุกประเภท ทั้งประเภทรถประหยัดอย่าง อีโค คาร์ ปิคอัพ ซีดาน เอสยูวี รวมถึงพีพีวี ตอบโจทย์ให้กับผู้ซื้อประเภท ซื้อรถอะไรดี หรือ ซื้อรถยนต์ยี่ห้อไหนดีเราจัดมาให้ครบทุกประเภทการใช้งานกันเลยทีเดียว แต่คงต้องบอกไว้ก่อนว่า ไม่มีการจัดอันดับอะไร กับรถเลือกให้มาอ่านกันนะครับ เพียงแต่ใช้เกณฑ์ว่า เมื่อเทียบกับราคาแล้ว กับอุปกรณ์หรือพวกออฟชั่น ความปลอดภัย รวมถึงสมรรถนะในการขับขี่แล้ว คุ้มค่าที่สุด
คันที่ 1 มิตซูบิชิ แอททราจ
จัดอยู่ในกลุ่มผู้อยากซื้อรถประเภทรถ อีโค คาร์ แบบซีดาน ด้วยราคาค่าตัวที่ไม่แรกมากนัก โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ MIVEC 3สูบ ขนาด 1,200 ซีซี ให้พลัง 78 แรงม้า ประหยัดเชื้อเพลิงมากถึง 22 กม./ลิตร ออฟชั่นมากมายไม่ว่าจะเป็นกล้องมองหลัง ระบบPush Start ระบบกุญแจ Key Less เปิดปิด ล็อครถโดยไม่ต้องเอากุญแจออกจากกระเป๋า ห้องโดยสารกว้างขวาง ขับขี่ง่ายด้วยระบบพวงมาลัยไฟฟ้า
คันที่ 2 ฮอนด้า ซิตี้
เป็นรถซับคอมแพค ระดับพรีเมี่ยม มาพร้อมกับเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร 117 แรงม้า และเกียร์ CVT ใหม่ พร้อม Paddle Shift 7 สปีด รองรับแก๊สโซฮอล์ E85 มีระบบช่วยการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ทางด้านความปลอดภัยให้มาเต็มทั้ง ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ถุงลมคู่หน้า Dual SRS ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ i-Side Airbags และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags ระบบควบคุมการทรงตัว VSA ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS ในทุกรุ่น กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetoothรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri สำหรับ iPhone รุ่น 4s ขึ้นไป
คันที่ 3 มาสด้า 2 SkyActiv-D
เป็นรถยนต์ที่เปี่ยมด้วยสุดยอดเทคโนโลยีและความประหยัด ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D นับเป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กในรถยนต์นั่งครั้งแรกของไทย ขนาด 1,500 ซีซี ให้กำลัง 105 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv-Drive 6 สปีด พร้อมระบบ i-STOP และ i-ELOOP ช่วยเสริมการประหยัดน้ำมัน ซึ่งเคลมไว้ที่ 26.3 กม./ลิตร ระบบความปลอดภัยครบเครื่องสุด ๆ ทั้งระบบควบคุมการทรงตัวของรถ DSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและกันการลื่นไถล TSC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA ระบบเบรก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีทั้งหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ปุ่ม Push Start ทุกรุ่นย่อย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นปรับได้ 4 ทิศทาง เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
คันที่ 4 โตโยต้า โคโรล่า อัลติส
นับว่าเป็นรถซีดานสุดยอดนิยมในตลาด มีทั้งเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และ 1.6 ลิตร พร้มเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด แบบ Gate-type พร้อม Sequential Shift อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความปลอดภัยให้มาเพียบทั้งชุดไฟหน้า LED Projector โคมไฟใช้งานกลางวัน ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมฟังก์ชั่นปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า เครื่องเสียง DVD/CD/MP3/WMA จอสัมผัส 6.1 นิ้ว 6 ลำโพง รองรับบริการ Smart G-BOOK ระบบนำทางในรถยนต์ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนแบบอัตโนมัติ กล้องมองหลัง ม่านบังแดดหลัง ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ ระบบควบคุมการทรงตัว VSC + TRC กระจกบังลมหน้าอัดซ้อนนิรภัยพร้อม Top Shade และไฟตัดหมอกหน้า
คันที่ 5 ฮอนด้า HR-V
เป็นรถในกลุ่มสปอร์ต ครอสโอเวอร์ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน i-VTEC ขนาด 1,800 ซีซี ให้กำลัง 141 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับการใช้น้ำมัน E85 ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกทั้งหมด 4 ล้อ ระบบความปลอดภัยจัดเต็มสไตล์ฮอนด้า ทั้งระบบเบรกและหยุดชั่วคราว Auto Brake Hold โดยรถจะหยุดเมื่อมีการเหยียบเบรกเป็นเวลานาน แม้จะถอนเท้าออกแล้วก็ยังไม่เคลื่อนตัวออกไป ถุงลมนิรภัยสูงสุดถึง 6 ตำแหน่ง ระบบเบรก ABS และ EBD ระบบช่วยการทรงตัว VSA ระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัยไฟฟ้า MA-EPS ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางชัน HSA ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Cruise Control ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉิน กล้องมองหลังปรับได้ 3 ระดับ และจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX ภายในเพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ตัวเบาะสามารถพับได้ 3 แบบ ได้แก่ Utility Mode พับเบาะหลังให้เรียบไปกับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง Tall Mode ยกส่วนเบาะนั่งขึ้นเพื่อให้ขนของที่มีความสูงมากกว่าเดิมได้ และ Long Mode พับเบาะด้านหลังและเบาะคนนั่งด้านหน้าสำหรับเก็บของที่มีความยาวเป็นพิเศษได้ ใช้มาตรวัดวงกลมพร้อมจอแสดงผลแบบ LCD ล้อมกรอบเรืองแสง 7 สี หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อของสมาร์โฟนและรองรับคำสั่งเสียงจาก SIRI ในระบบ iOS พร้อมช่องต่อ USB และ HDMI พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อม Paddle Shift รองรับการควบคุมเครื่องเสียง รับโทรศัพท์ เรียกดูข้อมูลการขับขี่ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติสั่งการด้วยระบบสัมผัส และเบรกมือแบบไฟฟ้าที่สั่งใช้งานได้ง่ายดาย
คันที่ 6 นิสสัน X-Trail
มาในแบบรถ SUV มีเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนให้เลือกถึง 2 แบบด้วยกัน เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2,000 ซีซี กำลัง 141 แรงม้า และรุ่นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2,500 ซีซี กำลัง 171 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ CVT ใช้งานแบบ Manual 7 สปีดได้ ส่วนการขับเคลื่อน รุ่นเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี จะมีทั้งขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ ส่วนรุ่น 2,500 ซีซี จะมีเพียงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น ความปลอดภัยมีทั้งถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง กล้องมองหลังพร้อมโหมด Around View Moniter ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบเบรก ABS EBD และ BA ระบบช่วยการทรงตัว (VDC) ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน (HDC) รวมทั้งยังมีระบบใหม่ ๆ อย่าง ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติเมื่่อถอนคันเร่งหรือเข้าโค้ง (AEB) ระบบลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (ARC) ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (ATC) และระบบเบรกเพื่อป้องกันการลื่นไถล (ABLS) อีกทั้งยังมีระบบ Cruise Control ให้เลือกใช้ด้วย ภายในสะดวกสบายตั้งแต่เบาะนั่งหนังแบบ 3 แถว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น มาตรวัดวงกลมคู่พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 5 นิ้ว สั่งการได้บนพวงมาลัย หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมกับระบบนำทางและระบบเชื่อมต่อ Nissan Connect และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกซ้ายขวา
คันที่ 7 โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่
มาถึงผู้อยากซื้อรถประเภทปิคอัพกันบ้าง โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ เป็นรถปิคอัพเจ้าตลาด ครองยอดขายอันดับต้นๆ มาตลอดในบ้านเรา มีให้เลือกหลากหลานรูปแบบตามสไตล์การใช้งานของผู้อยากซื้อรถปิคคอัพ มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด ตั้งแต่ 2.4 ลิตร และ 2.7 ลิตร ในรุ่นสูงสุด(รุ่นดับเบิลแค็บ)นั้นเต็มเปี่ยมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ แผงข้างประตู สีดำและแถบสีเงิน บุหนังสังเคราะห์ แผงควบคุมข้างประตู สีดำเมทัลลิก มือจับ 8 ตำแหน่ง สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียง โทรศัพท์ และ MID ที่พวงมาลัย มาตรวัดเรืองแสง Optitron จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ (MID) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) กุญแจรีโมท Smart Key ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start กล้องมองหลัง และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
คันที่ 8 ฟอร์ด เรนเจอร์
เป็นปิคอัพอีกหนึ่งที่ให้ความคุ้มค่ามากที่สุด มีให้เลือก 2 รุ่น ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ ขนาด 3.2 ลิตรให้พละกำลัง 200 แรงม้า และเครื่องยนต์ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ รุ่นล่าสุด พละกำลังสูงสุดเป็น 160 แรงม้า หน้าจอควบคุมแบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว แผงหน้าปัดควบคุมแบบหน้าจอคู่ ทีเอฟที (Dual TFT) หลังพวงมาลัย ช่วยแสดงข้อมูลต่างๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ข้อมูลด้านความบันเทิง การควบคุมระบบปรับอากาศ หรือ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียงใหม่ ซิงค์ 2 (SYNC 2) ซึ่งเป็นระบบเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารภายในตัวรถ ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมระบบต่างๆ ของตัวรถผ่านคำสั่งเสียง ไม่ว่าจะเป็นระบบความบันเทิง และระบบปรับอากาศ มาพร้อมหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ซึ่งจอแสดงคำสั่งการใช้งานแต่ละเมนูแยกสีต่างกัน ทำให้การใช้งานเมนูง่ายดายยิ่งขึ้น สัญญาณเซ็นเซอร์ช่วยจอดหน้าหลัง (Front and Rear Park Assist) ใช้อุปกรณ์เซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางขณะจอดรถ และสั่งสัญญาณเสียงเตือนเมื่อรถเข้าใกล้สิ่งกีดขวางดังกล่าวที่ความเร็วต่ำ โดยกล้องมองหลังจะช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นด้านท้ายรถอย่างชัดเจน ทำให้สามารถจอดรถหรือเตรียมการพ่วงรถได้อย่างมั่นใจ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program) พร้อมระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Rollover Mitigation) และระบบลดอาการส่ายขณะลากจูงเทรลเลอร์ (Trailer Sway Control) ช่วยให้รถอยู่ในความควบคุมเสมอแม้ในสภาวะการขับขี่ที่ท้าทาย
คันที่ 9 มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต
สุดยอดรถพีพีวี ที่เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ใช้เครื่องเดียวกับไทรทัน รหัส 4N15 เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ MIVEC อะลูมินัมอัลลอย ขนาด 2,442 ซี.ซี. กำลัง 181 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 8 สปีดที่พัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมสปอร์ตโหมดและทำงานควบคู่กับระบบตัดกำลังไปยังเพลาขับโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรก (INC : Idle Neutral Control) และระบบ G-SENSOR จึงให้การประหยัดน้ำมันมากขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังปล่อยค่ามลพิษที่ต่ำกว่า 200 กรัม/กิโลเมตร อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อรถมีความเร็วเกิน 15 กม./ชม. แอร์อัตโนมัติแยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวา กล้องมองรอบคันถ่ายทอดภาพ 360 องศา แบบเบิร์ดอายวิว กล้องมองหลังถอยจอดพร้อมเส้นกะระยะ ระบบหน่วงการเปิด-ปิดกระจกหลังดับเครื่อง เบรกมือด้วยไฟฟ้า ทางด้านระบบความปลอดภัย ถุงลมนิรภัย SRS 7 ตำแหน่ง ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM – Forward Collision Mitigation System) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW – Blind Spot Warning) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS – Ultrasonic misacceleration Mitigation System) ระบบช่วยเบรก ABS กันล้อล็อก, EBD กระจายแรงเบรก, BA เสริมแรงเบรก ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก (BOS – Brake Override System) ระบบช่วยการทรงตัวและรถลื่นไถล (ASTC – Active Stability and Traction Control) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA – Hill Start Assist)ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC – Hill Descent Control) ระบบรักษาเสถียรภาพขณะลากจูง (TSA – Trailer Stability Assist)และไฟกะพริบฉุกเฉิน เมื่อเบรกกะทันหัน ESS
คันที่ 10 ฟอร์ด เอสเวอร์เรส
เป็นอีกคันที่น่าสนใจในกลุ่มพีพีวี มี 2 เครื่องยนต์ ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2,200 ซีซี กำลัง 160 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดขับ2 อีกรุ่นเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 3,200 ซีซี ให้กำลัง 200 แรงม้าเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบอัตโนมัติพร้อมระบบ Terrain Management System หลังคาพาโนรามิคมูนรูฟแบบปรับไฟฟ้าที่สามารถเปิดให้เห็นวิวท้องฟ้าขนาดใหญ่ เบาะนั่งแถวที่ 3 แบบปรับไฟฟ้าพับเรียบและประตูท้ายรถเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ Active Park Assist และระบบตรวจจับรถในจุดบอด พร้อมด้วยระบบตรวจจับรถขณะออกจากซองจอด ซึ่งจะแจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถอยู่ในจุดบอดในระหว่างที่กำลังขับขี่หรือในขณะที่ขับรถเพื่อเตรียมถอยรถออกจากที่จอดก็หวังว่าทั้ง 10 คันนี้ จะตอบสนองผู้ที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถอะไรดี หรือ ซื้อรถยนต์ยี่ห้อไหนดี ในช่วงปลายปีหลังโบนัสกันได้นะครับ