เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านเรามีโอกาสได้ลองขับรถอเนกประสงค์ขนาดบิ๊กไซด์ยอดฮิตจากแดนกิมจิ Hyundai H-1 และ Grand Starex ใหม่ รอบสื่อมวลชนเส้นทางกรุงเทพฯ – ระยอง ซึ่งเราได้เก็บภาพสวยๆพร้อมพาไปดูว่า..ทำไมรถ Hyundai H-1 ถึงได้รับความนิยมแซงหน้ารถตู้คู่แข่งของพี่ยุ่นได้
Hyundai H-1 และ Grand Starex ใหม่ เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาในงานมอเตอร์โชว์ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่น ตั้งแต่ H-1 รุ่น Touring ถูกจัดประหยัดจ่ายราคา 1.289 ล้านบาท รุ่น Ellite ราคา 1.499 บาท รุ่น Deluxe ราคา 1.679 บาท ไปจนถึง Grand Starex รุ่น Premium ราคา 2.349 ล้านบาท และปิดท้ายด้วยตัวท็อป รุ่น VIP ราคา 2.399 บาท
Design&Interior
รูปลักษณ์ภายนอกมถูกปรับโฉมให้ดูหรูหรามีชาติตระกูลมากขึ้น ด้วยกระจังหน้าแบบโครเมี่ยมแนวตั้ง พร้อมไฟ Day Time Running Light ทั้ง H-1 และ Grand Starex เกือบทุกรุ่นเว้น รุ่น touring เช่นเดียวกับล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 16 นิ้ว สำรับรถ H-1 ElliteElite กับ Deluxe และขนาด 17 นิ้วใน Grand Starex ทั้ง 2 รุ่น ส่วน Touring จัดมาให้ตามอรรถภาพเป็นล้อกะทะเหล็ก 16 นิ้วแบบเปลือยไม่มีฝาครอบอีกต่างหาก และที่ขาดไม่ได้คือประตูห้องโดยสารแบบสไลด์ไฟฟ้าพร้อมรีโมท ในโมเดล 2016 นี้มีให้ใช้แล้วใน 3 รุ่น คือ Deluxe และ Grand Starex ทั้ง 2 รุ่นเท่านั้น ซึ่งช่วยสะดวกขึ้นมากกว่าใช้มือเปิด แม้ระบบจะตอบสนองช้าไปนิดแต่ก็รับได้กับชีวิตที่ง่ายขึ้น
ห้องโดยสารของรถ Hyundai H-1 ถูกแบ่งชนชั้นความหรูหราไฮโซของ Grand Starex ชัดเจนตามสเต็ปค่าตัวและวัตถุประสงค์ที่เน้นจำนวนผู้โดยสาร ซึ่งอัดแน่นไปด้วยเบาะที่นั่งจำนวน 11 ตัว แบบเต็มพื้นที่และมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกค่อนข้างบางตา โดยเฉพาะ รุ่น Touring ขยับขึ้นมาเป็น รุ่น Ellite และ Deluxe ที่ตกแต่งภายในคล้ายกันและดูมีระดับขึ้นมาอีกนิด ต่างกันตรงแค่ออฟชั่นบางอย่าง เช่น เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส, แอร์แบบดิจิตอล และพวกฟังชั่นเอนเทอร์เทนเม้นต์ ที่ในตัว Deluxe จะมีจอ LCD ติดเพดานรวมถึงอุปกรณ์เชื่อมต่อ HDMI และ Wifi เป็นต้น
ส่วน Grand Starex จัดว่าดูดีมีชาติตระกูลกว่า ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งแถว 2 แบบ VIP พร้อมพนักพิงและที่วางขาแบบปรับไฟฟ้าซึ่งนั่งสบายมากจะเอนหลังยืดขาทำได้หมด รวมทั้งวัสดุตกแต่งในจุดต่าง ๆ ที่ดูประณีตกว่า แม้ว่าคอนโชลหน้าและมาตรวัดต่าง ๆ จะดูเชยไปหน่อยก็ตาม แต่ด้วยบรรยกากาศที่โปร่งสบายเพราะมีเบาะโดยสารเพียง 2 ตอน พร้อมฟังชั่นความบันเทิงเต็มรูปแบบโดยเฉพาะ รุ่น VIP ที่มีจอ LCD แบบ Full HD ขนาด 22 นิ้ว ซึ่งซ่อนไว้ในเคาน์เตอร์กลางสไตล์เรียบหรู พร้อมเครื่องเสียงกระหึ่มจาก Kenwood ซึ่งทำให้เรามองข้ามบางจุดที่ไม่เข้าตาไปได้
ก่อนปิดท้ายด้วยไฮไลท์อย่างกล้องมองภาพรอบทิศทางอัจฉริยะ ซึ่งช่วยให้การขับรถคันใหญ่เป็นเรื่องง่าย ด้วยภาพที่แสดงออกมา 360 องศา รอบคัน ทีนี้ไม่ว่าจะจอดหรือขับในที่แคบๆรับรองผ่านฉลุย งานนี้ถ้าใครเน้นเดินทางเป็นหมู่คณะ H-1 หน้าจะเหมาะ ส่วนบรรดาเซเลฟฯที่ชอบไลฟ์สไตล์ในแบบ Exclusive VIP ห้องโดยสารของ Grand Starex คือแหล่งความบันเทิงที่ครบเครื่องที่พร้อมมอบความสะดวกสบายให้คุณได้อย่างเต็มที่
Engine & Performance
ขุมพลังดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ แสนประหยัดของ H-1 นั้นยังคงเป็นบล็อกเดิมรหัส D4BE ความจุ 2.5 ลิตร ให้พละงกำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 441 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,250 รอบ/นาที ส่งกำลังจะเป็นแบบ อัตโนมัติ 5 สปีด แบบ ซีเควนเชียลชิฟ โดยใน H-1 และ Grand Starex รุ่นใหม่นี้ โดยตัดรุ่นเกียร์ธรรมดาออกไปแล้วเพื่อความหรูหราสะดวกสบายในการขับ
ซึ่งจากที่ได้ลองขับ Hyundai H-1 เครื่องยนต์ให้การตอบสนองโดยแบกตัวถังขนาดใหญ่พร้อมผู้โดยสารอีก 3 – 4 คนได้สบาย แรงบิดสูงให้จังหวะเร่งแซงที่ทันใจในรอบต่ำ ให้จังหวัดการเปลี่ยนเกียร์ที่สมูทพอใช้ได้ แม้ช่วงออกตัวจะมีหน่วงอยู่เล็กน้อยและมีอาการต้านลมของตัวถังอยู่บ้างตอนวิ่งทางไกล โดยทำความเร็วในช่วงการเดินทางได้ 140-150 กม./ชม.ได้สบาย ๆ ที่สำคัญเซฟน้ำมันได้น่าประทับใจ โดยขับไป-กลับเส้นทางกรุงเทพฯ – ระยอง Hyundai H-1 ใช้น้ำมันเฉลี่ยเพียงครึ่งถังนิด ๆ เท่านั้น
Handling & Brake
ในการแฮนด์ลิ่งในการขับนั้น ถ้าใครที่ไม่เคยขับรถรูปทรงนี้มาก่อนคงต้องปรับตัวสักพัก ทั้งมิติตัวถังและมุมมองรวมถึงน้ำหนักพวงมาลัยที่ยังไม่เป็นแบบไฟฟ้าซึ่งค่อนข้างหนัก ทำให้ขาดความคล่องตัวไปบ้างเวลาขับในเมือง เช่นเดียวกับระบบกันสะเทือนแบบอิสระแม็กเฟอร์สัน สตรัทที่ด้านหน้า และด้านหลังแบบ 5 ลิ้งค์พร้อมคอยล์สปริงค์ ที่ให้การยึดเกาะถนนได้ดีในแบบรถครอบครัว แต่ด้วยตำแหน่งล้อที่อยู่ใกล้ช่วงท้ายรถจึงต้องยอมรับกับจังหวะยุบตัวแรงที่ด้านหลังยังคงต้องเจอบ้างเป็นเอกลักษณ์ของรถทรงนี้
ส่วนระบบเบรกนั้นฮุนไดจัดชุดดิสก์แบรก 4 ล้อมาให้ทุกรุ่น พร้อมระบบความปลอดภัยชุดเล็กมีเพียง ABS และ ESP ใน Grand Starex ส่วน H-1 จะไม่มี ESP ที่เหลือก็พวกถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS กับเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดเท่านั้น ตรงนี้ก็เข้าใจว่านี่คือรถครอบครัว ไอ้ครั้นจะให้ไปซิ่งแข่งกับใครมันคงไม่เหมาะอยู่แล้ว มีมาเยอะก็ไม่ได้ใช้และไม่มีใครอยากใช้..แต่ถึงอย่างไงก็อยากมีไว้เยอะหน่อยเพื่อความอุ่นใจก็เท่านั้น
Tester Verdict
สรุปแล้ว Hyundai H-1 และ Grand Starex ใหม่ นอกจากหน้าตาที่หรูหราขึ้นแล้ว การติดตั้งออฟชั่นที่จำเป็นต่อการขับขี่อย่างระบบ Smart View นั้นถือว่าต้องยกนิ้วให้เลยงานนี้ บวกกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลายคนต้องการมากอย่างประตูไฟฟ้า ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าและให้ประโยชน์ได้เกินคุ้ม เสียอย่างเดียวที่ไม่มีในทุกรุ่น ส่วนสมรรถนะนั้นก็ถือว่าเพียงพอใช้งานและประหยัดพอตัวอยู่แล้ว จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Hyundai สามารถตีตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่จากเจ้าตลาดได้แตกกระจุย เพราะถ้าเทียบกันแล้ว H-1 นั้นดูดีกว่าทั้งภาพลักษณ์ สมรรถนะ ไปจนถึงการใช้งานที่ลงตัวกว่าจนแทบไม่ต้องไปเทียบให้เสียเวลา เก็บเวลานั้นมานั่งดูออฟชั่นว่า H-1 หรือ Grand Starex รุ่นไหนเหมาะกับคุณและครอบครัวมากที่สุดดีกว่า ซึ่งถ้าเป็นผม H-1 รุ่น Deluxex น่าจะลงตัวที่สุดด้วยราคาล้านกลาง ๆ แต่ได้ออฟชั่นที่จำเป็นค่อนข้างครบเท่านี้ก็ตอบโจทย์แล้ว
ขอขอบคุณ บริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด
เพิ่มความปลอดภัยให้กับรถครอบครัวของคุณด้วย “รู้ใจ” ที่จะคอยอยู่เคียงข้างคุณไปทุกการเดินทาง
เป็นเจ้าของประกันภัยชั้น 1 แบบสบายๆ กับ “รู้ใจ” ประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ แบ่งชำระเบาๆ ดอกเบี้ย 0% 10 เดือน เริ่มคุ้มครองทันที การันตีถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินกรณีรถเสีย ฟรี 1 ปี คลิกเช็คเบี้ย! และซื้อประกันชั้น 1 กับรู้ใจดอทคอม เลยวันนี้