เมื่อพูดถึง รถจี๊ป หลายคนคงมองภาพไปในทางเดียวกัน คือการเป็น “รถยกสูงสายลุย” ตอบโจทย์คนที่ชอบขับรถลุยป่าลุยเขา ฝ่าเส้นทางทุรกันดาร แม้จะมีหลาย ๆ รุ่น หลาย ๆ แบรนด์ ทำรถออกมารูปทรงคล้ายหรือใกล้เคียง แต่ความเป็น Jeep คือเสน่ห์ที่บอกได้ทุกอย่างของความเป็นรถสำหรับ “ขาลุย” ได้อย่างชัดเจนที่สุด
“รถจี๊ป” หรือ Jeep แบรนด์เก่าแก่ตั้งแต่ยุคสงคราม ที่ปัจจุบันได้รับความสนใจอยู่ต่อเนื่อง จากชื่อชั้นแบรนด์ก็ดี หรือจากดีไซน์ที่คงไว้ถึงความคลาสสิค รวมไปถึงสมรรถนะแรง หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่อยากเป็นเจ้าของรถสายลุยคันนี้สัก 1 คันจากค่ายนี้ รู้ใจจะพาไปดู 5 อันดับที่ได้รับความนิยมมาให้ทำความรู้จักเรียบร้อยแล้ว ไปดูกันเลย!
- Jeep Wrangler Rubicon
- Jeep Gladiator Launch Edition
- Jeep Grand Cherokee Trackhawk
- Jeep Compass Trailhawk
- Jeep Commander
เล่าประวัติโดยย่อของ Jeep ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
Jeep หรือ จี๊ป แบรนด์รถยนต์สัญชาติอเมริกัน อยู่ภายใต้เครือของ Fiat Chrysler Chrysler Corporation ซึ่งได้เข้าซื้อแบรนด์ Jeep ในปี ค.ศ.1987 โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Jeep ในปัจจุบัน จะเป็นรถ SUV ทุกรุ่น และแน่นอนว่าเมื่อเอ่ยถึงคำว่า “รถจี๊ป” สายลุยก็จะคุ้นเคยดีว่าเป็น SUV ที่มีคุณภาพ สามารถวิ่งลุยได้ทุกสภาพถนนหรือแม้จะไม่ใช่เส้นทางก็พร้อมฝ่า ตอบโจทย์การบุกป่า ฝ่าดงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ผู้สร้าง
รถจี๊ปล้อรถออฟโรดทางทหารตัวต้นแบบคันแรกถูกสร้างขึ้นภายใต้บริษัท American Bantam Company โดย Karl Probs ที่ใช้เวลาเพียง 18 ชั่วโมงเท่านั้นในการออกแบบเมื่อปี ค.ศ. 1940 รถคันนี้ก็ได้รับการทดสอบที่ฐานทัพแห่งหนึ่ง ในรัฐแมรี่แลนด์ โดยรถดังกล่าวได้รับการอนุมัติ แม้จะมีความเห็นทางเทคนิคบางประการจากน้ำหนักที่มากเกินไปของเครื่องและตัวรถ
อย่างไรก็ตามกระทรวงสงครามของสหรัฐฯ ยังคงให้ดีไซน์ของ Karl Probs เป็นรูปแบบหลักของการพัฒนา ที่ต่อมามี Ford และ Willys-Overland 2 บริษัทมาร่วมประมูลสัญญาและพัฒนาศักยภาพตัวรถให้เป็นที่ตอบโจทย์การใช้งาน และได้เลือกรถจากการพัฒนาของ Willys-Overland เป็นสัญญาการผลิตฉบับแรก ส่วน Ford ได้สัญญาฉบับที่ 2
ต่อมาหลังสงครามสงบ ปี ค.ศ. 1953 Henry J. Kaiser เจ้าของ Kaiser Manufacturing Co. ได้เข้าซื้อกิจการ Willys-Overland และปรับรูปแบบที่ไม่ใช่รถจี๊ปทหาร จนในปี ค.ศ. 1972 ถูกขายให้กับ American Motors Co และไม่กี่ปี American Motors Co ก็ถูกทาง Renault ของฝรั่งเศสซื้อไป
กระทั่งปี ค.ศ. 1987 Chrysler Corporation ซื้อ American Motors กลับมาจาก Renault เพื่อจุดประสงค์เดียวคือการได้รับสิทธิ์ในการผลิต “รถจี๊ป” นับตั้งแต่นั้นแบรนด์ Jeep ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Daimler Chrysler Corporation จนถึงวันนี้
สัญลักษณ์
ปี ค.ศ.1950 ก่อนการฟ้องร้องกับ American Bentam โลโก้ของรถยนต์ที่ผลิตคือ Willys แต่หลังจากการดำเนินคดีก็ถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์ Jeep โดยโลโก้แสดงอยู่ที่ด้านหน้าของรถ สีของตราสัญลักษณ์ทำออกมาในรูปแบบทหาร ซึ่งก็คือ “สีเขียวเข้ม” เนื่องจากเดิมทีรถจะถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหาร ในปัจจุบันโลโก้จะทำด้วยเหล็กสีเงิน มีความกะทัดรัดและดุดัน รับกับความแข็งแกร่งของตัวรถเป็นอย่างดี
สำหรับคนที่กำลังมองหารถจี๊ปมาครอบครองสักคัน หรือต้องการจะรู้จักรถแบรนด์นี้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะการได้รับความนิยมในแวดวงสายลุยชาวไทย ไม่ต้องไปหาข้อมูลจากที่อื่นให้เสียเวลา เพราะเราได้รวบรวมรายละเอียดที่น่าสนใจมาให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้ง 5 อันดับยอดนิยมจะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
1. Jeep Wrangler Rubicon
ไม่มีถนนเส้นไหนที่ไปไม่ถึง แค่มี Jeep Wrangler ก็ทำให้ทุก ๆ การเดินทางของคุณสนุกสนาน เปิดรับประสบการณ์และความประทับใจทุกเส้นทาง ด้วย “หลังคาฮาร์ดท็อป” ที่สามารถถอดออกได้ แถมยังสามารถใช้งานร่วมกับกระจกบังลมแบบพับลง และประตูแบบถอดได้ เพื่อให้คุณสัมผัสอิสรภาพกลางแจ้งได้อย่างถึงที่สุด
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ Premium LED Lighting Group ประกอบด้วยไฟหน้าแบบสะท้อนแสง ไฟตัดหมอก และไฟ Daytime Running Lamps เพื่อทัศนวิสัยและสไตล์ที่น่าประทับใจ ในส่วนของไฟท้ายก็มีความสว่างสดใส แถมยังช่วยเตือนผู้ขับขี่ที่เข้าใกล้จากด้านหลังได้อีกด้วย และยังมีเทคโนโลยี 4×4 jeep ที่โดดเด่นที่ช่วยคุณหลบสิ่งกีดขวาง ขับได้บนทุกพื้นผิว คุณสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ของ jeep thailand ได้เลย
ราคาจัดจำหน่าย
- Jeep Wrangler 2 ประตู ราคา 5,190,000 บาท
- Jeep Wrangler 4 ประตู ราคา 5,290,000 บาท
2. Jeep Gladiator Launch Edition
anagement Group โดยในแพ็กเกจจะมีอัลเตเนเตอร์ 240 แอมป์ อินเวอร์เตอร์ 400 วัทท์ ปลั๊กไฟ 115 โวลท์บนกระบะท้าย ชุดกล่องเก็บสัมภาระใต้เบาะหลัง รางติดตั้งชุดขอยึดบนกระบะท้ายแบบปรับตำแหน่งได้ และตราสัญลักษณ์พิเศษที่บ่งบอกถึงความแตกต่างจากรุ่นพื้นฐาน
ในส่วนของเครื่องยนต์ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พละกำลังมาจากเครื่องยนต์เบนซินตระกูล Pentastar แบบ V6 ความจุ 3.6 ลิตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 Speed หรือธรรมดา 6 Speed กำลังสูงสุด 285 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 35.8 กก.-ม. คุณสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ของ jeep thailand ได้เลย
ราคาจัดจำหน่าย
- Jeep Gladiator Launch Edition ราคา 5.99 ล้านบาท
3. Jeep Grand Cherokee Trackhawk
แม้ว่าหลายคนจะรู้สึกพึงพอใจประสิทธิภาพของรถจี๊ปอยู่แล้ว แต่ John Hennessey ยังไม่พอใจสักเท่าไหร่นัก จึงได้เปิดตัว Jeep Grand Cherokee Trackhawk ที่มีการอัพเกรดเครื่องยนต์ให้มีกำลังราว ๆ 1,200 แรงม้า และมีแรงบิด 1,354 นิวตันเมตร ด้วยพลังพิเศษดังกล่าว ทำให้รถจี๊ปรุ่นนี้กลายเป็น “สุดยอดรถเอสยูวี” เนื่องจากมีอัตรา 0-60 ไมล์/ชั่วโมง ในเวลา 2.3 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 200 ไมล์/ชั่วโมง
นอกจากนี้ในการวิ่งระยะ 1/4 ไมล์ ยังสามารถทำเวลาได้ 9.6 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 145 ไมล์/ชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่เร็วมาก จน Hennessey ต้องเอ่ยปากเคลมว่าเป็น “SUV ที่มีอัตราการเร่งเร็วที่สุดในโลก” ในส่วนของ “ขุมพลัง” รถรุ่นนี้ได้รับการติดตั้งแพ็กเกจอัพเกรดเครื่องยนต์ HPE1200 ที่มีซูเปอร์ชาร์จขนาด 4.5 ลิตร สำหรับลูกสูบ ก้านสูบ พอร์ทฝาสูบ และเพลาลูกเบี้ยวก็ถูกอัพเกรดด้วยเช่นกัน
ราคาจัดจำหน่าย
- Jeep Cherokee Trackhawk ราคา 2.8 ล้านบาท
4. Jeep Compass Trailhawk
Jeep Caompass Trailhawk มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบ full-time หรือที่เรียกกันว่า Active Drive ซึ่งสามารถกระจายแรงบิด 100% ไปยังเพลาหน้าหรือหลังได้ตามต้องการ และมีระบบ Active Drive Low 4×4 พร้อมอัตราทดความเร็วต่ำหรือ low-range ที่เกียร์ 1 สำหรับเพิ่มแรงฉุดในการปีนไต่อยู่ที่ 20:1 เป็นออปชั่นในรุ่นย่อยบางรุ่น
เมื่อเทียบกับรุ่นพื้นฐานจะเพิ่มความสูงช่วงล่างขึ้นอีก 2.5 ซม. มีชุดแต่งออฟ-โรดเฉพาะรุ่นให้เพิ่มเติม มุมปะทะสูงสุด 30 องศา มุมจากสูงสุด 33.6 องศา และมีมุมคร่อม 24.4 องศา พร้อมล้อและยางออฟ-โรดขนาด 17 นิ้ว ซึ่งพบว่าประสิทธิภาพในการลุยนั้น รุ่นนี้ด้อยกว่ารุ่นมาตรฐานเล็กน้อย
ราคาจัดจำหน่าย
- Jeep Caompass Trailhawk ราคา 3.1 ล้านบาท
5. Jeep Commander
Jeep Commander ใช้พื้นฐานแพลตฟอร์ม Small Wide 4×4 LWD ในการผลิต เป็นแพลตฟอร์มย่อยของ SCCS platform ที่ใช้กับรถในเครือของ Fiat Group ซึ่งปัจจุบันมีรถเพียง 2 รุ่นใช้งาน คือ Jeep compass และ Commander ใหม่ เมื่อเทียบกับ Compass ขนาดตัวของ Commander มีความยาว 4,769 มม. กว้าง 1,859 มม. สูง 1,682 มม. ระยะฐานล้อ 2,794 มม. น้ำหนักตัวอยู่ในระหว่าง 1,658-1,908 กก. ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย
เครื่องยนต์มีให้เลือก 2 แบบ คือ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน bi-fuel ตระกูล Global Small Engine ของเฟียทแบบ 4 สูบ ความจุ 1.3 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 Speed จาก Aisin ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 185 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 27.5 กก.-ม. มี Sport Mode เพิ่มความกระฉับกระเฉง
ตามด้วยเครื่องยนต์ดีเซลตระกูล Multijet II ของเฟียทเช่นกัน ตัวเครื่องยนต์เป็นแบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 Speed ของ ZF หมุนล้อแบบ All-wheel drive กำลังสูง 170 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 38.7 กก.-ม.
ราคาจัดจำหน่าย
- Jeep Commander รุ่น bi-fuel ราคา 1.3 ล้านบาท
- Jeep Commander รุ่นดีเซล 2.0 ราคา 1.8 ล้านบาท
ทั้ง 5 รุ่นที่รู้ใจนำมาบอกเมื่อข้างต้น ถือเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่ไม่ทิ้งกันเลยก็คือ “ความแข็งแกร่ง และความทนทาน” ที่คุณจะได้จากรถแบรนด์นี้ หากเป็นสายลุยแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าตอบโจทย์ได้ค่อนข้างมาก
สำหรับคนที่สนใจจะเป็นเจ้าของรถจี๊ปสัก 1 คัน การเลือกรถ jeep รุ่นใหม่ ราคาสูงก็อาจตอบโจทย์สำหรับคนที่ตามเทรนด์รถรุ่นใหม่ แต่การเลือกซื้อรถจิ๊บมือสองก็นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรตรวจเช็คสภาพ ความสมบูรณ์ และรายละเอียดต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะ “ประวัติรถ” เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะตามมาสร้างปัญหาในภายหลัง นอกจากนี้อย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ติดรถเอาไว้ด้วย เพื่อให้การเดินทางของคุณราบรื่น ปลอดภัย และไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพียงลำพังมากจนเกินไป รู้ใจประกันออนไลน์ มีประกันรถที่คุณปรับแต่งแผนความคุ้มครองได้ตามใจ เช็คราคาง่าย ทางออนไลน์ ไม่ต้องกรอกข้อมูลติดต่อ แถมลดสูงสุด 30%
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)
