ตลาดรถในเมืองไทยในปี 2018 นี้ เรียกว่าค่อนข้างคึกคักสวนกระแสกับสภาพเศรษฐกิจพอสมควร เห็นได้จากช่วงต้นปีต่อเนื่องมาถึงกลางปี รถหลายรุ่นจากหลายค่ายต่างก็ถูกเข็นออกมาเปิดตัวให้บรรดาผู้คนได้ควักกระเป๋าเสียเงินแทบทุกเดือน แน่นอนว่ากว่าจะถึงช่วงปลายปี ก็ยังมีโมเดลใหม่ๆ ที่จ่อคิวรอการเปิดตัวในเร็ววันนี้อีกเพียบ ซึ่งจะมีอะไรบ้างเราไปดูติดตามกัน
Honda Accord ยังคงเป็น Big Sedan ที่มาพร้อมกับความหรูพรีเมี่ยมเช่นเดิม แต่จุดที่เรียกว่าแปลกตาไปจากสไตล์ของฮอนด้าคือดีไซน์ด้านหลังมาในรูปแบบท้ายลาด สิ่งสำคัญยังมีการพัฒนามาใช้เทคโนโลยี ‘Engine Downsizing’ หรือการลดขนาดความจุเครื่องยนต์ลง แล้วชดเชยด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์เข้าไปแทน และนับเป็นความแปลกใหม่ที่ฮอนด้าเลือกติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-5,000 รอบ/นาที ไว้กับรถในพิกัด D-Segment โดยประสิทธิภาพที่ได้สามารถสร้างแรงม้าและแรงบิดดีกว่าเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร นอกจากนั้น ในตลาดอเมริกาก็มีเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 252 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที เป็นทางเลือกอีกด้วย ส่วนการทำตลาดในไทยเป็นไปได้ว่าน่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
Toyota Camry อีกหนึ่งซีดานหรูที่คู่กับตลาดไทยมาหลายสิบปี ถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง TNGA โดยเป็นแบบ TNGA-D ชูจุดเด่นด้วยดีไซน์เส้นสานโค้งมนล้ำสมัย ฉีกบุคลิกของรถเก๋งสำหรับผู้ใหญ่แบบเดิมๆ ด้านความปลอดภัย มาพร้อมชุดระบบ Toyota Safety Sense P ด้านขุมพลังในบ้านเราคาดว่าจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นเช่นเคย ประกอบด้วย เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 167 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ, เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 184 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 2.5 ลิตร 211 แรงม้า พ่วงเกียร์อัตโนมัติ E-CV แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion โดย Toyota Camry ใหม่ มีกำหนดเผยโฉมในไทยก่อนสิ้นปีนี้ 2018 อย่างแน่นอน ส่วนราคาคาดการณ์ว่าน่าจะมากกว่ารุ่นเดิมอีกพอสมควร ซึ่งเป็นผลจากที่รถได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่หมดเกือบทั้งคัน
Nissan Terra หลังจากนิสสันเปิดตัว TERRA ในประเทศฟิลิปปินส์แรกเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศไทยทางนิสสันมีแผนเปิดตัวไม่เกินไตรมาส 3-4 ปี 2018 แน่นอน รายละเอียดภายนอกมีความละม้ายคล้ายคลึงกับรถกระบะอย่าง NAVARA แบบแฝดคนละฝา กระจังหน้าดีไซน์ V-Motion ลวดลายตรงกลางเป็นรังผึ้งขนาดเล็กสีเทา ล้อมกรอบด้วยวัสดุแถบสีเงิน ส่วนไฟหน้าเป็นแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อมคาดขอบด้านบนด้วยแนวเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ทรงตัวแอล ตัวรถพัฒนาขึ้นบนแชสซีส์อเนกประสงค์แบบขั้นบันได โดยระบบกันสะเทือนด้านหน้าหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกคู่พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบ 5-Link พร้อม คอยล์สปริง (5-Link Coil Spring Rear Suspension System) และเพลาหลังที่มั่นคงแข็งแรง สร้างความมั่นใจว่าความสะดวกสบายและความนุ่มนวลที่มาพร้อมกับความทนทานและความแข็งแกร่ง ในประเทศไทยนั้นเครื่องยนต์มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นบล็อกใหม่รหัส YS23DDT 2.3 ลิตร ซึ่งอาจมีพละกำลังให้เลือก 2 สเต็ปแรงม้า ที่สำคัญจะมีราคาค่าตัวเท่าไหร่คงต้องลุ้น
Hyundai H1 Minor Change หลังจากมีการปรับโฉมครั้งใหญ่ ในช่วงปลายปี 2017 ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าจะถูกเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากตอนนี้ Hyundai ก็ไม่ได้มีอะไรสดใหม่นอกจาก H-1 เดิมที่เป็นตัวชูโรง โดยรายละเอียดการปรับเปลี่ยนหลักๆ คือบริเวณตัวถังด้านหน้าเกือบทั้งหมด ทั้งไฟหน้า-กระจังหน้า-กันชนหน้า-ฝากระโปรงด้านข้างลำตัว ขณะที่ด้านข้างก็คือชุดบานประตูข้าง ส่วนภายในห้องโดยสารที่ชัดเจนคือแผงหน้าปัด ชุดมาตรวัด และเบาะนั่ง อย่างไรก็ตามสำหรับรุ่นเริ่มต้น และรุ่น 11 ที่นั่ง จะยังใช้แผงหน้าปัดเหมือนรุ่นเดิม ในส่วนของเครื่องยนต์ยังคงเป็นบล็อก D4CB Diesel 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,497 ซีซี. คอมมอนเรล VG-Turbo อินเตอร์คูลเลอร์ 175 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 441 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,250 รอบ/นาที ที่มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ พร้อม Sequential Shift
Ssangyong New Rexton โดยซังยองเปิดตัวรุ่นเอสยูวี New Rexton ที่เป็นเรือธงรุ่นขายดี ภายใต้ชื่อ G4 Rexton ในงานโซลมอเตอร์โชว์เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้รหัสโครงการ Y400 บนเฟรมแชสซีส์แบบ Quad Frame มิติตัวถัง 4,850 มม. กว้าง 1,960 มม. สูง 1,825 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,865 มม. มาพร้อมขุมพลัง 2 ทางเลือก 2 คือ e-XGDi 200T เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,998 ซีซี กำลังสูงสุด 225 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร (35.66 กก.-ม.) ที่ 1,500-4,500 รอบ/นาที มีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ (ขับล้อหลัง 2WD) หรือเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (2WD และ 4WD Part Time) อีกรุ่นเป็นรหัส e-XDi 220 ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,157 ซีซี คอมมอนเรล เทอร์โบ 181 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด มี 2 สเต็ปแบ่งตามระบบขับเคลื่อน เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ 40.7 กก.-ม.ที่ 1,400-2,800 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ 42.8 กก.-ม.ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที มีทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหลัง 2WD และ 4WD Part Time ในไทยก็มีความเป็นไปได้สูงที่ยนตรกรรมเอสยูวีจากแดนโสมจะถูกนำเข้ามาจำหน่าย
ที่สำคัญไม่ว่าคุณจะมีรถอยู่แล้วหรือเตรียมถอยรถใหม่ ก็อย่าลืมเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทาง ด้วยประกันรถที่รู้ใจคุณที่สุด กับ Roojai.com ประกันรถออนไลน์ พร้อมบริการคุณตลอดเวลา เช็คเบี้ยออนไลน์ได้ราคาทันทีผ่านเว็บไซต์ กับราคาที่แฟร์กว่า คำนวณตามลักษณะการขับขี่ของคุณโดยเฉพาะ
เครดิตภาพจาก Netcarshow.com