Roojai

ไฮไลท์ Motor Show 2019 รถยนต์คันไหนน่าสนใจในงาน รวบรวมมาให้ดูกัน

Motor Show 2019

กลับมาอีกครั้งกับบรรยากาศงานโชว์รถยนต์และจักรยานยนต์งานใหญ่ช่วงต้นปี Bangkok International Motor Show 2019 (บางกอก อินเตอร์เนชั่นเนล มอเตอร์โชว์) ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 40 ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2562 ปีนี้ถือว่าตลาดรถยนต์ค่อนข้างคึกคักไม่แพ้กระแสการเมืองที่กำลังเข้มข้น

โดยเฉพาะยานยนต์พลังไฟฟ้าที่หลายค่ายต่างขนผลงานของตัวเองมาจัดแสดงในงาน พร้อมรถใหม่ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ เช่นเดียวกับฝั่ง 2 ล้อที่ตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน งานนี้คันไหนเด่นคันไหนโดน Roojai.com ได้รวบรวมมาไว้ให้ได้ชมกัน

Audi e-Tron

Audi e-Tron 55 Quattro

เริ่มต้นค่าย Audi กับยนตกรรมพลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ Audi e-Tron 55 Quattro เป็นหนึ่งในรถธงจากค่าย 4 ห่วง (ออดี้) ซึ่งเป็นยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนที่เปิดตัวพร้อมจำหน่ายในบ้านเราในงานนี้เป็นครั้งแรก เคาะราคาไว้ที่ 5,099,000 บาท

Audi e-Tron 55 Quattro ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ซึ่งให้พละกำลังสูงสุดถึง 360 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลที่สูงถึง 561 นิวตันเมตร พร้อมส่งถ่ายกำลังผ่านชุดเกียร์แบบ Single Gear ให้อัตราเร่งแบบไม่ต้องรอรอบ ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 6.6 วินาที แต่ถ้านี่ยังแรงไม่พอ Audi e-Tron คันนี้ยังมีโหมดเพิ่มความแรง Boost Mode ที่สามารถเพิ่มแรงม้าขึ้นเป็น 408 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่สูงขึ้นอีกเป็น 664 นิวตันเมตร จาก 0-100 กม./ชม. วิ่งได้เร็วขึ้นที่อีกเป็น 5.7 วินาที และทำ Top Speed สูงถึง 200 กม./ชม.

Audi e-Tron 55 Quattro

Audi e-Tron 55 Quattro มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ประกอบด้วยโหมด Auto, Dynamic และ Off-road ช่วยถ่ายทอดกำลังระหว่างเพลาหน้า-หลังได้อย่างอิสระให้เหมาะสมในแต่ละสภาพการขับขี่ โดยใช้แบตเตอรี่กำลัง 95 กิโลวัตต์ต่อโมงซึ่งรองรับไฟฟ้ากระแสสลับ DC แบบชาร์จเร่งด่วนถึง 150 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงในสถานีชาร์จเร็วสูง ซึ่งสามารถชาร์จเข้าถึง 80% ภายใน 30 นาที เป็นต้นกำเนิดพลังขับเคลื่อนที่วิ่งได้ระยะทางราวๆ 402 กิโลเมตร

Audi e-Tron 55 Quattro คือยนตกรรมอเนกประสงค์ SUV พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ผลิตขึ้นในโรงงานออดี้ที่เมือง Brussel ประเทศเบลเยี่ยม พร้อมจำหน่ายในบ้านเราโดย Audi Thailand มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีดำ, สีขาวกลาเซีย, สีเทา, สีน้ำเงินกาแล็กซี่ และสี Siam Beige ราคาจำหน่าย Audi e-Tron 55 Quattro 2019 อยู่ที่ 5,099,000 บาท

Chevrolet Captiva 2019

Chevrolet Captiva 2019

มาถึงทางฝั่งของเชฟโรเลตปีนี้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แฟนพันธุ์แท้รถอเนกประสงค์ SUV สไตล์อเมริกันพันธุ์แกร่งด้วยการเปิดตัว Chevrolet Captiva (เชฟโรเลต แคปติวา) หลังจากทำตลาดในโมเดลก่อนนี้มายาวนานกว่า 10 ปี

Chevrolet Captiva ใหม่ มาพร้อมกับกับความคุ้มค่าด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ผสานเข้ากับดีไซน์ภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยวมีสไตล์มาพร้อมกับหลังคาพาโนรามิกซันรูฟและไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางโอ่โถง รถรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคนไทยที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ แคปติวา รุ่นใหม่ ถือเป็นหนึ่งในรถอเนกประสงค์ที่มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางที่สุดในตลาด มีทั้งรุ่น 5 ที่นั่งและ 7 ที่นั่ง ซึ่งเป็นเพียงคุณสมบัติเด่นบางอย่างเท่านั้นที่เผยให้ทราบกันในตอนนี้ รถอเนกประสงค์รุ่นใหม่นี้ยังมีคุณสมบัติเด่นอื่นๆ

Chevrolet Captiva 2019

Chevrolet Captiva 2019 มีการปรับเปลี่ยนขุมพลังใหม่หันมาใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กพร้อมระบบอัดอากาศแบบ เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่ให้พละกำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ที่ช่วง 2,000-3,800 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT 8 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า

Chevrolet Captiva ใหม่ เผยโฉมครั้งแรกในวันนี้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 และจะพร้อมจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นต่ำกว่า 1 ล้านบาท

Hyundai Kona electric

Hyundai Kona electric

สำหรับค่ายรถยนต์จากแดนกิมจิอย่างฮุนได นอกจากยานยนต์ MPV 11 ที่นั่งอย่าง Hyundai H-1 ที่ได้รับความนิยมและสร้างยอดขายแบบทะลุเป้าแล้ว Hyundai ยังพุ่งเป้าไปที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% (EV) หลังจากปีที่แล้วได้เริ่มทำตลาดด้วย Hyundai Ioniq ไปแล้ว ในปีนี้ทางฮุนไดพร้อมส่งรถอเนกประสงค์แบบ Crossover พลังไฟฟ้า Hyundai Kona electric มาเปิดตัวพร้อมจำหน่ายครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ด้วย

Hyundai Kona electric มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่ดูแข็งแกร่งทรงพลังสไตล์รถเอสยูวี ซึ่งได้รับการพัฒนาแนวคิดด้านการออกแบบเดียวกันกับรถยนต์ โคน่า ที่เน้นความเป็นยานยนต์ที่จะพาคุณไปได้ทุกที่ โดดเด่นและแตกต่างที่กระจังหน้าแบบปิด เน้นความเรียบง่ายมีสไตล์ การออกแบบภายนอกมีเอกลักษณ์ด้วยไฟคอมโพสิทช่วยให้ความสว่างได้มากยิ่งขึ้น ไฟส่องสว่างเวลากลางวันอยู่ตำแหน่งด้านบนของไฟหน้าแอลอีดี ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถยนต์รุ่นนี้ ห้องโดยสารตกแต่งด้วยเบาะหนังสีดำ คอนโซลกลางแบบบริดจ์สไตล์ พร้อมปุ่มควบคุมระบบเกียร์ Shift-by-wire ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสแบบเดียวกับตัว Hyundai Ioniq

Hyundai Kona electric

Hyundai Kona electric มีให้เลือก 2 รุ่น คือรุ่น SEL ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 64 kw/h ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 395 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 7.6 วินาที และสามารถขับได้ระยะทางไกลถึง 482 กม. กับรุ่น SE ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ขนาด 39.2 kw./h ให้พละกำลังสูงสุดที่ 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 395 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 9.7 วินาที

Hyundai Kona electric มาพร้อมสีตัวถังแบบทูโทน มีให้เลือกทั้งสีขาว ชอล์ก ไวท์ และสีดำ ดาร์ค ไนท์ มาพร้อมหลังคาสีดำ แฟนทอม แบล็ค ซึ่งจะเป็นสีมาตรฐานของทุกรุ่น นอกจากนี้ลูกค้าเลือกสั่งสีได้ตามต้องการ ได้แก่ สีส้ม แทงเจอรีน คอมเม็ท, เหลือง เอซิด เยลโล, แดง พัลส์ เรด, ฟ้า เซรามิค บลู และสีเทา กาแล็คทิค เกรย์

Hyundai Kona electric เคาะราคาค่าตัวพร้อมจำหน่ายไว้ที่ 1,849,000 บาท สำหรับ รุ่น SE และ 2,259,000 บาท ในรุ่น SEL

Jaguar I-pace

Jaguar I-pace

จากัวร์ โดย บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการ พร้อมตอบรับกระแสของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งงานนี้ได้ยกเอา Jaguar I-Pace (จากัวร์ ไอ-เพซ) ยนตกรรมหรูแบบอเนกประสงค์ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้ามาเปิดตัวในงานนี้

Jaguar I-Pace รถสปอร์ตด้วยรูปลักษณ์สง่างาม ผสานด้วยความปลอดภัย พร้อมเทคโนโลยีล้ำยุคและประโยชน์ใช้สอยในแบบรถ SUV ห้าที่นั่ง ที่มาพร้อมวิวัฒนาการอันก้าวล้ำแห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ชนิด Pouch cells ที่มีน้ำหนักเบาและใช้พื้นที่ในการจัดเก็บน้อย ขนาด 90 kw./h. ให้พละกำลังสูงสุด 400 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 696 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาเพียง 4.8 วินาที

Jaguar I-pace

Jaguar I-Pace ชาร์ตแบตเตอรี่จาก 0-80 เปอร์เซ็นต์ ใช้เวลาเพียง 20-40 นาที ผ่านเครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสตรง DC (Quick charge) หรือ ภายในเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง ด้วยเครื่องอัดประจุไฟฟ้ากระแสสลับ AC (Home wall box) และสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดราว 470 กม. ต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง Jaguar I-Pace (จากัวร์ ไอ-เพซ) มาพร้อมราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 3,299,000 บาท และพิเศษอัตราดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 48 เดือน

Lexus UX 250h

Lexus UX 250h

รถยนต์ Lexus ภายใต้บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย พร้อมนำเสนอ All-new Lexus UX 250h เป็นรถธงแบบอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 40 หลังจากที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปก่อนหน้างานเพียงไม่กี่วัน

Lexus UX 250h ใหม่ มาพร้อมดีไซน์ตัวรถสัมผัสได้ถึงความพริ้วไหว จากเส้นสายการออกแบบตลอดทั้งคัน สืบเชื้อสายของตัวต้นแบบ Lexus UX Concept ที่เผยออกมาเพื่อสำรวจตลาดตั้งแต่ปี 2016 ห้องโดยสารมาพร้อมความหรูหราระดับพรีเมี่ยมบนชิ้นงานอันประณีตผสานความล้ำสมัยและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน

Lexus UX 250h

Lexus UX 250h ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซินขนาด 2.0L แบบสี่สูบเรียง 16-Valve, DOHC VVT-iE ให้กำลังม้าสูงสุดอยู่ที่ 146 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 188 Nm ประสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า Synchronous Alternating Current Motor ที่ให้กำลังม้าอยู่ที่ 109 แรงม้า พ่วงแรงบิด 202 Nm และเมื่อรวมกำลังทั้งระบบจะได้อยู่ที่ 184 แรงม้า ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ 22.73 กม./ลิตร

Lexus UX 250h ใหม่ ราคาค่าตัวเริ่มต้น รุ่น Luxury ที่ 2,490,000 บาท, รุ่น Grand Luxury ที่ 2,690,000 บาท และรุ่น F Sport ราคาอยู่ที่ 3,620,000 บาท

MG E ZS

MG E ZS

ค่ายรถยนต์ MG ไม่ยอมน้อยหน้าพร้อมส่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้ามาโชว์ในงานเช่นกัน กับ MG E ZS ยนตรกรรมอเนกประสงค์ขนาดเล็กแบบครอสโอเวอร์ มาพร้อมดีไซน์เอกลักษณ์เดียวกับ MG ZS โฉมปัจจุบันแต่แตกต่างกันตรงที่คันนี้ไม่ใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน แต่จะติดตั้งเทคโนโลยี NetGreen ที่พัฒนาโดย SAIC ให้เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วน (EV) ซึ่งมีมอเตอร์ขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า โดยใช้แบตเตอรี่ขนาด 44.5 kw./h. เป็นตัวเก็บประจุไฟฟ้า

MG E ZS

MG E ZS จะใช้เวลาในการชาร์ตไฟ 1 ครั้ง ถ้าเป็นไฟบ้านประมาณ 12 ชม. ชาร์ตแบบ Wall Box ประมาณ 6 ชม. และชาร์ตแบบเร็วจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที และสามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 428 กม.ต่อการชาร์จเต็มแต่ละครั้ง

สำหรับราคาขายนั้น MG E ZS ที่มาเผยโฉมในงานครั้งนี้ยังไม่ถูกเคาะค่าตัวไว้แต่มีแนวโน้มว่าทาง เอ็มจีประเทศไทย มีแผนจะเปิดตัวพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในปี 2562 นี้อย่างแน่นอน

The New Porsche 911

The New Porsche 911

มาถึงค่ายรถสปอร์ตหรูอย่างปอร์เช่กันบ้าง งานนี้ทาง AAS Auto Service ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ได้เปิดตัว Porsche 911 Carrera S โมเดลล่าสุดครั้งแรกในเอเชียในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้

Porsche 911 ใหม่ คือยนตรกรรมที่รับหน้าที่สืบสานความเกรียงไกร ผู้กำหนดบรรทัดฐานใหม่ ในฐานะยนตรกรรมสปอร์ตที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา งานออกแบบที่ถ่ายทอด DNA ของปอร์เช่ ภาพลักษณ์ภายนอกที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมการออกแบบภายใน ที่เสริมด้วยอุปกรณ์ อำนวยความสะดวก ควบคุมการทำงานผ่านหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 10.9 นิ้ว ตอกย้ำความทันสมัยเหนือกาลเวลา ครบครันด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน อาทิ Power Steering Plus, เบาะนั่งแบบปรับได้ 14 ทิศทางที่สามารถจดจำการตั้งค่าที่นั่งได้ และระบบเครื่องเสียง BOSE Surround Sound System

The New Porsche 911

Porsche 911 Carrera S (รหัส 992) มาพร้อมเครื่องยนต์ 6 สูบนอน พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุดที่ 450 แรงม้า (331 กิโลวัตต์) เพิ่มขึ้นถึง 30 แรงม้า (22 กิโลวัตต์) เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า 911 ใหม่ทั้ง 2 รุ่น สามารถเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปยังระดับความเร็วที่ 100 กม./ชม. ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 4 วินาที กล่าวคือในรุ่นตัวถังสปอร์ตคูเป้ 2 ประตูขับเคลื่อนล้อหลังใช้เวลาเพียง 3.7 วินาที และสำหรับ 911 คาร์เรร่า 4 เอส (911 Carrera 4S) ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ใช้เวลาที่รวดเร็วกว่าที่ 3.6 วินาทีเท่านั้น ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงอัตราเร่งที่เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 0.4 วินาที และจะสามารถลดระยะเวลาลงได้อีก 0.2 วินาที เมื่อได้รับการติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ ชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package ในส่วนของความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 308 กิโลเมตรต่อชั่วโมงสำหรับ 911 คาร์เรร่า เอส (911 Carrera S) และ 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับเวอร์ชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อในรุ่น 4 เอส (4S)

ราคาจำหน่าย รุ่น Carrera S เริ่มต้นที่ 12,150,000 บาท และรุ่น Carrera 4S เริ่มต้นที่ 12,850,000 บาท

Suzuki Jimmy

Suzuki Jimmy

เป็นอีกหนึ่งรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อขนาดเล็กที่มีกระแสแรงมากๆ ในงานนี้ เรียกได้ว่าเปิดตัวเพียงวันเดียวสามารถโกยยอดจองจนหมดโควต้า แม้ค่าตัวแบบนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นจะสูงกว่า 1.5 ล้านก็ตาม

All New Suzuki Jimny ถูกพัฒนาและออกแบบภายใต้ Jimny DNA ที่มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นเฉพาะตัวต่อเนื่องยาวนานมาเกือบ 50 ปี จากรุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งมาถึง All New Suzuki Jimny รุ่นล่าสุดนี้นับเป็น Generation ที่ 4 ที่เป็น Authentic 4WD พร้อมใช้งานในทุกสภาพการขับขี่และภูมิประเทศที่หลากหลาย ตอบโจทย์การใช้งาน ‘อย่างมืออาชีพ’ ด้วยดีไซน์ภายนอก ที่มีความโดดเด่นสะดุดตา ด้วยกระจังหน้าเข้ากับฝากระโปรงหน้าทรงเหลี่ยมสไตล์ออฟโรด ไฟหน้า LED ทรงกลมทันสมัยสะดุดตา พร้อมระบบทำความสะอาดไฟหน้า ไฟท้ายแบบ LED ซุ้มล้อสีดำรอบคัน กระจกมองข้างดีไซน์พิเศษ ปรับพับอัตโนมัติ ห้องโดยสารใช้วัสดุคุณภาพสูงและทนทาน

Suzuki Jimmy

ทันสมัยด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Segment Display แสดงข้อมูลชัดเจน พร้อม Suzuki Smart Connect ที่เชื่อมต่อแบบไร้สายกับโลกดิจิตอล พร้อมระบบนำทางอัจฉริยะ รองรับ Apple CarPlay มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแสดงฟังก์ชันการทำงานบนจอ LCD

Suzuki Jimmy

All New Suzuki Jimny มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ สมรรถนะสูงและประหยัดน้ำมัน มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ALLGRIP PRO และ Low Transfer Gear ที่สามารถปรับการทำงานระหว่างระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและ 2 ล้อได้อย่างง่ายดาย มาพร้อมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control และยังขับขี่คล่องตัวด้วยรัศมีวงเลี้ยว 4.9 เมตร

All New Suzuki Jimny มีสีให้เลือกทั้งหมด 7 สี แบ่งเป็น สีโมโนโทน คือ สีขาว สีดำ สีเทา และสีเขียว พร้อมกับสีทูโทน คือ สี Solid Kinetic Yellow with Pearl Bluish Black สี Metallic Brisk Blue with Pearl Bluish Black และ สี Metallic Chiffon Ivory with Pearl Bluish Black ราคาค่าตัว รุ่นเกียร์ธรรมดา 1,550,000 บาท และรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 1,650,000 บาท

Toyota GR Supra

Toyota GR Supra

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย งานนี้นอกจากจะมี Toyota Camry ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปไม่นานและได้รับความนิยมมาจัดแสดงในงานแล้ว ยังมีสุดยอดรถสปอร์ตในตำนานอย่าง Toyota Supra มาให้ได้ชมกันอีกด้วย

Toyota GR Supra รถสปอร์ตในตำนานที่ทุกคนรอคอย ซึ่งมาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบของสมรรถนะ และดีไซน์สปอร์ตในทุกมิติ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้าง“ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า” (Ever-Better Cars) ซึ่ง GR Supra ได้ถูกพัฒนาภายใต้แบรนด์ “Toyota Gazoo Racing” โดยใช้ความเชี่ยวชาญในการออกแบบรถยนต์ ภายใต้แนวคิดของการพัฒนารถยนต์จากสนามแข่งสู่ท้องถนน (From Circuit To Road) ซึ่งประสบความสำเร็จจากรายการแข่งขันที่สำคัญของโลก อาทิเช่น FIA World Rally Championship (WRC) ในปี 2018 และการแข่งขัน Le Mans 24 ชม.

Toyota GR Supra

Toyota GR Supra มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 3.0L 6 สูบแถวเรียง เทอร์โบชาร์จ ให้กำลัง 340 แรงม้า และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.3 วินาที ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมด้วยเทคโนโลยีจากสนามแข่ง สะท้อนถึงจิตวิญญาณของรถแข่งได้อย่างแท้จริง งานนี้ถึงแม้จะไม่มีการเปิดเผยราคาค่าตัวของเจ้า Supra คันนี้แต่อย่างใด แต่ก็สามารถดึงดูดสายตาและสร้างความสนใจให้คนหลั่งไหลเข้าบูธโตโยต้าได้ไม่น้อย

และทั้งหมดนี้คือ Motor Show 2019 ในส่วนของรถยนต์ที่เราเอามาฝากกัน ในส่วนของมอเตอร์ไซค์สามารถคลิกชมได้ที่ ไฮไลท์ Motor Show 2019 มอเตอร์ไซค์ คันไหนมาแรง ใครเล็งคันไหนไว้อย่าลืมลองหาโปรโมชั่นดีๆ และอย่าลืมเช็ครายการของแถมที่ควรเลือก และไม่ควรเลือก เมื่อซื้อรถยนต์ใหม่ เพื่อประโยชน์ของตัวเอง หรือถ้ามองหาประกันรถก็ลองโทรปรึกษาเรา โทร 02-582-8888 หรือเช็คราคาด้วยตัวเองได้ ที่ www.roojai.com