ถ้ารถไฟฟ้า 100% มาพร้อมกับการรับประกันถึง 4 ปีหรือ 120,000 กิโลเมตรที่ตัวรถ ประกันที่ตัวแบตเตอรี่ขับเคลื่อนยาว 8 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตร ฟรีที่ชาร์จพร้อมติดตั้งให้ถึงบ้าน ที่สำคัญ “ราคาไม่ถึงล้าน” คุณจะซื้อมั้ย? ความเร้าใจของข้อเสนอพวกนี้พอที่จะทำให้คุณอยากลองเป็นเจ้าของขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มระบบได้หรือเปล่า สิ่งที่ว่ามาทั้งหมดมีอยู่ใน MG EP รถทรง Wagon พลังขับเคลื่อน EV คันนี้
รู้หรือไม่ว่ากระแสของรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามาแรงจริง ๆ โดยเฉพาะฝั่งยุโรปก็มีหลายค่ายวางแผนที่จะเลิกผลิตรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปกันไปหลายแบรนด์ แล้วไปมุ่งหน้าพัฒนารถที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างจริงจัง มีนำเข้ามาขายในบ้านเราหลายรุ่นเช่นกัน ทว่ามันติดอยู่เรื่องสำคัญนั่นก็คือ “ราคาขาย” ที่แพงหูฉี่ จนทำให้หลายคนไม่กล้าลองดีซื้อมาขับ เพราะสะกิดใจอยู่เรื่องเดียว ว่าเมื่อจ่ายค่ารถแพงกว่าไปแล้ว จะต้องมานั่งกังวลกับปัญหาการใช้งานเพราะระบบขับเคลื่อนแบบใหม่นี้
รถ MG EP เปิดตัวที่ราคาเพียง 988,000 บาท
เป็นค่ายลูกครึ่งอังกฤษ-จีนที่ “กล้ามาก” กล้าเปิดตลาดรถไฟฟ้ามาในหลายรุ่น เริ่มตั้งแต่ MG ZS ที่เปิดตัวรุ่นย่อยเพิ่มเป็นทางเลือกกับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มระบบ เช่นเดียวกับอีกรุ่นที่ตามมาและทำยอดขายใช่ย่อยอย่าง MG HS PHEV รถไฮบริดหรูมีปลั๊กชาร์จทำงานร่วมกับเครื่องยนต์
จนมาถึงคันนี้ที่เป็นรถ EV เต็มระบบอย่างคันนี้ MG EP ที่หลังจากสองรุ่นก่อนหน้าเปิดตัวมาแล้วได้รับกระแสตอบรับดี ทางค่ายก็เลยอยากลองเปิดตัวรุ่นรถที่ไม่ใช่ SUV Crossover บ้าง แต่มาในทรงเก๋ง Wagon 5 ประตู เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในบ้านเรา เปิดทางเลือกให้ผู้ที่อยากจะลองสัมผัสรถไฟฟ้าดูบ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องควักเงิน 3-4 ล้าน เพราะรถ MG EP ว้าวกว่า! คันนี้จ่ายไม่ถึงล้าน ราคาอยู่ที่ 988,000 บาทเท่านั้น รายละเอียดจะน่าสนใจแค่ไหน Roojai.com จะเล่าให้ฟัง
ดีไซน์เรียบง่ายเน้นใช้งานสำหรับครอบครัว
ต้องยอมรับว่าจุดขายหลักของ MG EP รถ EV คันนี้ก็คือระบบขับเคลื่อนที่เป็นไฟฟ้า ภายใต้รูปทรง Station Wagon ก็พอจะเดากันออกว่ากลุ่มลูกค้าของรถรุ่นนี้คือต้องการเจาะไปที่รถครอบครัวเป็นสำคัญ เน้นการใช้งานบนฟังก์ชั่นมาตรฐาน ความคุ้มค่าในการใช้งานทั้งเรื่องตัวราคารถและค่าบำรุงรักษา ทำให้กลับกันจนความโฉบเฉี่ยวตามกระแสของรถยุคนี้อาจไม่เทียบเท่ากับหลาย ๆ รุ่นในตลาด
MG EP ถูกออกแบบมาในดีไซน์เรียบง่าย กระจังหน้าปิดสนิทไม่มีรูระบายอากาศเหมือนรถทั่วไป ปิดด้วยสีดำเงา Piano Black คาดด้วยโครเมี่ยมดูหรูหรา ใต้โลโก้ รถ MG ซ่อนช่องเสียบชาร์จไฟ ขนาบข้างด้วยไฟหน้าแบบ ไฟหน้า Projector Lens พร้อมไฟวิ่งกลางวัน DRL มาพร้อมระบบเปิดปิดไฟอัตโนมัติ ประกบคู่กับกันชนหน้าทรงทันสมัยไม่ขี้เหร่ ถือว่าสวยใช้ได้เลย
เส้นสายด้านข้างดูดี มีการเพิ่มมิติด้วยเส้นตัดยาวทั้งคันตั้งแต่ไฟหน้าจรดถึงไฟท้าย ไฟท้ายให้มาแบบ LED ดีไซน์สวยอารมณ์เดียวกับ MG HS ฝาท้ายดีไซน์โค้งมนสวยงาม ดูไม่หลุดจากด้านหน้า พร้อมสปอยเลอร์หลังและไฟเบรกวงที่สาม เรียกได้ว่า “มาครบ” สวยลงตัวแม้จะมาในรูปแบบรถของ Station Wagon ก็ตาม
รถ MG EP ภายในหรู ดูดีทันสมัย เน้นจุเยอะแถมฟังก์ชั่นครบ
ขึ้นชื่อว่าเป็นรถครอบครัว รถ Wagon 5 ประตู แน่นอนว่าเรื่องความจุที่ด้านหลังต้องมากกว่าเก๋งทั่วไป และทาง MG ก็เคลมมาด้วยว่าด้านหลังที่จุสัมภาระนั้นจุได้กว่า 1,456 ลิตรเลยทีเดียว แม้จะพับเบาะหลังที่เป็นแบบ 40:60 แล้วไม่ราบเรียบไปเป็นส่วนเดียวแถมต้องมีที่ไว้ซ่อนแบตเตอรี่ก็ตาม เรื่องการเก็บของในรถคันนี้บอกเลยว่า “ไว้ใจได้” สามารถตอบโจทย์คนหารถสำหรับครอบครัวได้ทุกมิติ
การออกแบบภายในแม้จะดูเรียบง่าย แต่ดูดีขึ้นได้ด้วยวัสดุตกแต่งที่นำมาใช้ มีการบุนุ่มที่ส่วนของแผงประตูและพวงมาลัย ตัวเบาะเป็นหนัง ใช้โทนสีดำเป็นการตกแต่งหลักตัดกับพวกสีเงินจากวัสดุ ที่เด่นคือมาตรวัดแบบดิจิทัล หน้าจอแบบสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 8 นิ้วที่รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay, Andriod Auto พร้อมปุ่มควบคุมผ่านพวงมาลัย และฟังก์ชั่นช่วยเอื้อความสะดวกสบายและความปลอดภัยต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น
- กระจกหน้าต่างไฟฟ้า ขึ้น-ลง อัตโนมัติ One Touch ฝั่งคนขับ
- ปุ่มปรับเปลี่ยนเกียร์แบบหมุน
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
- เบรกมือไฟฟ้า EPB
- Auto Vehicle Hold
- ปุ่มสตาร์ทระบบขับเคลื่อน
- กุญแจรีโมท Immobilizer (ไม่ได้เป็นแบบ Keyless)
- ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- กล้องมองภาพขณะถอยจอดพร้อมเซนเซอร์เตือนช่วยจอดด้านหลัง
ขุมกำลัง EV 100% แบตฯ เต็มวิ่งได้ยาว ๆ 380 กิโลเมตร
มาถึงจุดเด่นของรถ MG EP คันนี้ ว่าด้วยส่วนของขุมกำลังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้านั้น ให้กำลังมาอยู่ที่ 163 แรงม้า ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ความจุที่ 50.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง เป็นแบตฯ แบบลิเธียมไอออนโมดูลแยก สามารถซ่อมแต่ละโมดูลได้ ช่วยตัดความกังวลในเรื่อง ค่าใช้จ่ายตอนบำรุงรักษา ชาร์จเต็มวิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตร ผ่านรูปแบบการชาร์จที่เป็นแบบชาร์จปกติ Normal Charge 0-100% ใช้เวลา 7.15 ชั่วโมง และมี Quick Charge ด้วย 0-80% ในเวลาแค่ 40 นาที มาพร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 รูปแบบ
- Eco
- Normal
- Sport
และที่สำคัญตัวรถยังสามารถชาร์จไฟกลับไปที่แบตเตอรี่ได้เมื่อรถชะลอความเร็วอีกด้วย ซึ่งถ้ามองในเรื่องความคุ้มค่านอกจากราคาเร้า ๆ ไม่ถึงล้านบาทไทยแล้ว ไม่ต้องใช้น้ำมันเปลี่ยนมาเป็นชาร์จไฟแบตฯ เต็มแค่ 200 บาทต่อครั้ง ทางค่ายยังเคลมอีกว่าในตลอด 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร ซื้อรถ MG EP คันนี้ไปคุณจะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถแค่เพียง 7,828 บาทเท่านั้น
ซื้อรถไปทางค่ายจะให้ Warranty 4 ปีหรือ 120,000 กิโลเมตร ส่วนในเรื่องของแบตฯ MG รับประกันให้ยาวไปอีกถึง 8 ปีหรือ 180,000 กิโลเมตร แถมที่ชาร์จให้ไปติดที่บ้านอีกชุดกว่า 45,000 บาท พร้อมฟรีค่าติดตั้งอีก 20,000 บาท ทั้งหมดนี้คุณจะได้รับไปเมื่อเป็นเจ้าของ MG EP ที่ราคา 988,000 บาท
น่าสนใจเลยใช่มั้ยละ! สำหรับใครที่มองหารถใช้งานสำหรับครอบครัว เน้นประหยัดหมดห่วงเรื่องค่าน้ำมัน ประหยัดเรื่องค่าเชื้อเพลิงไปได้เป็นกอง การันตียาว ๆ จากแบรนด์ คือแบบว่าแทบจะหมดห่วงเรื่องค่าบำรุงรักษาตัวรถหรือค่าใช้จ่ายที่มาจากตัวรถได้เลย รถ MG EP นี่แหละน่าสนใจมากสำหรับใครที่อยากสัมผัสเทคโนโลยีรถไฟฟ้า 100% เป็นคันแรก