ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา กระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นที่พูดถึงอย่างมาก บวกกับรัฐบาลไทยในยุคปัจจุบันประกาศนโยบายให้ไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน ก็ทำให้พอมองเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ว่าในอนาคตอันใกล้เป็นไปได้ที่รถไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอร์รี่จะถูกนำมาใช้งานงานจริงในประเทศไทย โดยเฉพาะในเขต กทม.และในตัวเมืองหลักของต่างจังหวัด แต่ในปัจจุบันพบว่าปัจจัยที่เป็นตัวแปรต่อหลายๆ บริษัทรถยนต์รายใหญ่ ที่ยังไม่กล้าทำการตลาดในไทยแบบเต็มตัว โดยมากเน้นจำหน่ายเฉพาะยานยนต์ในรูปแบบไฮบริดจ์ ด้วยเพราะยังคงกังวลเรื่องแหล่งชาร์จไฟสาธารณะ เนื่องจากภาครัฐยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนสักเท่าไรนัก
สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) ถือเป็นความหวังสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยคุณสมบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งแน่นอนว่าสามารถลดปริมาณการปล่อยมลพิษหรือการปล่อยไอเสียจากรถยนต์ในท้องถนน ลดภาวะโลกร้อนและไร้มลพิษทางเสียง นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง โดยข้อมูลจากองค์การพลังงานนานาชาติ (International Energy Agency: IEA) ระบุว่ารัฐบาลในหลายประเทศมีการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกในปี ค.ศ. 2012 มีถึง 113,000 คัน และมีการประมาณการกันว่าในปี ค.ศ. 2020 ทั่วโลกจะมีรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกประมาณ 20 ล้านคัน โดยประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มีการใช้สูงที่สุดในโลก
ตามที่กล่าวมาข้างต้น พบว่าในประเทศไทยหลายค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ยังเน้นทำตลาดยานยนต์ในกลุ่มไฮบริด เพราะด้วยหลายปัจจัยจากภาครัฐที่ยังสร้างความไม่แน่ชัดให้กับการลงทุน อย่างไรก็ตามยังมีหลายบริษัทให้ความสำคัญและกล้าที่จะลงทุนสำหรับดำเนินธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้าล้วน
หนึ่งในนั้นคือ บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ Energy Absolute (EA) ที่เดินหน้าเข้าสู่อนาคตไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จากฝีมือการออกแบบและพัฒนาของทีม R&D จนกระทั่งได้จัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ MINE Mobility Research Co., Ltd. เพื่อทำการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าตลอดจนฟังกชันต่างๆ ให้สอดรับกับความต้องการของผู้ใช้งาน ก่อนที่จะเริ่มผลิตและจัดจำหน่าย MINE Mobility รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทยในเครือ EA ออกสู่ท้องตลาด
โดยในงาน บางกอก มอเตอร์โชว์ 2018 ที่ผ่านมา MINE Mobility นำรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบสัญชาติไทย ที่พัฒนาโดยทีมคนไทยอย่างแท้จริง มาร่วมแสดงในงานดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น City EV Concept รุ่น Sport EV Concept และรุ่น MPV EV- Concept เพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ทุกกลุ่ม ทุกวัย ทั้งยังเป็น Full EV หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบทั้ง 3 รุ่น
ที่สำคัญยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของ MINE Mobility ถูกพัฒนาและผลิตขึ้นด้วยฝีมือคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นตั้งแต่ศูนย์จนมาเป็นรถคันนี้คนไทยทำทั้งสิ้น รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทุกคนรู้ดีว่าเป็นพลังงานสะอาด ไร้มลพิษ แต่สิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือมันประหยัดพลังงาน เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันนับว่าประหยัดกว่าอย่างน้อย 3 เท่า ที่สำคัญนี่คือรถยนต์ไฟฟ้าที่บริษัทใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ของตัวเอง และผ่านการรับรองแล้วว่าจะไม่ติดไฟ ทำให้มีความปลอดภัยในการขับขี่สูงขึ้น
ปัจจุบันมีสถานีชาร์จติดตั้งแล้วเสร็จไปกว่า 100 จุด โดยหลังจากมีพันธมิตรมากขึ้น EA เดินหน้าทำเกมรุกเต็มที่ ส่ง EAAnywhere นำทัพ จับมือกับพันธมิตรเปิดตัวให้บริการสถานีชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าตลอดเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน กว่า 380 กิโลเมตร เป็นรายแรกในประเทศไทย ก่อนขยายจุดการให้บริการทั่วประเทศ 1,000 สถานี ภายในสิ้นปี 2561 โดยทางบริษัทตั้งใจจะทำรถที่คนไทยสามารถเข้าถึงได้ โดยรถรุ่น City EV Concept และรุ่น MPV EV- Concept คาดว่าจะมีราคาไม่เกิน 6 แสนบาท และ 1 ล้านบาทตามลำดับ แม้ราคาจะไม่ได้แตกต่างจากรถป็นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน แต่ประหยัดกว่าในระยะยาว โดยเมื่อคำนวณค่าเชื้อเพลิงตามระยะทางการวิ่งต่อกิโลเมตรจะพบว่าถูกกว่ารถที่ใช้น้ำมัน 5-10 เท่าแล้วแต่รุ่น
คงเป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินเอื้อม ที่เราจะเห็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นพาหนะที่สัญจรอยู่บนท้องถนนเมืองไทยครับ
สุดท้ายก็อย่าลืมเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทาง ด้วยประกันรถที่รู้ใจคุณที่สุด กับ Roojai.com ประกันรถออนไลน์ พร้อมบริการคุณตลอดเวลา เช็คเบี้ยออนไลน์ได้ราคาทันทีผ่านเว็บไซต์ กับราคาที่แฟร์กว่า คำนวณตามลักษณะการขับขี่ของคุณโดยเฉพาะ สามารถเคลมสบายผ่านแอป ถึงไวใน 30 นาที ผ่อนนานสูงสุดถึง 10 งวด ไม่บล็อควงเงินบัตรเครดิต หรือเลือกผ่อนผ่านบัตรเดบิตได้ พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินกรณีรถเสียกลางทางตลอด 24 ชั่วโมง
เครดิตรูป : www.facebook.com/MINEmobility
