เมื่อตลาด Crossover ในประเทศไทยเปิดกว้าง รถค่ายต่าง ๆ พากันทยอยเข็นโมเดลที่ตัวเองมีอยู่ในมือมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำยอดขายไม่แพ้รถเก๋ง รวมไปถึงค่ายใหม่แต่ยักษ์ใหญ่ในตลาดโลกอย่าง GWM หรือ Great Wall Motor ที่ใกล้คลอดกำลังจะเปิดตัวแบรนด์ ทำตลาดในบ้านเราเป็นครั้งแรก พร้อมกับแนะนำ All New HAVAL H6 รุ่นปฐมฤกษ์ที่หลาย ๆ คนน่าจะเคยผ่านตากันมาแล้วไม่มากก็น้อย และเตรียมเปิดราคาจำหน่ายในช่วยไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
รถ SUV คันนี้ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เป็นรถที่ขายดีต่อเนื่องถึง 8 ปีติดต่อกันในจีน ยอดขายกว่า 4 แสนคันในปี 2020 คู่แข่งโดยตรงกับ Honda CR-V, Mazda CX-5, MG HS และ Mitsubishi Outlander ซึ่งโฉมที่นำมา เปิดตัวในไทย นั้นเป็นโมเดลที่ 3 ของรุ่นแล้ว
ภายใต้แบรนด์ HAVAL ในเครือ GWM กับรูปลักษณ์ที่ทำให้ทุกคนหลงมนต์สะกด ผู้ซื้อหลายคนต่างสนใจ แม้จะเป็นรถใหม่ แบรนด์ใหม่ แต่ด้วยชื่อชั้นความเป็นเบอร์ 1 ในตลาดจีน ก็พอทำให้มองข้ามความเป็นหน้าใหม่ในตลาดเมืองไทยได้เหมือนกัน รถคันนี้มีความน่าสนใจอย่างไร วันนี้ รู้ใจจะพาไปเจาะลึกกัน ตามมาเลย
ดีไซน์ภายนอกของ GWM “All New HAVAL H6”
HAVAL H6 ไม่เพียงแค่ออกมาเป็นรถ SUV ธรรมดา ๆ เพิ่มตัวเลือกเน้นราคาถูกเหมือนรถจากแบรนด์จีนทั่วไป แต่รถคันนี้จะเข้ามาฉีกทุกคำสบประมาท และให้คุณได้ทำความรู้จักกับคำว่า “พรีเมี่ยม” อย่างแท้จริง ดีไซน์ภายนอกเริ่มจากด้านหน้าโครเมี่ยมขนาดใหญ่ วาดเส้นสายตัดไปมาแตกต่างอย่างน่าสนใจ ขนาบข้างด้วยไฟหน้าบางเฉียบทั้งสองข้าง ซึ่งให้อารมณ์ในความเป็น Mazda CX-5 อยู่นิด ๆ แค่เพิ่มเหลี่ยมสันขึ้นมาเล็กน้อย
มองมาที่ด้านข้าง การออกแบบเน้นความเรียบง่าย แต่หนึ่งสิ่งที่คุณจะสัมผัสได้ก็คือ เรื่องของความใหญ่ในตัวรถ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าหลังคาสูงมาก ยิ่งผนวกกับความหนาของสัดส่วนประตูยิ่งดูเหมือนรถจะใหญ่โตไม่น้อยเลย แซมการตกแต่งด้วยวัสดุโครเมี่ยมเล็กน้อยที่รอบบานกระจกและชายล่างของประตู
ที่ด้านหลังต้องนับว่าเป็นอีกจุดไฮไลท์ก็ว่าได้ในรถคันนี้ ด้วยจุดเด่นของไฟท้ายแนวยาวต่อเนื่องจากซ้ายไปขวา ให้อารมณ์รถ SUV สไตล์ยุโรปแบบเต็มขั้น พร้อมเติมเต็มความลงตัวด้วยวัสดุโครเมี่ยมที่ด้านล่างอีกนิดหน่อย เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ H6 คันนี้โดดเด่นสะดุดตากว่าใครบนท้องถนน ไม่น้อยหน้าเจ้าไหนแล้ว เราไปดูรายละเอียดขนาดตัวถังของรถคันนี้ เทียบกับเจ้าตลาดอย่าง Honda CR-V ไปเลยดีกว่า ว่าจะแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
มิติตัวรถ HAVAL H6 เทียบกับ Honda CR-V
• H6: ยาว 4,610 มิลลิเมตร, CR-V: ยาว 4,571 มิลลิเมตร
• H6: กว้าง 1,860 มิลลิเมตร, CR-V: กว้าง 1,855 มิลลิเมตร
• H6: สูง 1,720 มิลลิเมตร, CR-V: สูง 1,679 มิลลิเมตร
• H6: ระยะฐานล้อ 2,690 มิลลิเมตร, CR-V: ระยะฐานล้อ 2,662 มิลลิเมตร
ต้องบอกว่าใหญ่จริง ๆ เพราะเมื่อเทียบกันระหว่าง HAVAL H6 กับ Honda CR-V จะเห็นว่า ไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่เห็นเท่านั้นว่ารถคันนี้มีขนาดใหญ่ แต่เมื่อดูละเอียดที่เรื่องตัวเลข HAVAL H6 มากับขนาดตัวที่ใหญ่กว่าในทุกสัดส่วน ซึ่งนั่นหมายความถึงข้อดีในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารด้วย
“พรีเมี่ยม” ทั้งงานดีไซน์ และวัสดุที่ให้มาภายในห้องโดยสาร
การโชว์ตัวของรถจากค่ายนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดในเรื่องดีไซน์ ไม่จำเป็นว่าการออกแบบล้ำ ๆ จะต้องอยู่ในกรอบของรถต้นแบบเท่านั้น เพราะ HAVAL SUV คันนี้สามารถมอบให้ผู้ใช้ได้เลย จอแสดงผลต่าง ๆ เป็นเหมือนจอแท็ปเล็ตมาวางไว้ (Floating) ให้อารมณ์รถแห่งอนาคตอย่างแท้จริง ดูลงตัวกับการออกแบบคอนโซลหน้าและแผงประตู และฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมาย ที่สื่อได้ถึงความเป็นพรีเมี่ยม SUV อย่างแท้จริง
• หลังคากระจก Panoramic Sunroof
• เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังคุณภาพสูงและคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า
• หน้าจอมาตรวัด Floating แบบ Full Digital
• หน้าจอกลางขนาดใหญ่เป็นแบบ Touchscreen
• ฟีเจอร์แสดงข้อมูลการขับขี่ที่กระจกบังลมหน้า Head-up Display
• ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone
• ช่องแอร์ด้านหลัง
ขุมกำลังไฮบริดและฟีเจอร์การขับขี่อัตโนมัติ L2
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของรถคันนี้คือ มาพร้อมกับขุมกำลังแบบไฮบริด ซึ่งทำงานร่วมระหว่างเครื่องยนต์ขนาด 1.5L เทอร์โบ และมอเตอร์ไฟฟ้า สุทธิกำลังได้อยู่ที่ 243 แรงม้า พร้อมแรงบิดเหลือ ๆ ถึง 530 Nm คำว่าเทคโนโลยียังมีอยู่ในโหมดการขับขี่ต่าง ๆ ที่ให้มาในรถคันนี้ด้วย
โหมดการขับขี่ใน HAVAL H6 Hybrid มีมาให้เลือก 4 รูปแบบได้แก่
• Normal Mode (มาตรฐาน)
• Eco Mode (ประหยัด)
• Sport Mode (สปอร์ต)
• Wet Mode (ถนนลื่น)
ยังไม่หมด ! รถคันนี้ยังสามารถอัปเกรดซอฟต์แวร์ผ่านระบบออนไลน์ได้ด้วยฟีเจอร์ FOTA และทำงานร่วมกับชิบอัจฉริยะ EYEQ4 ที่ช่วยประมวลผลให้กับกล้องรอบตัวรถ รับข้อมูลจากกล้องรอบคัน 360 องศา และเซนเซอร์แบบ Ultra Sonic
ครั้งแรกกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ เหนือกว่าในคลาสเดียวกัน
กับระบบขับเคลื่อน Level 2 หรือ L2 เป็นครั้งแรกในคลาสกับฟีเจอร์ ความปลอดภัยในการขับขี่ มีพร้อมกับฟีเจอร์ Wisdom Dodge System ที่ระบบจะเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่และรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัย มีระบบช่วยจอดอัตโนมัติมาให้ 3 รูปแบบที่ทำงานผ่านการประมวลของกล้องแบบ 360 องศาและตัวเซ็นเซอร์ Ultra Sonic รอบคัน จะจอดแบบไหนก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
• จอดแบบเข้าช่อง
• จอดแบบขนานเส้นทางเดินรถ
• จอดแบบตามแนวเฉียง
น่าเสียดายที่ตอนนี้ราคาอย่างเป็นทางการยังไม่มีการเผยออกมา แต่แว่ว ๆ ว่า ราคาตัวรถจะอยู่ที่ประมาณ 1.3 ถึง 1.5 ล้านบาท ซึ่งถ้าเป็นตามกระแสข่าวถือว่าเป็นตัวเลขที่ทำให้รถคันนี้น่าสนใจไม่น้อยเลย ตัวรถดีไซน์สวย ล้ำ เครื่องยนต์แรง ๆ แบบไฮบริดที่ประหยัดน้ำมัน พร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยแบบเหนือชั้นที่หลายค่ายยังไม่มีมาให้กับรถ
อย่างไรก็ตามก็คงต้องรอวันเปิดตัวรถอย่างเป็นทางการอีกครั้ง และตัวเลขราคาที่ต้องมาดูว่าจะสร้างความฮือฮาให้กับตลาดมากน้อยแค่ไหน กับแบรนด์ใหม่ที่ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องหนักน่าดูถ้าจะสู้กับผู้นำในตลาดปัจจุบัน แต่ด้วยชื่อชั้นระดับโลกของ GWM ก็น่าสนใจดีว่าตัวเลขยอดขายจะออกมาเป็นอย่างไร ต้องรอติดตามกันยาว ๆ
แต่ที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับรถยนต์ทุกคันที่ควรจะมี คือประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ คุ้มครองไว้ อุ่นใจกว่า ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างสบายใจ ที่รู้ใจ เราให้คุณประหยัดเบี้ยประกันรถยนต์ได้สูงสุดถึง 30% บริการรู้ใจกว่า ประหยัดกว่า เช็คราคาออนไลน์ได้ 24 ชม. แจ้งเคลมประกัน เจ้าหน้าถึงไวใน 30 นาที สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ๆ ของเราได้ทาง FB Fan page: Roojai หรือ คลิก add Official Line ของเราไว้ได้เช่นกัน