จากกรณีฝนตกหนัก ทำให้เกิดเหตุน้ำท่วมขังระดับสูงหลายจุดสำคัญครอบคลุมในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล แน่นอนว่ากระทบต่อการสัญจรไปมาของผู้คนและยานพาหนะ อย่างรถยนต์ที่ได้รับเคราะห์ไปเต็มๆ เช่น โซนลานจอดรถชั้นใต้ดินของคอนโดย่านอารีย์ที่ถูกน้ำท่วมรถเกือบมิดคัน, ถนนวิภาวดี, ถนนอโศกที่กลายเป็นคลอง หรือแม้แต่สยามสแควร์ แหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมืองของวัยรุ่น หลายคนตั้งคำถามถึงผลกระทบของน้ำท่วมที่เกิดกับรถสุดรักว่า น้ำท่วมเกือบมิดคันแบบนี้ บริษัทประกันภัยรถยนต์จะจ่ายหรือรับเคลมประกันรถหรือไม่?
สำหรับรู้ใจ หากคุณทำประกันภัยชั้น 1 และ ชั้น 2+ หมดกังวลได้เลย เพราะประกันภัยคุ้มครองภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติอยู่แล้ว โดยรายละเอียดจะระบุไว้ว่า “บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างระยะเวลาประกันภัย อันมีสาเหตุมาจากภัยธรรมชาติต่างๆ ต่อรถยนต์ รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องตกแต่ง หรือสิ่งที่ติดประจำอยู่กับตัวรถยนต์” ซึ่งภัยธรรมชาตินี้จะรวมถึงกรณีน้ำท่วมด้วยเช่นกัน ดังนั้นผู้ที่ทำประกันภัยชั้น 1 และ ชั้น 2+ กับรู้ใจ อุ่นใจได้เพราะประกันภัยรถยนต์คุ้มครองให้แน่นอน โดยจำนวนเงินที่ชดเชยให้นั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนทุนประกันที่เราได้ทำไว้ ส่วนผู้ที่ประกันชั้นอื่นๆ ได้แก่ ชั้น 3+,2,และ 3 ประกันภัยจะรับเคลมหรือไม่ กรณีนี้ตอบได้เลยว่า ไม่รับ ยกเว้นว่าลูกค้าได้ทำประกันภัยในส่วนคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มเติมไว้
วิธีรับมือเมื่อรถโดนน้ำท่วม
1. ตั้งสติให้มั่นเป็นอย่างเเรก คิดเสียว่า “ทุกปัญหาย่อมมีทางออก” รีบโทรหาประกันทันที
2. กรณีขับลุยน้ำ ให้พยายามหาที่สูงที่สุดเพื่อจอดรถแล้ว ดับเครื่องยนต์ อย่าขับลุยน้ำไปเด็ดขาด ให้จอดรถทิ้งไว้บนพื้นที่ที่น้ำท่วมน้อยสุด แล้วรีบโทรหาประกันทันที เพื่อจัดรถยกมายกรถไปอู่ซ่อม ถ้าจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำ ให้ปิดแอร์แล้วขับช้าๆ โดยใช้เกียร์ต่ำ อย่าเร่งเครื่องเด็ดขาด
3. กรณีรถจอดไว้ไม่ได้สตาร์ท หากน้ำท่วมเข้าตัวรถ อย่าสตาร์ทรถ และถ้าสามารถทำได้ ให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ออก แล้วรีบโทรหาประกันทันที เพื่อจัดรถยกมายกรถไปอู่ซ่อม
ขั้นตอนการเคลมประกันภัยกรณีน้ำท่วมรถ
1. แจ้งบริษัทประกันภัยโดยเร็วที่สุด เพื่อเรียกใช้บริการรถยก
2. ถ่ายรูปสภาพรถเมื่อโดนน้ำท่วม เพื่อใช้เป็นหลักฐาน หากถ่ายให้เห็นทะเบียนรถได้ยิ่งดี
3. บอกข้อมูลเกี่ยวกับสภาพรถตามจริง กรณีรถวิ่งไม่ได้ให้แจ้งความจำนงขอรถยก ถ้าคุณทำประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ ก็สามารถส่งรูปหรือแจ้งพิกัดผ่านแอปพลิเคชันให้เจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งง่ายและรวดเร็วมากขึ้น
4. เจ้าหน้าที่จะประเมินความเสียหาย แล้วบริษัทประกัยภัยจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ตามเงื่อนไข
กรณีเรียกใช้รถยกเนื่องจากน้ำเข้าตัวรถ รู้ใจพิเศษกว่าใครด้วย
1. บริการรถยก ตามความคุ้มครองของกรมธรรม์ รับผิดชอบไม่เกิน 20% ของค่าซ่อม
2. รถยกทดแทน ตามสิทธิพิเศษของบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. ซึ่งรู้ใจให้สิทธิฟรีสำหรับกรมธรรม์ชั้น 1 ปีละ 1 ครั้ง ดังนั้นไม่ต้องกังวลใจว่าจะต้องจ่ายค่ารถยกเองแต่อย่างใด
ในเรื่องของการประเมินความเสียหายนั้น จะพิจารณาเป็น 2 กรณี คือ
1. เสียหายโดยสิ้นเชิง (Total loss) คือ กรณีที่รถยนต์ของผู้เอาประกัน ไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิมได้ หรือราคาเสนอซ่อม ประเมินมูลค่าความเสียหายเกินกว่าร้อยละ 70 ของทุนประกัน บริษัท จะเสนอคืนทุนประกันและรับโอนซากรถประกันเป็นกรรมสิทธิ์ของประกันภัย
2. เสียหายแค่บางส่วน (Partial loss) คือ การที่ประกันประเมินว่ารถยนต์ที่เอาประกันสามารถซ่อมแซมให้กลับมาอยู่สภาพเดิมได้หรือราคาเสนอซ่อม ประเมินมูลค่าความเสียหายไม่เกินกว่าร้อยละ 70 ของทุนประกัน โดยบริษัทและผู้เอาประกันจะมีการตกลงกันให้มีการซ่อมให้กลับคืนสภาพเดิม หรือตกลงชดใช้เป็นตัวเงินเท่ากับราคาซ่อมที่ประเมิน
อีกคำถามคาใจของคนขับรถในช่วงนี้คือ สตาร์ทรถตอนน้ำท่วมรถไปแล้ว จะได้รับความคุ้มครองจากประกันหรือไม่? ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ได้ออกมากำชับห้ามสตาร์ทรถเมื่อน้ำท่วม เพราะอาจจะทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย และเสี่ยงต่อการไม่ได้รับความคุ้มครอง เพราะบางบริษัทประกันภัยจะไม่คุ้มครอง ถ้าตรวจสอบแล้วว่าผู้เอาประกันมีเจตนาตั้งใจสตาร์ทรถ แต่สำหรับรู้ใจดอทคอมกรณีนี้ ทางรู้ใจอยากให้แจ้งทันทีที่รถโดนน้ำท่วม แนะนำว่าอย่าสตาร์ทรถ แม้ตามหลักการแล้วไม่สามารถปฏิเสธความคุ้มครองได้เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน แต่ถ้ามีเหตุอย่างอื่นประกอบ เช่น ข้อสงสัยที่ต้องตรวจสอบและไม่อยู่ในข่ายความคุ้มครอง ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
เหตุการณ์น้ำท่วมทุกครั้งสร้างความหวั่นวิตกให้ผู้มีรถเป็นอย่างมาก และบางครั้งก็เกิดขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัวแล้วทำให้ข้าวของเสียหายหลายแสน ดังนั้นผู้มีรถควรเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ ด้วยการเลือกทำประกันภัยรถกับ Roojai.com ที่ครอบคลุมความคุ้มครองเรื่องน้ำท่วม เพื่อจะได้ไม่ต้องมามานั่งเสียใจในภายหลัง
