Roojai

ภัยธรรมชาติแบบไหนบ้าง? ที่ประกันรถยนต์ให้ความคุ้มครอง

ความสำคัญของความคุ้มครองภัยธรรมชาติในประกันภัยรถยนต์

ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับปัญหา “น้ำท่วม” หนึ่งในภัยธรรมชาติหลายพื้นที่ และมักจะประสบในทุกปีตามฤดูกาล ภัยธรรมชาติที่คุมไม่ได้และทำให้ทรัพย์สินต่าง ๆ โดยเฉพาะรถยนต์ได้รับความเสียหายหนัก เพื่อแบ่งเบาความกังวลใจ รู้ใจได้รวบรวมความคุ้มครองประกันรถยนต์มาให้ทำความเข้าใจกันในบทความนี้ มีอะไรบ้างตามไปดูกันเลย

ความคุ้มครองภัยธรรมชาติ สำคัญยังไง?

อย่างที่ทุกคนเข้าใจกันดีว่า “ภัยธรรมชาติ “ เป็นผลกระทบจากธรรมชาติในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม พายุฝน ไฟไหม้ น้ำป่า แผ่นดินไหว ดินถล่ม ฯลฯ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ล้วนทำให้ทรัพย์สิน และชีวิตของคนได้รับความเสียหาย เพื่อเป็นการลดแรงกระแทกให้น้อยลง โดยเฉพาะในเรื่องของความเสียหายของทรัพย์สินมูลค่าสูงอย่างรถยนต์ การทำประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองในเรื่องภัยธรรมชาติ จึงถือว่าสำคัญมาก ๆ เพราะเราไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้เลย ว่าภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจะมีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน

ประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนคุ้มครองภัยธรรมชาติบ้าง?

ภัยธรรมชาติเป็นภัยที่ยากเกินจะควบคุม และยังเป็นเหตุการณ์ที่แทบไม่รู้ล่วงหน้าเลย ว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นการทำประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองในส่วนนี้ ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่อุ่นใจอยู่ไม่น้อย ถ้าอย่างนั้นตามไปเช็คประกันกันเลย 

  • ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง คุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติทั้งหมด เช่น น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, ลูกเห็บ, ลมพายุ
  • ประกันภัยรถยนต์ 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง ในกรณีที่เกิดภัยธรรมชาติจะคุ้มครองกรณีไฟไหม้ (ไฟป่า) และน้ำท่วมเท่านั้น
  • ประกันชั้น 2 ชั้น 3 และชั้น 3+จะไม่ได้รับความคุ้มครองในกรณีที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ยกเว้นประกันชั้น 2 ที่คุ้มครองไฟไหม้รถ (ไฟป่า)

ทั้งนี้ หากผู้เอาประกันที่ทำประกันชั้น 3+ / ประกันชั้น 3 และประกันชั้น 2 เอาไว้ แต่อยากได้รับความคุ้มครองประกันรถยนต์จากเหตุภัยธรรมชาติ สามารถซื้อเพิ่มหลังทำประกันได้ ด้วยการขอชำระเบี้ยประกันรถยนต์เพิ่ม เพื่อขยายความคุ้มครองเภทภัยดังกล่าว หรือด้วยการเลือกซื้อแผนประกันภัยอื่น ๆ ตามที่บริษัทประกันภัยกำหนดไว้

รถน้ำท่วม รถเสียหายจากพายุ น้ำป่า ไฟป่า ประกันจ่ายมั้ย?

หนึ่งในประเด็นที่ “ผู้เอาประกัน” ควรทำความเข้าใจไว้ คือ ความคุ้มครองภัยธรรมชาติรูปแบบต่าง ๆ ของประกันภัยรถยนต์ที่ทำไว้ จะให้ความคุ้มครองภัยจากธรรมชาติอะไรบ้าง ตามไปตรวจสอบความคุ้มครองกันเลย

1. ดินโคลนถล่ม

สำหรับคนที่อยู่ในเขตเมือง ถ้าจะพูดถึงดินโคลนหรือภูเขาถล่มคงเป็นเรื่องที่ห่างตัวพอสมควร เพราะเหตุการณ์ภัยธรรมชาติอย่างดินโคลนถล่มจะเกิดขึ้นบ่อยในช่วงหน้าฝน  และจะเกิดเฉพาะบริเวณที่มีดินโคลนเยอะหรืออยู่ใกล้ภูเขาเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเขตต่างจังหวัดนั่นเอง ซึ่งการที่ขับรถไปต่างจังหวัดบ่อยๆ หรืออาศัยอยู่ในเขตที่เคยมีดินโคลมถล่มมาก่อน  การทำประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองภัยธรรมชาติด้วย จะช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา จะได้ไม่เจ็บตัวเสียเงินมากกว่าที่จำเป็น

รถน้ำท่วม เคลมประกันได้มั้ย รู้ใจมีคำตอบ

2. น้ำท่วมหรืออุทกภัย

อุทกภัยหรือ “น้ำท่วม” เป็นภัยธรรมชาติที่พบเจอได้บ่อย เพราะทุก ๆ ปีจะเกิดฝนตกน้ำท่วม ซึ่งเป็นเหตุให้รถยนต์จมน้ำเป็นจำนวนมาก เกิดความเสียหายตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงหนักมาก หากทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็ถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ เพราะให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด

หรือประกันชั้น 2+ ก็ให้ความคุ้มครองน้ำท่วมด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเคลมความเสียหายที่เกิดขึ้น ไปจนถึงค่ารักษาพยาบาล และค่าประกันอุบัติเหตุ

3. ไฟไหม้หรืออัคคีภัย

อัคคีภัยหรือไฟไหม้ ซึ่งความเสียหายของรถเกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่าที่เกิดจากความแห้งแล้งของธรรมชาติ อย่างเหตุการณ์ที่ฟ้าผ่าลงใส่ต้นไม้หรือกิ่งไม้เสียดสีกันทำให้เกิดไฟไหม้ ซึ่งประกันที่คุ้มครองรถไฟไหม้คือ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันชั้น 2 และ 2+ ซึ่งจะช่วยลดลดค่าใช้จ่ายจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ไฟไหม้รถ ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันรถยนต์

4. พายุหรือวาตภัย

วาตภัย หรือลมพายุที่หอบลม ฝน และลูกเห็บตกใส่รถ ทำให้ทรัพย์สินต่าง ๆ ได้รับความเสียหาย ซึ่งแน่นอนว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 จะได้รับความคุ้มครอง รวมถึงค่ารักษาพยาบาล ประกันอุบัติเหตุด้วย ในขณะที่ประกันชั้นอื่นจะไม่คุ้มครอง

ลูกเห็บตกใส่รถ ประกันชั้นไหนที่ให้ความคุ้มครอง รู้ใจมีคำตอบ

5. แผ่นดินไหว

การเกิดแผ่นดินไหวในไทยมีความเป็นไปได้น้อยมาก เนื่องจากพื้นที่ของประเทศเราไม่ได้อยู่ในเขตรอยเลื่อนพาดผ่านที่มีพลังมากจนทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้บ่อยครั้งอย่างประเทศญี่ปุ่น แต่ก็ยังมีบางพื้นในหลายจังหวัดที่อยู่ในเขตรอยเลื่อนที่ยังมีพลัง นั่นหมายถึงมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวได้ในระดับที่ไม่รุนแรงมากนัก แต่ถ้าหากต้นทางของแผ่นดินไหวเกิดจากประเทศเพื่อนบ้าน อาจทำให้พื้นที่ที่มีรอยเลื่อนได้รับผลกระทบไปด้วย อาจมีแรงสั่นสะเทือนจนทำให้รู้สึกสั่น ๆ จนรถที่จอดอยู่ไหลได้ การทำประกันชั้น 1 เพื่อคุ้มครองด้านภัยธรรมชาติ จะเป็นการเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า โดยผู้เอาประกันจะได้รับการดูแลทั้งชีวิต และทรัพย์สิน ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

6. อุกกาบาต

หรือเศษซากอวกาศจากนอกโลกที่พุ่งเข้าใส่รถยนต์จนได้รับความเสียหาย แบบนี้ในมุมมองของ “ประกันรถยนต์”  จะถือว่าเป็นภัยธรรมชาติด้วยเช่นกัน แม้โอกาสจะเกิดในประเทศไทยเกือบเป็น 0 (ศูนย์) แต่ประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็ครอบคลุมความเสียหายจากเหตุภัยนี้ด้วย

ประกันภัยรถยนต์แบบไหนบ้างที่คุ้มครองภัยธรรมชาติ รู้ใจมีคำตอบ

สรุปได้ง่ายๆ ว่า ประกันรถชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองภัยธรรมชาติทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ ในขณะที่ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองแค่กรณีรถน้ำท่วมเท่านั้น การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เอาไว้ จึงช่วยให้อุ่นใจมากกว่า แต่ทว่าประกันแต่ละประเภทล้วนมี “เงื่อนไขความคุ้มครอง” ต่างกัน แนะนำให้เช็คประกันให้ดีก่อนว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง รวมถึงประกันภัยรถยนต์ 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง เพื่อความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด

เหตุการณ์น้ำท่วมเชียงรายที่ผ่านมา ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองยังไง?

ตัวอย่างเหตุการณ์ภัยธรรมชาติน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ ในระหว่างวันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2567 ยิงยาวไปจนถึง 19 กันยายน พ.ศ.2567 จังหวัดเชียงราย และจังหวัดหนองคาย ทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจำนวนมาก โดยเฉพาะ “รถยนต์” เพราะมีรถหลายคันที่จอดไว้ บางคันก็ท่วม บางคันก็ไหลไปตามน้ำ เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้กำหนด “เกณฑ์มาตรฐาน” ให้บริษัทประกันภัยต้องใช้พิจารณาจ่ายค่าซ่อมรถถูกน้ำท่วม 5 ระดับ ดังนี้

  • ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์: ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท
  • ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง: ประเมินค่าซ่อม 15,000-20,000 บาท
  • ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า: ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท
  • ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า: ประเมินค่าซ่อม เริ่มต้นที่ 30,000 บาทขึ้นไป
  • ระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคัน: บริษัทประกันภัยจะคืนทุนประกันภัยให้กับผู้เอาประกัน หรือผู้รับประโยชน์
น้ำท่วม โคลนเข้ารถ ประกันรถคุ้มครองหรือไม่ รู้ใจมีคำตอบ

นอกจากนี้ คณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้ช่วยเลขาธิการ สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงาน คปภ. เปิดเผยว่า “มันไม่ใช่กฎหมาย เป็นเกณฑ์ขอความร่วมมือ แต่เชื่อว่าทุกบริษัทจะใช้เกณฑ์นี้ เพราะเราได้เชิญสมาคมประกันวินาศภัยไทย มาร่วมประชุมที่สำนักงาน คปภ.แล้วว่าใช้เกณฑ์นี้” และ “แล้วสำนักงาน คปภ. ได้มีหนังสือถึงสมาคมฯ ให้รวบรวมรายการความเสียหายรถที่น้ำท่วมของทุกบริษัท รายงานต่อสำนักงาน คปภ.ด้วย เพื่อให้ตรวจสอบว่า สิ่งที่เรามีมาตรการร่วมกันออกไป ได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง ไม่ใช่แค่พูดเฉย ๆ พูดแล้วเราก็ให้บริษัทรายงานมา เราก็จะไปตรวจสอบด้วยว่า บริษัทได้ทำตามที่เราตกลงกันไว้หรือไม่” (ที่มา: theactive.net)

เซฟด่วน เจอภัยธรรมชาติ เบอร์ไหนช่วยคุณได้บ้าง?

ส่วนใหญ่ภัยธรรมชาติเป็นภัยที่เกิดขึ้นโดยที่หลาย ๆ คนไม่ทันได้ตั้งตัว นอกจากความคุ้มครองประกันภัยที่นำมาบอกต่อ รู้ใจก็ได้รวบรวม “เบอร์สายด่วน” มาให้ด้วย เบอร์ไหนที่ควรเซฟติดเครื่องไว้บ้าง ตามไปดูกันเลย

  • บริการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ นำส่งโรงพยาบาล กู้ชีพ โทร.1669
  • ศูนย์ปฏิบัติการขอความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คปภ.) สายด่วนรับแจ้ง-เตือนภัยน้ำท่วม โทร.1111 กด 5
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โทร.1784 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ Line ID: @1784DDPM
  • สภากาชาดไทย สายด่วนรับแจ้ง-เตือนภัย ช่วยเหลือสาธารณภัย โทร.1664

จะเห็นได้ว่า การทำประกันภัยรถยนต์เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะความคุ้มครอง พ.ร.บ. ไม่ได้ครอบคลุมค่าซ่อมรถ ในขณะที่ไม่มีใครสามารถรู้อนาคตได้ การวางแผนและเตรียมพร้อมรับความเสี่ยงจึงสำคัญ และการทำประกันภัยยังมีคปภ.ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลการประกอบธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย และยังช่วยคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัยอีกด้วย

ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือภัยธรรมชาติ ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อความอุ่นใจ สบายใจ และช่วยแบ่งความเสียหายที่เกิดขึ้น “ประกันภัยรถยนต์” ที่ให้ความคุ้มครองอย่างครอบคลุม ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมาก ๆ แนะนำให้ตรวจสอบความคุ้มครอง รวมถึงเช็คค่าเบี้ยประกันรถยนต์ให้ดี เพื่อความคุ้มครองที่ตอบโจทย์มากที่สุด

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)

คำจำกัดความ

อาฟเตอร์ช็อก เหตุการณ์หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่แล้วยังเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กตามมาเป็นระยะ เนื่องจากหินต่าง ๆ รอบ ๆ ศูนย์กลางไหวสะเทือน ใต้ผิวโลกพยายามปรับสู่สภาพสมดุลแต่มีความรุนแรงน้อยกว่าระลอกแรก
รอยเลื่อน รอยแตกหรือรอยแยกในหินที่แตกเป็นแนวขนาดใหญ่ โดยมักเกิดบริเวณรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก และสามารถก่อให้เกิดแผ่นดินไหวได้
เภทภัย ภัยต่าง ๆ