อุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าใครจะอยู่หลังพวงมาลัย การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ติดรถเอาไว้ จึงถือว่ามีความสำคัญมาก ๆ เพราะจะช่วยให้อุ่นใจ ราวกับมีเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจได้ ร่วมเดินทางไปด้วยตลอดทริป แต่กรณีที่คุณเป็น “ผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูง” ควรซื้อประกันรถยนต์แบบไหนให้ตอบโจทย์ แล้วซื้อยากหรือไม่ รู้ใจได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจมาให้เรียบร้อยแล้ว ไปดูกันเลย
- ผู้ขับขี่ความเสี่ยงสูงจากพฤติกรรมเสี่ยง มีอะไรบ้าง?
- ผู้ขับขี่ความเสี่ยงสูงจากโรคประจำตัว โรคไหนประกันไม่รับเคลม?
- ประกันรถยนต์ชั้น 1 ตอบโจทย์มั้ย?
ผู้ขับขี่ความเสี่ยงสูงจากพฤติกรรมเสี่ยง มีอะไรบ้าง?
พฤติกรรมการขับขี่ที่มีความเสี่ยง จริง ๆ แล้วมีอยู่ด้วยกันหลายปัจจัย ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันบนท้องถนนอีกมากมาย ถ้าอย่างนั้นเราไปดูกันเลยดีกว่า ว่าตัวคุณเองมีพฤติกรรมเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน ไปดูพฤติกรรมเสี่ยงด้วยกันเลยดีกว่า
1. เมาแล้วขับ
การเมาแล้วขับเป็นพฤติกรรมเสี่ยงจากอุบัติเหตุอันดับ 1 เลย เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ความสามารถในการขับรถน้อยลง ปฏิกิริยาและการจัดสินใจช้าลงอีกด้วย นำไปสู่อุบัติเหตุทางถนนที่ไม่มีใครคาดคิด แต่ก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ นอกจากการเมาแล้วขับจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำแล้วยังมีโทษทางกฎหมายด้วย หากพบว่าคนขับมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ บทลงโทษคือการจำคุกไม่เกิน 1 ปีและปรับตั้งแต่ 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. มีความผิดปกติด้านการนอน
เช่น นอนไม่หลับ ทำงานกะดึก ไม่ได้นอนติดกันหลายวัน สิ่งเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากกว่าคนปกติถึง 3 เท่า และมักเกิดภาวะง่วงนอนในช่วงกลางวัน หรือที่เรียกว่า daytime sleepiness หากเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ แนะนำว่าควรใช้บริการรถโดยสาร หรือเลือกใช้ยานพาหนะที่มีคนขับให้มากขึ้น
3. แต่งหน้าขณะขับรถ
ในวันที่เร่งรีบสาว ๆ หลายคนมักเลือกที่จะแต่งหน้าบนรถ เพื่อประหยัดเวลาให้มากกว่าเดิม แต่ไม่ว่าจะแต่งหน้าขณะขับรถ ติดไฟแดง หรือใด ๆ ก็ตามในขณะที่ตัวสาว ๆ เองเป็นผู้ขับขี่ จะทำให้สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับการเขียนคิ้ว ทาปากเป็นหลัก จนเป็นเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงเหตุการณ์ร้ายแรงได้
4. หยิบจับสิ่งของอยู่ตลอดเวลา
การหันไปหยิบหรือจับสิ่งของไม่ว่าจะเบาะข้างคนขับหรือเบาะหลัง รวมถึงการปรับเบาะที่นั่ง ปรับแอร์ หรืออื่น ๆ เป็นการกระทำที่ทำให้คุณละสายตาจากท้องถนนไปชั่วขณะ ซึ่งระหว่างนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นได้เช่นกัน
5. ขับไปกินอาหารไป
หนึ่งในพฤติกรรมที่หลาย ๆ มักทำในช่วงเวลาเร่งรีบ คือการทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มขณะขับรถ ซึ่งนอกจากจะทำให้เสียสมาธิด้วยแล้ว ยังทำให้คุณไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที ส่งผลให้การควบคุมพวงมาลัยด้อยประสิทธิภาพ จนนำมาซึ่งอุบัติเหตุร้ายแรงได้ง่าย ๆ
6. ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ
หนึ่งในพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย คือการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ โดยพฤติกรรมดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติ 2-4 เท่า เนื่องจากผู้ขับขี่เสียสมาธิ ปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง แถมยังส่งผลต่อการมองเห็นป้ายจราจรอีกด้วย
7. หัวร้อน-แซง-เฉี่ยว เวลาขับรถ
เชื่อว่าหลายคนคงมีประสบการณ์การเจอเรื่องราวที่ไม่ดีบนท้องถนน ทั้งจากพฤติกรรมการขับของตัวเอง รวมไปถึงคนอื่น ๆ บนถนน แต่หากหัวร้อน พร้อมชน แซง เฉี่ยว แบบนี้นอกจากเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี ยังอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันอีกด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นพฤติกรรมเสี่ยงเพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ผู้ขับขี่ไม่ควรละสายตาจากเส้นทาง หรือปล่อยมือจากพวงมาลัย แม้ว่าพฤติกรรมหรือกิจกรรมเหล่านั้นจะเกิดเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม เพราะอุบัติเหตุทางถนนสามารถเกิดขึ้นได้เพียงแค่เสี้ยววินาที
ผู้ขับขี่ความเสี่ยงสูงจากโรคประจำตัว โรคไหนประกันไม่รับเคลม?
กรณีที่มีความเสี่ยงในเรื่องของพฤติกรรมการขับขี่ การซื้อประกันภัยรถยนต์ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าหากคุณมีประวัติการเคลมที่ไม่ดี อาจต้องแบกรับค่าเบี้ยประกันที่เพิ่ม แต่หากมีโรคประจำตัว บางครั้งประกันอาจไม่รับเคลมเลย โดยโรคต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นโรคตามที่กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้เป็น “โรคต้องห้ามในการขับขี่” หากตัวเช็คว่าเป็นโรคเหล่านี้ห้ามขับรถเด็ดขาดเพราะจะเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุสูงและแน่นอนว่าหาเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้นมา ประกันจะไม่รับเคลมด้วยอีกต่างหาก มีทั้งหมด 9 โรค ดังนี้
- โรคเกี่ยวกับสายตา โรคเกี่ยวกับสายตาในที่นี้ เหมารวมความบกพร่องของการทำงานทางสายตา ที่ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็น เช่น ต้อกระจก ต้อหิน หรือจอประสาทตาเสื่อม ที่ทำให้มุมมองในการรับภาพแคบลง และอาจส่งผลต่อการมองไฟจราจรที่พร่ามัว
- โรคเบาหวาน (ระยะควบคุมไม่ได้) โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีปริมาณน้ำตาลในเลือดต่ำ มักมีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น สายตาพร่ามัว จนถึงขั้นหมดสติได้
- โรคพาร์กินสัน ผู้ป่วยมักมีลักษณะอาการมือสั่น เท้าสั่น รวมถึงมีอาการเกร็งร่วมด้วย ประกอบกับการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างช้า ส่งผลให้การตัดสินใจในการขับขี่ช้าลงตามไปด้วย
- โรคความดันโลหิตสูง เกิดจากสมองขาดเลือดไปเลี้ยง ทำให้การทำงานของสมองหยุดชะงัก ยิ่งถ้าหากมีความเครียดร่วมด้วย จะยิ่งทำให้ความดันสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้มีอาการหน้ามืด แขนขาอ่อนแรง วิงเวียนศีรษะ นอกจากจะทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ง่ายแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเส้นเลือดในสมองแตกอีกด้วย
- โรคข้อเข่าเสื่อม หรือข้ออักเสบ มักมีอาการปวดบริเวณข้อเมื่อขับขี่ไปนาน ๆ ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เต็มที่ หากเกิดอุบัติเหตุรถชนจะทำให้ได้รับบาดเจ็บรุนแรง
- โรคหัวใจ กรณีที่ผู้ป่วยเกิดความเครียด หรือได้รับความกดดันจากการขับขี่เป็นเวลานาน รวมถึงรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะทำให้เกิดอาการแน่นอก เจ็บหน้าอก จนถึงขั้นหัวใจวายเฉียบพลัน จนเป็นเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
- โรคลมชัก เกิดขึ้นจากคลื่นไฟฟ้าในสมองทำงานผิดปกติ มักเกิดอาการเกร็งชัก สั่น และกระตุกโดยไม่รู้ตัว การตัดสินใจก็ช้าลงตามไปด้วย กรณีที่อาการกำเริบทำให้ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย ไปจนถึงการควบคุมการขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- โรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยมักมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง สมองสั่งการช้า ส่งผลให้การตัดสินใจและการตอบสนองต่อการขับขี่ช้าลง
- โรคทางสมองและระบบประสาท หากผู้ป่วยอยู่ในระดับที่มีอาการไม่มากจนเกินไป จะเกิดอาการหลงลืม ตัดสินใจช้า หรือจดจำเส้นทางไม่ได้ รวมถึงส่งผลต่อการขาดสมาธิในการขับขี่ได้
แม้ว่าผู้ป่วยจะไม่เกิดอาการของโรคต่าง ๆ ขณะขับรถ แต่การทานยาอาจทำให้เกิดอาการง่วงซึม อ่อนเพลีย หรืออาการใด ๆ ก็ตามที่อาจเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ง่าย ดังนั้นการเลี่ยงขับไปเลยจะดีที่สุด เพราะถ้าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา บอกเลยว่ามีเกณฑ์ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด เนื่องจากประกันไม่รับเคลม
ประกันรถยนต์ชั้น 1 ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ความเสี่ยงสูงมั้ย?
อย่างที่ทุกคนทราบเป็นอย่างดีว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันภาคสมัครใจที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด นอกจากจะคุ้มครองทั้งแบบมีและไม่มีคู่กรณีแล้ว ยังช่วยคุ้มครองในเรื่องของค่าใช้จ่ายกรณีเสียชีวิต ค่ารักษาพยาบาล และค่าประกันตัวผู้ขับขี่อีกด้วย นอกจากนี้หากคู่กรณีหลบหนี หรือเกิดอาการบาดเจ็บ เสียชีวิต ทางบริษัทประกันภัยก็พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ตามทุนประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
ประกันรถยนต์ชั้น 1 เหมาะกับใคร?
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นอกจากจะเหมาะกับผู้มีความเสี่ยงสูงแล้ว ยังเหมาะสำหรับคนที่เพิ่งออกรถใหม่ ขับรถเป็นไม่นาน รวมถึงยังตอบโจทย์สำหรับรถยนต์ออกใหม่ รถที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี รถยนต์ที่มีราคาแพง หรือเสี่ยงต่อการโดนโจรกรรม บอกเลยว่าคุ้มครองคุ้มค่ากับค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปมาก ๆ
นอกจากนั้นการซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ยังคุ้มครองกระจกรถ น้ำท่วม ภัยธรรมชาติ ไฟไหม้ การสูญหายหรือถูกโจรกรรม บริการรถยก ไปจนถึงค่ารักษาพยาบาล และการประกันตัวผู้ขับขี่ (เมื่อคุณเป็นฝ่ายผิด) บอกเลยว่าครอบคลุมที่สุด ขับไปไหนก็อุ่นใจได้ทุกเส้นทาง
ความเสี่ยงงจากการขับขี่ มีอยู่ด้วยกันหลายปัจจัยมาก ๆ หากเป็นพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น กินไปขับไป แต่งหน้าระหว่างขับรถ หรือใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ หรือพฤติกรรมที่ทำให้ความเสี่ยงสูงขึ้น เมื่อเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงจะดีที่สุด แต่ถ้ามีความเสี่ยงจาก 9 โรคตามกำหนดของกรมการขนส่งทางบก แนะนำให้หลีกเลี่ยงการขับรถไปเลยจะดีกว่า เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทางแล้ว ยังเสี่ยงต่อเงินในกระเป๋าสตางค์ของคุณด้วย เพราะไม่เข้าเงื่อนไขความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์นั่นเอง
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)
คำจำกัดความ
ทัศนวิสัย | ระยะทางที่ไกลที่สุด ที่เราสามารถมองเห็นวัตถุด้วยตาเปล่า และบอกได้ว่าวัตถุนั้นคืออะไร |
Daytime sleepiness | ภาวะง่วงนอนมากผิดปกติกลางวัน เป็นการสูญเสียความสามารถในการตื่นนอนหรือตื่นตัวในตอนกลางวัน จนทำให้รู้สึกง่วงระหว่างวัน บางคนอาจรุนแรงจนไม่สามารถต้านทานความง่วงจนหลับไปทันที |