
เมืองไทยร้อนยิ่งกว่าซ้อมตกนรก สิ่งสำคัญที่รถทุกคันต้องมีคือ ฟิล์มกระจกรถยนต์ ปกติแล้วชิ้นส่วนนี้จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ราว 5-10 ปี เจ้าของรถควรหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอว่าฟิล์มรถยนต์เสื่อมสภาพหรือไม่ และถ้าหากฟิล์มติดรถยนต์บวม ย่น เป็นรอย ต้องทำยังไง? จะสามารถแจ้งเคลมประกันได้หรือเปล่า รู้ใจลิสต์คำตอบในทุก ๆ ประเด็นมาให้แล้ว ตามไปดูกัน
สนใจอ่านแค่บางเรื่อง ก็เลือกได้เลย!
- ฟิล์มกระจกรถยนต์ คืออะไร?
- ฟิล์มรถยนต์ย่น เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?
- ประกันรถยนต์ชั้นไหน เคลมฟิล์มกระจกรถยนต์ได้?
ฟิล์มกระจกรถยนต์ คืออะไร?
ทำความรู้จักกันหน่อย ฟิล์มกระจกรถยนต์ คือ อุปกรณ์เสริมที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่ช่วยในการกรองแสงแดด และช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ ทำให้ขับรถได้ง่าย และช่วยสะท้อนแสง ไม่ทำให้เกิดการกักเก็บความร้อนภายในห้องโดยสาร ในปัจจุบันมีหลากหลายประเภท แถมแต่ละประเภทมีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป โดยหลัก ๆ ที่พบเห็นได้ทั่วไปมีดังนี้
1. ฟิล์มติดรถยนต์แบบปกติ.
ฟิล์มติดรถยนต์แบบปกติหรือแบบธรรมดาทั่วไป ช่วยป้องกันรังสี UV ได้ในระดับหนึ่ง มีคุณสมบัติสะท้อนแสงจากภายนอก และลดปริมาณความร้อนสะสมได้เพียงเล็กน้อย ข้อดีคือราคาไม่แพง แต่เมื่อใช้งานไปสักระยะสีของฟิล์มจะซีด และมีโอกาสเกิดรอยขีดข่วน หรือสร้างความเสียหายให้กับกระจกรถได้
2. ฟิล์มรถยนต์แบบปรอท
มีลักษณะแวววาว ป้องกันรังสี UV และสะท้อนความร้อนได้ดี ตัวฟิล์มกรองแสงรถยนต์ถูกย้อมด้วยสีที่มีส่วนผสมของโลหะ ที่จะถูกฝังอยู่ภายในชั้นฟิล์ม ทำให้มีความแข็งแกร่ง ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี ข้อเสียคือ อาจทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น GPS หรือ Easy Pass ใช้งานได้ไม่สะดวกเท่าที่ควร
3. ฟิล์มกระจกรถยนต์แบบไฮบริด
ฟิล์มประเภทนี้มีการผสมระหว่างฟิล์มย้อมสี และฟิล์มสีเมทัลไลซ์ ที่มีส่วนผสมของโลหะอยู่ในชั้นฟิล์ม กรองแสงได้ดี สีไม่ซีด และป้องกันรอยขีดข่วนได้ ข้อจำกัดคือ มีราคาค่อนข้างสูง และในปัจจุบันก็ไม่เป็นที่นิยมสักเท่าไหร่
4. ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบคาร์บอน
มีลักษณะพื้นผิวด้าน ภายในเนื้อฟิล์มมีส่วนผสมของอนุภาคคาร์บอนสะท้อนแสงพิเศษ สามารถสะท้อนความร้อนได้ดี มีความทนทานสูง สามารถกักเก็บความร้อนได้ดี แต่ไม่เหมาะกับประเทศไทยสักเท่าไหร่
5. ฟิล์มติดรถยนต์แบบเซรามิก
ถือเป็นฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในปัจจุบัน เพราะตัวฟิล์มประเภทนี้มีคุณสมบัติในการป้องกันแสงแดด และรังสีต่าง ๆ แถมยังลดความร้อนได้สูงถึง 99% นอกจากนี้ยังมีความแข็งแรง ทนทาน แน่นอนว่าตามมาด้วยราคาที่สูงกว่าประเภทอื่น ๆ
นอกจากจะมีประเภทของฟิล์มติดรถยนต์ให้เลือกหลากหลายแล้ว ในปัจจุบันยังมียี่ห้อให้เลือกอีกมากมาย แต่ละยี่ห้อล้วนมีจุดเด่นสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกัน หากอยากติดฟิล์มรถยนต์ที่ตอบโจทย์ ควรศึกษาให้ดีว่าแต่ละยี่ห้อมีจุดขายเป็นยังไง ตรงตามที่ต้องการมากแค่ไหน
เลือกฟิล์มติดรถยนต์ระดับความเข้มเท่าไหร่ถึงจะดี?
ถ้าเลือกไม่ได้ว่าควรติดฟิล์มกระจกรถยนต์ที่ระดับความเข้มเท่าไหร่ อยากให้ลองพิจารณาจาก “ปัจจัย” ดังต่อไปนี้ดูก่อน แล้วคุณจะได้คำตอบที่ชัดเจนว่าจริง ๆ แล้วคุณเหมาะกับระดับไหนมากที่สุด
- ขับขี่เวลากลางวันเป็นหลัก แนะนำให้เลือกฟิล์มติดรถยนต์ที่ 60:80 หมายความว่าติดฟิล์มที่กระจกด้านหน้าและด้านหลัง 60% และติดรอบคัน 80% ถ้าไม่ห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัว สามารถติด 60% รอบคันเลยก็ได้
- ขับขี่เวลากลางคืนเป็นหลัก แนะนำให้เลือกติดฟิล์มที่ 40:60 หมายความว่าติดฟิล์มที่กระจกด้านหน้าและด้านหลัง 40% และติดรอบคัน 60% เพราะการติดแบบนี้จะทำให้มองเห็นทัศนวิสัยได้ชัดเจนกว่า แต่ถ้าไม่ติดเรื่องความเป็นส่วนตัวมากมายนัก จะเลือกติดฟิล์มที่ระดับความเข้ม 40% รอบคันเลยก็ได้
ฟิล์มรถยนต์ย่น เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?
ปัญหาที่พบบ่อยสุด ๆ สำหรับรถยนต์ที่ติดฟิล์ม คือ ฟิล์มกระจกรถยนต์เป็นรอยย่น หรือเกิดรอยยับ สาเหตุที่เป็นแบบนั้นแบ่งออกเป็น 2 กรณีหลัก ๆ ดังนี้
1. กรณีติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์มาใหม่
สำหรับรถยนต์ที่เพิ่งติดฟิล์มมาสด ๆ ร้อน ๆ แล้วปรากฏว่าเป็นรอยยับ ย่น หรือมีฟองอากาศ สามารถแบ่งแยกย่อยได้อีก 2 กรณี ดังนี้
- ฟองอากาศ และรอยคลื่นหลังติดฟิล์มใหม่ ๆ หากเกิดฟิล์มกระจกรถยนต์เกิดฟองอากาศ หรือรอยคลื่นระหว่างกระจกกับฟิล์มหลังจากเพิ่งติดมาหมาด ๆ ไม่ต้องกังวล เพราะระหว่างการติดฟิล์มจะมีการใช้น้ำในการติดตั้ง ทำให้บางครั้งอาจมีน้ำขังหรือฟองอากาศหลงเหลืออยู่ และจะหายไปหลังจากติดฟิล์มไปแล้วประมาณ 4-21 วัน
- ฟองอากาศ และรอยคลื่นที่คงอยู่หลัง 21 วัน หากหลังจากติดฟิล์มมาเกิน 21 วัน แต่ฟองอากาศหรือรอยคลื่นไม่ได้หายไป อาจเกิดจากความผิดพลาดในการติดฟิล์มที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีฝุ่น ผม หรือสิ่งสกปรกติดอยู่ แนะนำให้ติดต่อกลับไปที่ร้านติดฟิล์มรถยนต์เพื่อทำการแก้ไข
2. กรณีฟิล์มกระจกรถยนต์เสื่อมสภาพ
อีกหนึ่งกรณีที่ทำให้ฟิล์มติดรถยนต์เป็นรอยย่น ยับ หรือมีฟองอากาศ คือ ฟิล์มรถยนต์เสื่อมสภาพจากการใช้งานมาเป็นเวลานาน เพราะปกติแล้วฟิล์มกระจกรถยนต์จะมีอายุประมาณ 5 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของฟิล์มที่ติด แต่สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ว่าฟิล์มเสื่อมสภาพหรือไม่ จากอาการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- ฟิล์มเปลี่ยนสี ให้ลองสังเกตฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ว่ามีสีที่แตกต่างไปจากเดิมหรือไม่ หากฟิล์มรถยนต์เสื่อมสภาพส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นสีม่วง หรือโปร่งแสงมากขึ้น
- มีฟองอากาศ ถ้าปกติฟิล์มรถยนต์เรียบสนิทดี แต่อยู่ ๆ กลับมีฟองอากาศผุดขึ้นมาบริเวณส่วนต่าง ๆ ของกระจกรถ หมายความว่าถึงเวลาเปลี่ยนฟิล์มใหม่แล้วนั่นเอง
- เป็นรอยย่น ยับ หรือมีลักษณะเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียนเหมือนกับตอนที่ติดฟิล์มมาแรก ๆ หรือไม่สนิทไปกับกระจก หมายความว่าฟิล์มรถยนต์เสื่อมสภาพ ควรหาเวลาไปเปลี่ยนได้แล้ว
- เกิดภาพซ้อนหรือมัว ถ้าก่อนหน้านี้สามารถมองกระจกได้อย่างชัดเจน ไม่มีปัญหาใด ๆ แต่อยู่ ๆ กระจกกลับมัว เห็นเป็นภาพซ้อน อาจแปลได้ว่าฟิล์มติดกระจกรถยนต์เสื่อมสภาพ เพื่อความปลอดภัยควรรีบเปลี่ยนโดยด่วน โดยเฉพาะเมื่ออาการดังกล่าวเกิดกับกระจกหน้ารถ
- มีกลิ่นเหม็น หากได้กลิ่นเหม็นแปลก ๆ ระหว่างที่โดยสารรถยนต์ ให้ลองดมฟิล์มกรองแสงรถยนต์ดูสักหน่อย หากพบว่ามีกลิ่นเหม็นจะหมายความว่าฟิล์มเสื่อมสภาพ
- ภายในรถร้อนขึ้น เพราะคุณสมบัติอย่างหนึ่งของฟิล์มกระจกรถยนต์ คือ ช่วยกันความร้อนและรังสี UV หากรู้สึกว่าภายในรถร้อนขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเป็นสัญญาณที่กำลังบอกว่าควรเปลี่ยนฟิล์มรถยนต์ได้แล้ว
ประกันรถยนต์ชั้นไหน เคลมฟิล์มกระจกรถยนต์ได้?
สำหรับคนที่กำลังหาคำตอบในเรื่องการเคลมประกันรถยนต์ จะแบ่งออกได้หลายกรณี เริ่มต้นทำความเข้าใจที่ตัวความคุ้มครองของประกันรถยนต์กันก่อน ประกันรถยนต์ที่มีความคุ้มครองกระจกรถยนต์คือ ประกันชั้น 1 โดยคุ้มครองกระจกรถยนต์จากอุบัติเหตุทั้งมีและไม่มีคู่กรณี ภัยธรรมชาติ การขโมยหรือโจรกรรมรถ ไฟไหม้ เป็นต้น
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกระจกรถ มีได้หลายแบบ โดยจะยกตัวอย่างกรณีดังนี้
- หินดีดกระเด็นใส่กระจกรถ แบบนี้ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครอง ประกันชั้นอื่นไม่สามารถเคลมได้
- ลูกมะพร้าวตกใส่กระจกรถแตก มีเพียงประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครอง
- ลูกเห็บตกใส่กระจกรถแตก ประกันชั้น 1 จะให้ความคุ้มครอง เพราะถือเป็นเหตุที่เกิดจากภัยธรรมชาติ
- อุบัติเหตุรถชน มีคู่กรณี แล้วเราเป็นฝ่ายผิด ประกันรถยนต์ทุกประเภทที่มีความคุ้มครองซ่อมรถผู้เอาประกัน (ประกันชั้น 1 2+ และ 3+) สามารถเคลมประกันรถได้ ทั้งกระจกที่เสียหาย และความเสียหายของตัวรถบริเวณอื่น ๆ
- อุบัติเหตุรถชน มีคู่กรณี เราไม่เป็นฝ่ายผิด ไม่ว่าคุณมีประกันรถยนต์ชั้นไหนก็สามารถเคลมประกันได้ โดยประกันจะซ่อมรถให้เรา ทั้งกระจกที่เสียหาย และความเสียหายของตัวรถบริเวณอื่น ๆ จากนั้นประกันเป็นตัวแทนเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณี
- ฟิล์มกระจกร่น มีรูอากาศ เป็นคลื่น ฟิล์มเสื่อมสภาพ เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์ทุกประเภทจึงไม่คุ้มครอง แต่คุณสามารถเคลมกับบริษัทผู้ผลิตฟิล์มรถยนต์ได้ในกรณีที่ยังอยู่ในระยะเวลารับประกันของบริษัท โดยส่วนใหญ่บริษัทผู้ผลิต/จัดจำหน่ายฟิล์มรถยนต์ จะรับประกันที่ 5-7 ปี
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการติดฟิล์มรถยนต์ ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีมาก ๆ เพราะฟิล์มกระจกรถยนต์เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ในด้านการปกป้องรถยนต์จากแสงแดด แถมยังช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นก่อนตัดสินใจติดฟิล์มแต่ละประเภท หรือแต่ละยี่ห้อก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลในด้านข้อดี-ข้อเสียให้ถี่ถ้วน รวมถึงเลือกใช้บริการร้านติดฟิล์มรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันการเสียเงินเพิ่ม หรือปัญหาอื่น ๆ ที่อาจตามมา
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)
คำจำกัดความ
ทัศนวิสัย | ระยะทางไกลที่สุดซึ่งสามารถมองเห็นวัตถุด้วยตาเปล่าและบอกได้ว่าวัตถุนั้นเป็นอะไร |
เคลมประกัน ไม่มีคู่กรณี | การแจ้งเคลมประกัน โดยสาเหตุมาจากการเกิดอุบัติเหตุ ที่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ |