รู้หรือไม่ “ซ่อมห้าง” กับ “ซ่อมอู่” คืออะไร ต่างกันอย่างไร และรู้หรือไม่การเลือกว่าจะซ่อมห้างหรือซ่อมอู่มีผลต่อค่าเบี้ยประกันภัยด้วย หากต้องการซื้อหรือจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์แล้วได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่า อย่าลืมตรวจสอบในเรื่องนี้
การซ่อมห้าง ก็คือ การซ่อมกับศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ของศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อที่ผู้เอาประกันใช้อยู่และซื้อประกันภัยเอาไว้ เช่น ถ้าใช้รถยนต์โตโยต้า หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นผู้เอาประกันภัยสามารถนำรถเข้าไปซ่อมที่ศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังของโตโยต้าโดยตรงในสาขาหรือศูนย์บริการใดก็ได้ที่สะดวก
ส่วนการซ่อมอู่ก็คือ การนำรถเข้าซ่อมกับอู่ซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ของบริษัทเอกชนทั่วไป
ในมุมของผู้ใช้รถส่วนใหญ่อาจมองว่าการซ่อมห้างหรือซ่อมกับศูนย์บริการรถยนต์โดยตรงจะมีรูปแบบการให้บริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกแห่ง ผู้ใช้รถอาจรู้สึกดีและสบายใจกว่าทั้งในเรื่องของการติดต่อ คุณภาพงานซ่อม และการเปลี่ยนอะไหล่ที่ใช้ของแท้เบิกห้าง ขณะที่อู่ซ่อมทั่วไปจะมีความหลากหลายในเรื่องของมาตรฐาน บางแห่งสภาพและบรรยากาศภายในอู่ดูไม่เป็นระเบียบ การทำงานดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจว่ารถยนต์ของลูกค้าจะได้รับการซ่อมและการดูแลที่ดี และที่ลูกค้าให้ความกังวลกันอย่างมากคือ กลัวว่าทางอู่จะนำอะไหล่ที่ไม่ใช่ของแท้มาย้อมแมวและเปลี่ยนให้
ทั้งด้วยเรื่องของมาตรฐานที่บริษัทรถยนต์สามารถกำหนดให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้และเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้รถ เรื่องของอะไหล่ที่เป็นของแท้เบิกห้างแน่นอน ทำให้เมื่อซื้อประกันภัยรถยนต์แล้วระบุในกรมธรรม์ว่าต้องการซ่อมห้าง ค่าเบี้ยที่ต้องจ่ายจะสูงกว่าระบุว่าซ่อมอู่
หากผู้ใช้รถท่านใดที่กำลังมองหาวิธีการในการลดค่าเบี้ยประกันภัย นอกจากการระบุชื่อผู้ขับซึ่ง Roojai เคยแนะนำไปแล้ว การเลือกว่าจะ “ซ่อมห้าง” กับ “ซ่อมอู่” ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีผลต่อค่าเบี้ยด้วยเช่นกัน ดังนั้นเวลาที่เช็กเบี้ยประกันรถไม่ว่าจะเช็กด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ของรู้ใจ หรือให้เจ้าหน้าที่ช่วยเสนอค่าเบี้ยให้ก็ตาม อย่าลืมตรวจสอบเงื่อนไขในส่วนนี้ด้วย
ยกตัวอย่างให้ประหยัดกันง่ายๆ เช่น Toyota/ Corolla Altis/ 2016/ Auto / 1.8 / G โดยลองเลือกแบบไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ เบี้ยประกันชั้น 1 ต่อปี
แบบที่เลือกอู่ซ่อมแนะนำ (ซ่อมอู่) คือ 11,769.57 บาท
ในขณะที่เลือกศูนย์ซ่อม (ซ่อมห้าง) คือ 15,015.74 บาท ซึ่งราคาสูงกว่าแบบซ่อมอู่ถึง 3,246.17 บาท
หลายปีก่อนการเลือกซ่อมอู่อาจเป็นภาวะจำยอม เช่น เพื่อต้องการลดภาระค่าเบี้ยที่ต้องจ่าย เป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถต้องทำใจยอมรับในการเข้าซ่อมกับอู่ที่อาจดูไม่ค่อยมีมาตรฐานสักเท่าไร แต่ในปัจจุบันอู่ซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ของบริษัทเอกชนทั่วไปมีการพัฒนาที่ดีขึ้นมาก มีรูปแบบการให้บริการที่ทัดเทียมกับศูนย์บริการมาตรฐานทั้งในเรื่องของสถานที่ที่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการจัดสรรโซนการซ่อมที่เป็นสัดส่วน มีการแยกพื้นที่เคาะ โป้วสี พ่นและอบสี และงานประกอบออกจากกันอย่างชัดเจน มีการใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย เช่น มีการผสมสีด้วยระบบคอมพิวเตอร์ หรือการใช้เครื่องดึงตัวถังระบบ 3 มิติที่สามารถตรวจสอบค่าตัวถังของรถยนต์แต่ละรุ่นได้อย่างแม่นยำ
ที่อู่ซ่อมต่างๆ มีการปรับตัวนอกจากเป็นเรื่องของการแข่งขันทางธุรกิจก็เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของบริษัทประกันภัยด้วย หากไม่มีมาตรฐานที่ดีคงไม่สามารถรับงานจากบริษัทประกันภัยได้ การซื้อประกันภัยรถยนต์โดยเลือกซ่อมอู่ในยุคนี้คงไม่ใช่เรื่องของการประหยัดหรือไม่มีเงินจ่ายค่าเบี้ยเพื่อซ่อมห้างเหมือนที่ผ่านมา ต้องบอกว่าเป็นการใช้เงินอย่างฉลาดและคุ้มค่ามากกว่า
สำหรับผู้ใช้รถที่กำลังจะซื้อประกันกับ Roojai ยังคงสามารถเลือกซ่อมห้างได้หากต้องการ แต่หากต้องการลดค่าเบี้ยตามที่แนะนำไป ตอนนี้ Roojai มีอู่ซ่อมมาตรฐานในเครือกว่า 250 แห่งทั่วประเทศ พร้อมรับประกันคุณภาพงานซ่อม 12 เดือน หากลูกค้าซื้อประกันภัยไปแล้ว ถ้าต้องการเคลมแต่ไม่แน่ใจว่าจะนำรถเข้าซ่อมกับอู่ไหนดี สามารถติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02 582 8888
ถ้ารักรถเต็มหัวใจ ให้ “รู้ใจ” ดูแลรถให้คุณ คลิกเช็คเบี้ยประกันรถ หรือโทร 02 582 8888