กระแสการปรับภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ในปีนี้ ที่จะทำให้รถยนต์ต้องปรับราคาสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาในทุกประเภท หลายคนเลยหันมามองตลาดในกลุ่มรถมือสองอยู่ไม่น้อย และรถในกลุ่ม Sub-Compact ที่มีเครื่องยนต์ระดับ 1,500 ซีซี ไปเป็นเซ็กเมนท์ยอดนิยมที่หลายคนจับตาเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นรถระดับที่พอหาซื้อได้ ผ่อนได้ไม่ลำบากนัก และถ้าในกลุ่มราคาไม่เกิน 500,000 บาท คงไม่พ้น ฮอนด้า ซิตี้ และ โตโยต้า วีออส ที่เปิดตัวไปในช่วงปี 2008 และเพื่อให้เข้ากับกระแสน้ำมันดีเซลปรับราคาลดลงอย่างมากในช่วงนี้ ยังมีรถกระบะอีก 3 รุ่นทั้งแบบแค็บ 2 ประตู และดับเบิลแค็บ 4 ประตู มาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก
มาเริ่มกันที่ ฮอนด้า ซิตี้ และ โตโยต้า วีออส ทั้งสองรุ่นนี้มีความเหมือนกันตรงที่เป็นรถที่ผลิตขึ้นที่ประเทศไทย โดยการออกแบบและทำอาร์แอนด์ดีที่เมืองไทย เป็นรถเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของรถยนต์ Sub-Compact ทั้งสองยี่ห้อ โดยเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของซิตี้ใหม่ตัวนี้เปิดตัวเมื่อเดือน ก.ย.2008 ขณะที่วีออสเปิดตัวก่อนหน้าซิตี้ 6 เดือน ซึ่งจะว่าไปแล้วความสดใหม่ก็ไม่ต่างกันมากมายนัก
รูปลักษณ์ภายนอกของทั้งสองรุ่นนี้ ต้องบอกว่าสไตล์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฮอนด้าออกแบบซิตี้ให้ดูปราดเปรียว ในสไตล์สปอร์ตสปอร์ต ด้านหน้าลาดต่ำ ด้านหลังดูโฉบเฉี่ยวเต็มพิกัด ส่วนวีออสรูปทรงจะดูเรียบ ฝากระโปรงหน้าสูง บั้นท้ายดูหนา ดูไม่ค่อยหวือหวาเท่าไรนัก
ภายในห้องโดยสารต้องยอมรับว่าการออกแบบของซิตี้นั้นดูดีกว่า ตรงที่ให้ความทันสมัย ข้างในห้องโดยสารดูไม่อึดอัด สบายๆ โดดเด่นตรงที่พวงมาลัยแบบ 3 ก้านทรงสปอร์ตเหมือนในรุ่น ซีวิค ขณะที่วีออสยังคงแนวคอนเซปต์เดิมคือ ย้ายมาตรวัดไปไว้ตรงกลาง เพื่อไม่บดบังสายตาของผู้ขับขี่ การออกแบบภายในแม้จะดูไม่สบายตาเท่าซิตี้ แต่ก็ดูไม่อึดอัดเหมือนวีออสรุ่นก่อนหน้า เพราะห้องโดยสารมีการขยายใหญ่ขึ้น และที่สำคัญเบาะนั่งของวีออสมีขนาดใหญ่ ดูนั่งสบายกว่าซิตี้ สำหรับเบาะนั่ง แม้ว่าของวีออสดูจะนั่งสบายกว่า แต่ถ้ามองไปที่เบาะด้านหลังก็ต้องบอกว่าของซิตี้ได้เปรียบกว่าตรงที่ เบาะด้านหลังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 และปรับเอนได้ และของวีออสปรับพับไม่ได้
ทางด้านขุมพลัง ฮอนด้า ซิตี้ รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกับแจ๊ซ L15A เบนซิน 4 สูบ 1,500 ซีซี SOHC 16 วาล์ว i-VTEC 120 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.8 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบ/นาที มีทั้งเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ และเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี20 ได้
ส่วนโตโยต้า วีออส เป็นเครื่องยนต์ 1NZ-FE 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VVT-i 1500 ซีซี 109 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.4 กก.-ม. ที่ 4,200 รอบ/นาที ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี20 ได้เช่นกัน
สำหรับระบบกัน สะเทือนหน้าของซิตี้เป็นแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัท และด้านหลังทอร์ชั่นบีมแบบ H-shape ส่วนวีออสด้านหน้าแม็กเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีม
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ความปลอดภัย มีมาให้ครบ โดยเฉพาะในรุ่นท็อป ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบดิสก์เบรก ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ และกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย
ทางด้านราคา ฮอนด้า ซิตี้ ตั้งแต่ปี 2009-2013 ในโฉมนี้ มีตั้งแต่ 3 แสนปลายๆ ไปจึงถึง 4 แสนกว่าบาท แต่ถ้าปีใหม่กว่านั้นและเป็นรุ่นท็อป ราคาเกิน 5 แสนนิดๆ ในส่วนของโตโยต้า วีออส นั้น ในรุ่นปี 2008 อยู่ประมาณ 288,000 บาท ถ้าปีใหม่ขึ้นมาอีก ราคาอยู่ไม่เกิน 350,000 บาท
มาเอาใจคอรถกระบะกันบ้างสำหรับในกลุ่มราคาไม่เกิน 500,000 บาทนั้น มีที่สนใจอยู่หลายยี่ห้อเหมือนกัน
เริ่มจากกระบะยอดนิยมตลอดกาล โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ เป็นรุ่นปี 2011-2012 ในรุ่นสมาร์ทแค็บ ซึ่งได้รับการออกเเบบภายใต้โครงสร้างนิรภัย GOA เเละ คานเหล็กนิรภัย กันกระแทกด้านข้าง โดยมีกันชนหน้าเเบบชิ้นเดียว สีเดียวกับส่วนไฟหน้าเเบบฮาโลเจน มัลติรีเฟลกเตอร์ ภายในห้องโดยสารจะเป็นสีดำ โดยเเผงหน้าปัดมีมาตรวัดระยะทางเเบบดิจิตอล พร้อมด้วยมาตรวัดปริมาณน้ำมัน, ไฟเตือนไส้กรอง น้ำมันเชื้อเพลิง, เสียงเตือนลืมปิดไฟหน้า, เสียงเตือนสวิทช์กุญแจ, ไฟเตือน ปิดประตู ไม่สนิท, ไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย ด้านผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร พร้อมด้วยนาฬิกาดิจิตอลเเละไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร ส่วนที่เขี่ยบุหรี่เป็นแบบไม่มีไฟส่องสว่าง นอกจากนี้ กระจกมองหลังยังเป็นเเบบ แบบปรับลดแสงสะท้อน เเละกระจกไฟฟ้าสามารถขึ้น-ลง อัตโนมัติ พร้อมระบบป้องกันการหนีบ เฉพาะด้านผู้ขับขี่ ในส่วนของวิทยุนั้นเป็นเเบบ 2 DIN CD 1 แผ่น MP3/WMA จำนวน 2 ลำโพง โดยมีเสาอากาศตรงเสาหน้า เสริมด้วย ช่องต่ออุปกรณ์ USB / AUX พร้อมด้วยเครื่องปรับอากาศเเบบธรรมดา ส่วนพวงมาลัยเป็นเเบบยูรีเทน 4 ก้าน แบบปรับระดับได้
เครื่องยนต์เเบบ 4 สูบ แถวเรียง DOCH 16 วาล์ว VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ขนาดความจุกระบอกสูบ 2,494 ซีซี ด้วยความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 92.0 x 93.8 มม. เเละมีอัตราส่วนการอัดอยู่ที่ 17.4:1 สามารทำกำลังเเรงสูงสุดได้ถึง 144 เเรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 325 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยระบบจ่ายน้ำมันที่เป็นเเบบหัวฉีดไดเร็คอินเจคชั่น แบบคอมมอนเรล ซึ่งมีความจุของถังน้ำมันอยู่ที่ 76 ลิตร
ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง โดยระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นเเบบ แหนบซ้อนและโช้คอัพทรงกระบอก ติดตั้งทแยงมุมกัน พร้อมระบบเบรกหน้าเป็นเเบบ ดิสก์เบรก และมีครีบระบายความร้อน โดยมีระบบเบรกด้านหลังเป็นเเบบ ดรัมเบรก พร้อมวาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติ SUPER LSPV และ LTS พร้อมด้วยระบบบังคับเลี้ยวเเบบ แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมด้วยพวงมาลัยพาวเวอร์
ราคามือสองของโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ สมาร์ทแค็บ รุ่นปี 2011 อยู่ประมาณที่ 479,000 บาท และรุ่นปี 2012 ประมาณ 499,000 บาท
มาถึงคู่แข่งตลอดกาลสำหรับตลาดรถกระบะ อีซูซุ โดยในราคาระดับนี้ขอแนะนำในรุ่นดีแม็ค สเปซแค็บ โดยในโฉมนี้เปิดตัวในช่วงปลายปี 2011การออกแบบภายนอกแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างสิ้นเชิง ด้านหน้าดูสปอร์ตขึ้น โลโก้ขนาดใหญ่สะดุดตา กลมกลืนกับกระจังหน้าและกันชนที่ไฟหน้าใหม่ FREEFORM PROJECTOR ด้านข้างโดดเด่นด้วยโป่งล้อแบบขึ้นรูปขนาดใหญ่ ด้านท้ายมาพร้อมกับไฟท้ายขนาดใหญ่แบบ LED ครั้งแรกในวงการปิกอัพเมืองไทย
ภายในห้องโดยสารปรับมิติความกว้างขวางในวงการรถปิกอัพ โอ่อ่า นั่งสบายทุกจุด ทั้งพื้นที่เหนือศีรษะ พื้นที่วางเท้า พื้นที่หัวเข่า และระยะห่างระหว่างไหล่ของผู้โดยสาร โดยการค้นหาโหมดต่างๆ มาตรวัดควบคุมง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส สามารถแสดงข้อมูลปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง อุณหภูมิของเครื่องยนต์ อุณหภูมิภายนอกห้องโดยสาร ระยะทาง (trip A) เวลา ตำแหน่งเกียร์ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง สามารถคำนวณระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้เมื่อวัดจากปริมาณน้ำมันในถังที่เหลืออยู่ เทียบกับอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ณ ปัจจุบัน เครื่องเล่นวิทยุ-ซีดี ขนาด 2 Din สามารถเล่นได้ทั้งแผ่นซีดี MP3 และ WMA พร้อมพอร์ท Mini USB และระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบไร้สาย Built-in Bluetooth นอกจากนี้ห้องโดยสารยังเป็นแบบปิกอัพแค็บเปิดได้ ด้วยโครงสร้างเสาเหล็กกล้าเสริมความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ Single-piece Reinforcement และน็อตยึดบานแค็บ 3 จุด
เครื่องยนต์เป็นแบบ Ddi 2.5 VGS TURBO ขนาด 2,500 ซีซี 136 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงแบบต่อเนื่อง (High Flat-torque) สูงถึง 320 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 2,800 รอบ/นาที ช่วงล่างหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริง ช่วงล่างหลังแบบแหนบขนาดยาวพิเศษ Long Span ใช้โช้กอัพแก๊สทั้ง 4 ล้อ
ระบบเบรกพื้นฐานออกแบบใหม่หมด ด้วยหม้อลมเบรกขนาดใหญ่สุดถึง 10.5 นิ้ว พร้อม Tied-bar ถ่ายทอดแรงเหยียบจากแป้นเบรกสู่หม้อลมเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีระบบเบรก ABS ชนิด 4-channel 4-sensor ในรุ่นที่มีระบบ ESC และชนิด 3-channel 4-sensor ในรุ่นที่ไม่มีระบบ ESC
สำหรับราคาของอีซูซุ ดีแม็ค สเปซแค็บ รุ่นปี 2012 ราคาเริ่มต้นประมาณ 455,000 บาท ไปจนถึงระดับแตะ 500,000 บาท
แนะนำกระบะแบบแค็บมาแล้ว 2 รุ่น ลองมาดูกระบะแบบดับเบิลแค็บ หรือ 4 ประตูกันบ้าง สำหรับผุ้ที่ชอบเดินทาง ในช่วงที่น้ำมันดีเซลราคาถูกลงมามากในรอบหลายปีที่ผ่านมา เป็นรถมิตซูบิชิ ไทรทัน ดับเบิลแค็บ ปี 2012 มีการปรับโฉมภายนอกด้วยการเสริมภายนอกด้วยกรอบกระจกมองข้างแบบโครเมียมและไฟเลี้ยวในตัวที่สามารถพับและปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมคิ้วข้างประตูสไตล์สปอร์ตสีเดียวกับตัวรถ และไฟตัดหมอกหน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทุกรุ่น
การออกแบบภายในเทียบเท่าระดับพรีเมียมสไตล์ด้วยการตกแต่งโทนสีดำ เบาะผ้าทูโทนสีใหม่เข้มขึ้น เหมาะกับทุกสรีระที่มาพร้อมพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน และหัวเกียร์หุ้มหนัง ในรุ่น GLS ให้อารมณ์สปอร์ตและโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยแผงหน้าปัดเสริมโครเมียมเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น ยก เพิ่มความสะดวกในการขับขี่ในระยะทางไกลด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise control) เฉพาะรุ่น เกียร์อัตโนมัติ พร้อมสวิทช์ควบคุมวิทยุที่พวงมาลัย ในรุ่น GLS ทุกรุ่น เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบล็อกเกียร์ Electric Shift lock เฉพาะรุ่นเกียร์อัตโนมัติ เครื่องเล่นวิทยุ ซีดี เอ็มพี 3 พร้อมช่องต่ออุปกรณ์ AUX และ USB สามารถเชื่อมต่อ iPod / iPhone ได้
เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร DI-D ไฮเปอร์คอมมอนเรล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว วีจี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์พร้อมท่อร่วมไอดีแบบทวิน อินเทคแมนิโฟลด์ ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 2,850 รอบต่อนาที สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา และ แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-3,500 รอบต่อนาที สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ
ทางด้านราคาของมิตซูบิชิ ไทรทัน ดิบเบิลแค็ป ปี 2012 นั้น จะอยู่ที่ประมาณ 399,000 บาทถ้าเป็นรุ่น Plus ราคาจะอยู่ที่ 460,000- 499,000 บาท
ลองตัดสินใจกันดู ที่แนะนำรถทั้ง 5 รุ่นนี้ เพราะการบำรุงรักษาไม่จุกจิก อะไหล่หาง่าย และยังสามารถเข้าไปใช้บริการบำรุงรักษาที่ศูนย์บริการได้
ประกันรถยนต์ออนไลน์ 24 ชั่วโมง พร้อมรับทุกเหตุฉุกเฉินของคุณ คลิกเช็คเบี้ย!
