7 อันดับรุ่นรถ ราคารถมือสองตกฮวบ สวนยอดขายรถ EV ที่พุ่งทะยาน

การเข้ามาตีตลาดอย่างเป็นทางการของรถยนต์ไฟฟ้าส่งผลทำให้รถมือสองราคาตกลงสวนทางกับยอดขายของรถไฟฟ้า EV ที่พุ่งกระฉูดและดูทีท่าว่าจะยังมาแรงต่อเนื่องอีกหลายปี แบบนี้หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหารถมือสองราคาดี คุ้มค่า ช่วงนี้เหมาะที่สุด รู้ใจ จึงรวบรวม 7 อันดับ รถยนต์ที่ราคารถมือสองตกหนักมาก มาให้คุณได้ทำความรู้จักคร่าว ๆ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ ซึ่งจะมีรุ่นไหนน่าสนใจ และตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้บ้าง ไปทำความรู้จักพร้อม ๆ กับเราได้เลย

• 7 อันดับ รถยนต์ที่ราคารถมือสองตกหนักมาก
  1. Honda HR-V รุ่นปี 2014-2021
  2. Volvo S60 / V60 รุ่นปี 2013-2017
  3. Nissan Teana L33 รุ่นปี 2013-2019
  4. Toyota Corolla Altis รุ่นปี 2014-2019
  5. Toyota Camry (ACV50) รุ่นปี 2012-2018
  6. Nissan Sylphy รุ่นปี 2012-2019
  7. Mercedes-Benz C350e (W205) รุ่นปี 2016-2019
• ซื้อรถมือสองแล้ว ควรทำประกันแบบไหน?

ท่ามกลางสถานการณ์รถไฟฟ้า EV ราคาดีที่เข้ามาตีตลาดในประเทศไทยตอนนี้ ส่งผลต่อ ‘ราคา’ ขายรถยนต์สันดาปทั้งป้ายขาวและป้ายแดงแทบทั้งสิ้น แต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่คุณจะได้รับรถยนต์สภาพดี ในราคาสบายกระเป๋า ถ้าอย่างนั้นเราไปดู 7 อันดับรถยนต์มือสอง ที่น่าจับตามองและครอบครองเป็นเจ้าของกันเลยดีกว่า

1. Honda HR-V รุ่นปี 2014-2021

หนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้น ๆ คือ Honda ซึ่งในปัจจุบันสามารถมองหารถยนต์มือสอง Honda HR-V ในราคาไม่เกิน 400,000 บาทได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในตอนนี้ที่รถไฟฟ้า EV เข้ามาตีตลาดในไทยอย่างหนัก ทำให้ HR-V รุ่นนี้ราคาตกอย่างช่วยไม่ได้

ซึ่งในราคานี้คุณจะได้รับรถที่มีขนาดเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และห้องโดยสารที่ค่อนข้างกว้าง ระบบเกียร์ทำงานอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนใหญ่จะมีราคารถยนต์มือสองเริ่มต้นที่ 380,000 บาท เห็นราคาดีแบบนี้ ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นรถสภาพเยิน ใช้งานไม่ได้ เพราะสภาพยังคงสมบูรณ์ ใช้งานได้ดีทุกระบบอีกยาว

2. Volvo S60 / V60 รุ่นปี 2013-2017

หนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความแข็งแกร่ง ทนทาน และเป็นที่หมายปองของใครหลาย ๆ คน แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้การจับจองเป็นเจ้าของห่างไกลไปทุกที แต่ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว เพราะรถมือสองราคาตกหนักมาก โดยเฉพาะทั้ง 2 รุ่นนี้ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีราคาเริ่มต้นที่ 280,000 บาทเท่านั้น กำเงินกลม ๆ 4 แสน ก็ครอบครองได้สบาย

แต่แนะนำให้เลือกรหัสที่เป็นไมเนอร์เชนจ์ที่จุกจิกน้อยกว่า หรือจะข้ามไปเล่นเครื่องดีเซลที่ประหยัดกว่าก็ดีไม่แพ้กัน ซึ่งมันจะช่วยให้คุณประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากโขเลยล่ะ แต่ถ้าคิดจะซื้อจริง ๆ ก็ต้องอดทนหน่อย เพราะในตอนนี้หายากมาก ๆ เลยล่ะ

3. Nissan Teana L33 รุ่นปี 2013-2019

หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบรถยนต์สันดาปที่เงียบ นิ่ม นุ่มนวล นิสสัน เทียน่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกรถยนต์มือสองที่น่าสนใจ โดยเฉพาะรุ่นนี้ที่รถมือสองราคาถูกลงจนน่าใจหาย มีราคารถมือสองในปัจจุบันอยู่ที่ 320,000-590,000 บาท แลกมาด้วยห้องโดยสารขนาดกว้างขวาง เงียบสงบ แม้จะมีข้อด้อยในเรื่องของเครื่องยนต์ ที่มีเฉพาะเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตรไม่มีไฮบริด

แต่ทางแบรนด์ก็ได้มีการปรับปรุงเรื่องอัตราสิ้นเปลืองค่อนข้างมาก ถึงอย่างนั้นก็ถือว่าสัดส่วนราคาเหมาะสม จับต้องง่าย หากต้องการครอบครองเป็นเจ้าของสักคัน ถือว่าคุ้มเลย แถมยังเป็นรถที่ปีไม่เก่ามากเท่าไหร่อีกด้วย

4. Toyota Corolla Altis รุ่นปี 2014-2019

หนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความอึด ถึก ทน บำรุงรักษาง่าย ต้องยกให้รุ่นนี้เลย อัลติส แถมในส่วนของอะไหล่ต่าง ๆ ก็มีอะไหล่ทางเลือกเพียบ ยิ่งไปกว่านั้นหากคุณต้องการจะเป็นเจ้าของรถแบรนด์นี้ รุ่นนี้ กำเงิน 300,000 บาท ก็เป็นเจ้าของได้สบาย ๆ เพราะตอนนี้รถมือสองราคาถูกลงจากเดิมมาก ๆ ซึ่งราคาโดยประมาณอยู่ที่ 250,000-390,000 บาท

5. Toyota Camry (ACV50) รุ่นปี 2012-2018

รุ่นรถที่หลาย ๆ บ้านวางใจกับชื่อนี้ คัมรี่ ปัจจุบันถือเป็นรถยอดนิยมในตลาดรถมือสองที่สดใหม่ โดยเฉพาะรุ่นที่ปีไม่เก่าเท่าไหร่นัก หรือเลือกรุ่นไฮบริดที่มีความโดดเด่นในเรื่องของประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์คนที่กำลังมองหารถยนต์มือสองที่คุ้มค่าแบบสุด ๆ 

บทพิสูจน์ของรุ่นนี้ผ่านมาหลายรุ่น และแม้จะผ่านการใช้งานมาค่อนข้างหนัก แต่ไม่ต้องกังวลเลย เพราะในเรื่องของการซ่อมบำรุงง่ายมาก ๆ มีอะไหล่เพียบ กำเงิน 4 แสนบาท ก็เป็นเจ้าของได้ทันที เพราะตอนนี้ราคารถมือสองขายกันอยู่ราว ๆ 380,000-750,000 บาท

6. Nissan Sylphy รุ่นปี 2012-2019

สำหรับคนที่อยากประหยัดแบบขั้นสุด นิสสัน ซิลฟี่ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะรถมือสองราคาถูกลงอยู่ที่ 190,000-320,000 บาท มาพร้อมกับออฟชั่นสุดครบครัน โดยเฉพาะรุ่น 1.8 ที่มีแอร์ตอนหลังมาให้ด้วย แต่ใด ๆ ก็ตามแนะนำให้ตรวจเช็คสภาพให้ดีก่อน เพราะรุ่นนี้หากเปรียบเทียบกับคนก็ถือว่า ‘มีโรคประจำตัว’ ที่ต้องคอยเฝ้าระวัง โดยเฉพาะอาการพัดลมหม้อน้ำไม่หมุน ที่อาจนำไปสู่ภาวะโอเวอร์ฮีตได้ง่าย ควรเช็คอะไหล่และชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ดี เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมาในอนาคต

7. Mercedes-Benz C350e (W205) รุ่นปี 2016-2019

สำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของ Mercedes-Benz อายุไม่เกิน 7 ปี รุ่นนี้เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ เพราะในปัจจุบันราคาไม่ถึงล้านแล้ว โดยราคารถมือสองเริ่มต้นที่ 650,000บาท ถ้าคิดจะเล่นคันนี้ เครื่องยนต์ Plug-in Hybrid ก็ต้องเสี่ยงดวงกันสักหน่อย เพราะค่าเปลี่ยนแบตสูงมาก 

แถมยังมีอาการประจำรุ่นที่ต้องใส่ใจมาก ๆ อย่างช่วงล่างถุงลมที่ชอบปล่อยให้ตัวรถลงไปนอนกับพื้น กรณีที่มองว่าเปลี่ยนเป็นคอยล์สปริงแล้วคุ้ม ก็จัดเลยอย่าให้เสีย เพราะถือเป็นรถมือสองที่ราคาน่าจับจองเป็นเจ้าของมาก ๆ

ผลของการเข้าตีตลาดและทำราคารถ EV ออกมาหลากหลาย ทำให้รถมือสองราคาถูกลงหลายรุ่น หลายแบรนด์ แล้วมีแบรนด์ไหนที่คุณกำลังอยากจะจับจองเป็นเจ้าของบ้างหรือเปล่า? แต่ไม่ว่าจะเล็งรุ่นไหน หรือแบรนด์ไหนไว้ ต่อให้ราคารถมือสองจะตกลงไปเยอะมาก ๆ ก็อย่าได้คิดด่วนตัดสินใจรวดเร็วเกินไป เพราะอาจเจอรถย้อมแมวขายได้ง่าย ๆ แนะนำให้ตรวจเช็คสภาพรถ และปัจจัยอื่น ๆ ให้ดีก่อนจะเป็นการดีที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นอาจต้องมานั่งปาดเหงื่อในภายหลังได้

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)

คำจำกัดความ

โอเวอร์ฮีต	ความร้อนสูงจนเกินไป เมื่อใช้กับรถหมายถึงภาวะที่ เครื่องยนต์มีความร้อนสูงเกินกว่าระดับปกติ
คอยล์สปริง	ชิ้นส่วนหนึ่งในระบบกันสะเทือนของรถยนต์ ทำหน้าที่ในการรองรับน้ำหนักของตัวรถ และยังช่วยดูดซับแรงกระแทกจากพื้นถนน
รถยนต์สันดาป	รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิงมาใช้สร้างพลังงานในการขับเคลื่อนรถ หรือก็คือ รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
ไมเนอร์เชนจ์	ไมเนอร์เชนจ์ (Minor Change) รถที่นำโมเดลรถเดิมมาปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่าง ๆ ยกเว้นตัวถัง เช่น เพิ่มสี เปลี่ยนไฟหน้าไฟท้าย