รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคใหม่ของยานยนต์ที่มีการพัฒนาออกมาเพื่อลดการใช้พลังงานน้ำมันที่กำลังค่อย ๆ หมดไปและการเผาไหม้ที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังมีเรื่องของรถไฟฟ้าที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ เช่น หากต้องการใช้ไฟบ้านในการชาร์จรถไฟฟ้าจะต้องมีการขอมิเตอร์พิเศษมาติดตั้งไว้ในบ้านด้วย
ยังมีคำถามและความสงสัยมากมายของรถไฟฟ้า รู้ใจขอพาทุกคนเตรียมความพร้อมก่อนการซื้อรถไฟฟ้าคันแรก ต้องเตรียมความพร้อมก่อนการใช้งานอย่างไรบ้าง รวมถึงแนะนำเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับรถไฟฟ้าให้คุณได้รู้เพื่อใช้รถไฟฟ้าได้เต็มประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด
ซื้อรถ EV คันแรกต้องเตรียมอะไรบ้าง ?
สำหรับรถไฟฟ้าหรือว่า รถ EV อาจไม่ใช่รูปแบบของยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด เพราะในภาคอุตสาหกรรมได้มีการผลิตรถไฟฟ้าออกมาใช้งานก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่เมื่อมีการผลิตรถไฟฟ้าเพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมมากขึ้น เพื่อทำให้การใช้งานทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่นไม่สะดุด
มาเช็คลิสต์ว่าเราพร้อมมั้ยที่จะมีรถไฟฟ้าสักคัน มาลองอ่านบทความนี้กัน
1.รถไฟฟ้าเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณมากแค่ไหน ?
คุณใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวันของคุณมากน้อยแค่ไหน และคุณใช้รถยนต์สำหรับการเดินทางไกลบ่อยหรือไม่ ซึ่งนี่คือคำถามสำคัญมาก ๆ ต่อการใช้งานรถไฟฟ้า ถึงแม้ว่ารถ EV จะไม่ต้องเติมน้ำมัน แต่ระยะทางที่สามารถวิ่งไปได้ก็จำกัด ขึ้นอยู่กับการเก็บพลังงานไฟฟ้า โดยส่วนใหญ่แล้วรถไฟฟ้าที่ชาร์จจนเต็ม สามารถวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 400-500 กิโลเมตร ดังนั้นหากคุณต้องขับรถอย่างต่อเนื่องในระยะทางไกล สิ่งนี้จะเป็นตัวตัดสินใจสำคัญว่ารถไฟฟ้าเหมาะสมกับคุณหรือไม่
2.มีเวลามากพอสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่มั้ย ?
ความสะดวกของรถไฟฟ้าคือ ไม่ต้องเติมน้ำมัน แต่ก็กลายเป็นอุปสรรคสำคัญเพราะระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มจะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง ซึ่งหากคุณสามารถเสียบไฟชาร์จไว้ข้ามคืนได้ สิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณเลย
แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องการใช้งานรถอย่างต่อเนื่อง หรือต้องการขับรถเพื่อการเดินทางเร่งด่วน การที่ต้องใช้เวลาชาร์จนานถึง 6-8 ชั่วโมง อาจทำให้แผนการเดินทางผิดพลาด อาจต้องพึ่งทางออกโดยการใช้สถานีชาร์จที่มีบริการแบบ DC Fast Charge แทน ที่ใช้เวลาการชาร์จราว 30-40 นาที แต่ก็ยังมีจำนวนจำกัดในไทย แน่นอนว่านี่แหละคือจุดเริ่มต้นของการวางแผนในการใช้รถ เส้นทาง และบริหารพลังงานที่มากขึ้น
3.พร้อมรับค่าใช้จ่ายในการติดตั้งจุดชาร์จมั้ย ?
ความเข้าใจผิดต่อรถไฟฟ้าในวันนี้ คือ สามารถเสียบชาร์จตรงไหนก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความอันตรายมาก ๆ เพราะระบบการรับประจุไฟฟ้าเข้าหม้อแบตเตอรี่ และพลังงานไฟฟ้าจากทางบ้านนั้นมีค่าความต่างศักย์ที่ต่างกัน หากไม่มีหัวแปลงไฟย่อมทำให้เกิดความเสียหายกับรถไฟฟ้าของคุณได้
ที่สำคัญ! การเสียบไฟบ้านเพื่อชาร์จรถยนต์จะต้องทำเรื่องขออนุญาตติดตั้งหม้อแปลงพิเศษสำหรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าและการคิดคำนวณค่าไฟ พร้อมกับการปรับเปลี่ยนสายไฟให้มีความทนทานเพียงพอต่อการจ่ายกระแสไฟฟ้าโดยไม่เกิดการช็อตขึ้นมาอีกด้วย โดยข้อกำหนดในปัจจุบันระบุให้ใช้สายไฟที่มีขนาด 25 ตร.มมสำหรับเครื่องจ่ายไฟของรถไฟฟ้าภายในบ้านของคุณด้วย
4.บริการซ่อมบำรุงและการบริการหลังการขายดีมั้ย ?
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับรถไฟฟ้า คือ ศูนย์ซ่อมบำรุงนั้นมีเพียงพอต่อสถานการณ์ฉุกเฉินมากน้อยแค่ไหน เราไม่สามารถมองแค่เรื่องราคารถที่ประหยัดลง หรือการประหยัดน้ำมันเท่านั้น แต่หากเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น หม้อแบตเตอรี่เก็บประจุไฟไม่ได้ หรือมีอะไหล่เฉพาะแบบบางอย่างมีปัญหา จะมีศูนย์ซ่อมที่พร้อมให้การดูแลมั้ย รองรับเรื่องอะไหล่ มีให้เบิกใช้ทันทีได้มั้ย คำถามของปัญหาเหล่านี้คุณต้องมีคำตอบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อรถไฟฟ้าสักคัน
เพราะถ้าคุณต้องซื้อรถมาหนึ่งคันแล้วบทสรุปของเรื่องที่การจอดแช่เอาไว้ที่บ้านเพราะซ่อมไม่ได้ มันคือฝันร้ายของการใช้รถยนต์นี่เอง การซ่อมบำรุงและการดูแลหลังการขายจึงนับเป็นเรื่องที่ความจำเป็นอย่างมากสำหรับการใช้งานรถไฟฟ้าในเวลานี้
5.ศึกษาข้อควรระวังในการใช้รถไฟฟ้า คุณพร้อมดูแลรักษารถไฟฟ้าแล้วหรือยัง ?
อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้ใช้งานรถไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ การดูแลรักษาจากเจ้าของรถ ยิ่งคุณดูแลรถของคุณมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของรถไฟฟ้าก็ยิ่งยาวนานมากขึ้นเรื่อย ๆ รู้ใจขอแนะนำเทคนิคขั้นพื้นฐานสำหรับการดูแลรถไฟฟ้าที่คุณก็สามารถทำได้มาฝากให้กับทุกคน ดังนี้
- ตรวจสอบการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่เสมอ
การมีรถไฟฟ้าสักคันเจ้าของต้องดูแลอย่างเคร่งครัด โดยนำรถเข้ารับการตรวจสอบมอเตอร์ตามระยะที่ตัวรถกำหนด หมั่นตรวจสอบการทำงานของมอเตอร์อยู่เสมอ เพราะตัวรถลดทอนการตรวจสอบและการใช้งานในรูปแบบเดิม ๆ ที่เคยมีในรถยนต์น้ำมัน เช่นการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ หรือ น้ำมันเครื่อง อย่าปล่อยให้ความสะดวกสบายแค่ชั่วคราว กลายเป็นความละเลยที่ทำให้ลดอายุการใช้งานของรถไฟฟ้าของคุณ
- ตรวจสอบหม้อแบตเตอรี่และระบบไฟ
สิ่งที่สำคัญต่อมาสำหรับการดูแลรถไฟฟ้าคือ หม้อแบตเตอรี่ ความแตกต่างของหม้อแบตเตอรี่ของรถยนต์ดีเซลกับรถไฟฟ้าคือ แบตเตอรี่ของรถไฟฟ้าจะมีประจุไฟใหม่เข้าไปอยู่เรื่อย ๆ ดังนั้นการทำตามมาตรฐานของรถแต่ละยี่ห้อจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก ๆ อย่าดัดแปลงระบบการชาร์จไฟโดยที่คุณไม่มีความรู้ เพราะนั่นอาจทำให้เกิดการลัดวงจรและสร้างความเสียหายให้กับรถหรือพื้นที่เสียบชาร์จไฟในบริเวณนั้น
- ห้ามจอดตากแดด
ตัวการสำคัญที่ทำให้หม้อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วคือ ความร้อนที่สูงขึ้น ดังนั้นการจอดรถเอาไว้กลางแดดอยู่เป็นประจำถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำมาก ๆ หากคิดใช้รถไฟฟ้าแล้วต้องมองหาสถานที่จอดที่มีร่มเงาจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถไฟฟ้าให้สามารถเก็บประจุไฟได้เป็นปกติและยังทำงานได้มีประสิทธิภาพเสมอ
- ตรวจเช็ครถตามระยะทางอย่างเคร่งครัด
การซ่อมบำรุงตามระยะไมล์จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถไฟฟ้าของคุณ ซึ่งสิ่งนี้เป็นส่วนเสริมในบริการหลังการขายที่ทางผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าต้องมีให้คุณ การซ่อมบำรุงตามระยะต้องหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอและอย่าปล่อยให้เลยเวลาไป เพราะมันส่งผลต่อประสิทธิภาพ รวมถึงความปลอดภัยในการใช้งานรถไฟฟ้า
สุดท้ายแล้ว ถึงแม้รถไฟฟ้าจะเป็นทางเลือกในการประหยัดเงิน โดยเปลี่ยนจากการเติมน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้า แต่ก็ยังมีข้อจำกัดและยังต้องศึกษาข้อมูลให้เข้าใจเพื่อความคุ้มค่าที่สุดในการใช้งาน ที่สำคัญอย่าลืมการทำประกันรถไฟฟ้า เพราะในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะรถชน รถหาย น้ำท่วมหรือเหตุการณ์อื่น การเรียกประกันจะช่วยรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเร่งด่วน และครอบคลุมมากที่สุด โดยเงื่อนไขและความคุ้มครองจะเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด อย่าลืมตรวจเช็คความคุ้มครองว่าครอบคลุมรถไฟฟ้าของเราแล้วหรือยังก่อนเลือกทำประกันภัยด้วยนะครับ
เลือกซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า ซื้อง่าย ราคาดี ประหยัดสูงสุด 30% และมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชม. มีศูนย์และอู่ซ่อมในเครือทั่วไทย พร้อมรับประกันคุณภาพงานซ่อม 12 เดือน
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)