ในกลุ่มบรรดารถอเนกประสงค์ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้หลากหลาย ทั้งรถครอบครัว ท่องเที่ยว ใช้ในชีวิตประจำวัน รถ 7 ที่นั่ง รวมถึงบรรดานักช็อปทั้งหลายเหมาะอย่างยิ่งสำหรับรถประเภทนี้ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่การบรรจุสัมภาระที่มากกว่า รวมถึงนำสัมภาระเข้าออกได้อย่างสะดวกสบาย
โตโยต้า เซียนต้า
เพิ่งเปิดตัวในบ้านเราได้ไม่นาน เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ MPV รูปแบบใหม่ภายใต้รูปแบบรถยนต์นั่งประเภท Compact Multi-purpose Vehicle ที่ออกแบบให้มี 3 แถว 7 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งเบาะนั่งเพื่อบรรทุกสัมภาระได้เยอะขึ้น และมีประตูสไลด์อัตโนมัติ การออกแบบภายนอกล้ำสมัยตลอดทั้งคัน โดดเด่นด้วย ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ Bi-Beam LED ,ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights แบบ LED, ไฟหรี่ และไฟท้าย LED แบบ Light Guiding , กระจกมองข้างพับ/ปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว, ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ,ปลอกหุ้มท่อไอเสีย
ภายในห้องโดยสารเพียบพร้อมด้วยพวงมาลัยไฟฟ้า พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและ MID, เครื่องเล่น DVD / CD / MP3 / WMA หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ควบคุมอุณหภูมิแบบ Digital, มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron, จอแสดงข้อมูลขับขี่ MID (Multi-information display) แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว, ระบบสตาร์ทแบบ Push Start, ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) ประตูข้างซ้าย-ขวา สไลด์อัตโนมัติ, เบาะที่นั่งพับ/ปรับเปลี่ยนได้ เพื่อพื้นที่สัมภาระท้ายขนาดใหญ่, เบาะพับง่ายแบบ 1-Touch Tumble, จอ LED ขนาด 8 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง, ที่เก็บของบริเวณคอนโซลหน้า พร้อมระบบรักษาความเย็น (Cool Box) ,ที่วางของ และช่องเก็บของสำหรับผู้โดยสารทุกแถว, กล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะ ขุมพลังเป็นแบบเบนซินขนาด 1.5 ลิตร Dual VVT-i 108 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที, ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แก๊สโซฮอล์ E20, มาตรฐานไอเสียยูโร 4, อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 16.1 กม./ลิตร ผสมกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบ Sport Sequential Shift 7 สปีค
เหมาะสำหรับขาช็อปรุ่นใหม่ ที่เน้นซื้อของจุกจิก แต่มีหลายชิ้น เพียงแค่พับเบาะนั่งแถวที่ 3 ก็มีพื้นที่เหลือเฟือมากกว่าท้ายรถซีดานทั่วไป อีกทั้งยังได้ความสูงของหลังคาทำให้ง่ายในการนำสัมภาระเข้ารถ แต่ถ้าสัมภาระที่มีความยาวยังสามารถพับเบาะที่นั่งแถว 2 ลงได้อีก ราคารถใหม่โตโยต้า เซียนต้า มีด้วยกัน 2 รุ่น คือ 1.5 V เกียร์อัตโนมัติ ราคา 865,000 บาท และ 1.5 G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 750,000 บาท
ซูซูกิ เออร์ติกา
รถในรุ่นนี้เปิดตัวในบ้านเรามาได้ 2 ปี และเพิ่งเผยโฉมปี 2016 แบบเงียบๆ ไปไม่นานนี้ แต่ยังคงเป็นรถอเนกประสงค์ 3 แถว 7 ที่นั่ง แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย GL และ Dreza ในสไตล์ที่แตกต่างกัน ในรุ่น GL จะได้กระจังหน้าขอบโครเมียมขนาดใหญ่กว่าเดิม ส่วนกันชนออกแบบใหม่ลดขนาดช่องดักอากาศตรงกลางให้เล็กลง แต่ขยายเบ้าไฟตัดหมอกที่ประกบอยู่ด้านข้างให้ใหญ่ขึ้น และรุ่น Dreza มีกระจังหน้าแบบสปอร์ต ตกแต่งด้วยโครเมียมส่วนปลายทั้ง 2 ข้างติดตั้งไฟ LED มาให้ การออกแบบภายในไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ตั้งแต่แผงหน้าปัด ระบบปรับอากาศแถวหลัง เบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ยังให้ความสะดวกสบาย และกว้างขวางเหมือนเดิม แต่ในรุ่นย่อย Dreza จะได้ห้องโดยสารสีครีมตัดกับเบาะผ้าสีเทา ดูแลรักษาง่าย ในขณะที่ความอเนกประสงค์ในการปรับพับเบาะในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานหรือบรรทุกสัมภาระที่แตกต่างกันออกไปนั้นยังชูจุดเด่นเหมาะสำหรับนักช็อปเป็นอย่างยิ่ง
เครื่องยนต์เดิมแบบ 4 สูบ ขนาด 1,373 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 130 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่วนระบบความปลอดภัยอย่างถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารแถวหน้ามีมาให้ครบทั้งรุ่นย่อย GL และ Dreza ซูซูกิ เออร์ติกา นั้นการใช้งานไม่แตกต่างจากโตโยต้า เซียนต้า มากนัก เหมาะสำหรับนักช็อปปิ้งหน้าใหม่ เน้นเดินห้าง เข้าศูนย์การค้าในเมืองเป็นหลัก การปรับพื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารก็ไม่แตกต่างกัน ข้อด้อยเพียงอย่างเดียวคือประตูด้านข้างไม่ได้เป็นแบบสไลด์ การนำของเข้าจึงต้องพึ่งประตูฝาหลังเป็นหลัก
สำหรับราคารถใหม่ซูซูกิ เออร์ติกา คือรุ่น GL ราคา 655,000 บาท และ Dreza ราคา 715,000 บาท
ฮอนด้า บีอาร์-วี
มาดูรถอเนกประสงค์ในแบบสปอร์ตครอสโอเวอร์ขนาดซับคอมแพคท์ กันบ้าง ฮอนด้า บีอาร์-วี ใหม่ รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบภายใต้แนวคิด Active Solid Motion ที่สะท้อนความแข็งแกร่ง ทรงพลัง ในสไตล์รถ SUV ยกสูง ด้านหน้ายังคงเอกลักษณ์ Solid Wing Face ตามสไตล์ฮอนด้าที่ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวทันสมัย ไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อมไฟหรี่แบบ LED เช่นเดียวกับไฟท้าย LED ถูกดีไซน์ให้เป็นรูปตัว C ร่วมกับการใช้เส้นสายที่ต่อเนื่องเพื่อทำให้ตัวรถดูกว้างขึ้นนอกจากนี้ยังได้ติดตั้งราวหลังคา (Roof Rail) มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานครบในทุกรุ่นรวมถึงล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว
ภายในมาในคอนเซปต์ Premium & Active เพื่อให้รู้สึกถึงความหรูหราและแข็งแกร่งในแบบรถ SUV ด้วยการใช้โทนห้องโดยสารสีดำ ทุกรุ่นจะมีมาตรวัดเรืองแสงสีขาว พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID รวมถึงลูกเล่นอย่างไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด ช่องจ่ายไฟสำรองและที่วางแก้วน้ำมาให้มากถึง 11 จุด โดยในรุ่นเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง จะอยู่ในรุ่น SV โดยพนักพิงเบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเอนได้ 2 ระดับและตัวเบาะยังสามารถเลื่อนไปด้านหน้า-หลังได้ เพื่อความสะดวกในการเข้าออกของผู้โดยสารในแถวที่ 3 โดยเบาะนั่งในแถว 3 นี้ยังมีพื้นที่วางขากว้างขวางและพนักพิงสามารถแยกพับลงมาได้แบบ 50 : 50 หรือพับตลบยกขึ้นไปด้านหน้าเพื่อเพิ่มเนื้อที่ในการบรรทุกสัมภาระได้อีกด้วย
เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ (One Push Ignition System), ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System), ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว ที่รองรับระบบปฎิบัติการ iOS และ Android รวมถึงช่องเชื่อมต่อ HDMI USB และ AUX พร้อมลำโพง 4 ตำแหน่ง, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นควบคุมเครื่องเสียง รวมถึงระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth
ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร SOHC i-VTEC 16 วาล์ว 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาทีและแรงบิดสูงสุด 146 นิวตันเมตรที่ 4,700 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่รองรับพลังงานทางเลือก E85
ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็กเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีมแบบ H Shape ที่ให้ประสิทธิภาพและสมรรถนะการขับขี่ที่แม่นยำและคล่องตัว ฮอนด้า บีอาร์-วี นั้นเหมาะสำหรับนักช็อปรุ่นใหญ่ขึ้นมาหน่อย เน้นความหรูหรา รวมถึงพื้นที่การขนสัมภาระนั้นก็กว้างขึ้นเช่นกัน ราคาฮอนด้า บีอาร์-วี รุ่น SV นั้นอยู่ที่ 820,000 บาท
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต
ขยับขึ้นมาดูรุ่นใหญ่กันบ้าง มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ตนั้นเพียบพร้อมด้วยออฟชั่นที่คุ้มค่ากับราคาเป็นอย่างยิ่ง ในรุ่นใหม่นั้นออกแบบได้ล้ำสมัยอบ่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Bi-LED พร้อมระบบปรับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ และไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบสเปคตรัม เช่นเดียวกับไฟท้ายแบบสเปคตรัม LED เพิ่มความสวยงามล้ำสมัยด้วยการออกแบบแนวตั้งมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งในระยะใกล้และระยะไกล ในส่วนล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 18 นิ้ว สีทูโทน
ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยโทนสีดำ พร้อมการตกแต่งแบบสีเงิน ซิลเวอร์ เดคคอเรชั่น ผสมผสานกับสีดำแบบ Piano Black ที่บริเวณแผงคอนโซลหน้า แผงประตู และคอนโซลกลาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังแบบ 4 ก้าน สามารถปรับตำแหน่งได้ 4 ทิศทาง พร้อมสวิตช์ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ บนพวงมาลัย ขณะที่มาตรวัดความเร็วและความเร็วรอบดูง่ายชัดเจนพร้อมจอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์ (Multi-information display) ที่แสดงผลข้อมูลได้หลากหลาย ทั้งอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ระยะทางขับขี่ที่เหลือจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง
เบาะนั่งได้รับการออกแบบใหม่ (ergo seat design) ให้โอบรับกับสรีระของผู้นั่งมากยิ่งขึ้น โดยคู่หน้าปรับระดับได้ 8 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า ในขณะที่เบาะนั่งแถวที่สองสามารถแยกพับแบบ 60:40 ซึ่งพนักพิงสามารถปรับเอนและพับไปข้างหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการใช้งาน ส่วนเบาะนั่งแถวที่สามสามารถแยกพับให้ราบไปกับพื้นห้องโดยสารเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้มากขึ้น เครื่องยนต์ดีเซลรหัส 4N15 แบบ 4 สูบ ไมเวค คลีนดีเซล ขนาด 2.4 ลิตร เทอร์โบแปรผัน พร้อมการฉีดน้ำมันด้วยอัตราส่วนกำลังอัดต่ำเพียง 15.5:1 โดยให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที
มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต โดดเด่นด้วยระบบความปลอดภัยที่ใส่กันมาแบบเต็มที่ เหมาะสำหรับนักช็อปรุ่นใหญ่ ที่ชอบออกไปช็อปปิ้งนอกเมือง ด้วยพื้นที่บรรทุกสัมภาระที่กว้างขวางทั้งในแนวนอน และความสูง ช็อปได้ตั้งแต่ทีวี จอ LCD ขนาดใหญ่ เฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงต้นไม้ กรงสุนัข หลากหลายไลฟ์สไตล์นักช็อปกันเลยทีเดียว มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มีราคาตั้งแต่ 1.164 – 1.474 ล้านบาท
อีซูซุ มิวเอ็กซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์
ยังเป็นรถอเนกประสงค์ในแนว PPV สำหรับขาช็อปที่ชอบรถใหญ่แต่เน้นประหยัดพลังงาน อีซูซุ มิวเอ็กซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ นับเป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีดีเซลแห่งอนาคต ที่เปี่ยมไปด้วยความแรงและความประหยัด เป็นมิตรกับสื่งแวดล้อมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแน่นอน เอกลักษณ์ภายนอกโดดเด่นมาพร้อมกระจังหน้าแบบ 3-Dimension เช่นเดียวกับในรุ่นอีซูซุ ดีแมคซ์, ล้ออัลลอย Dynamic Black, ไฟท้ายดีไซน์พิเศษ แบบ Arc-dimension
ภายในหรูหราสไตล์ Modern Art Deco โทนห้องโดยสารสีเข้มแนวสปอร์ต ดูกว้างขวางและหรูหรา พร้อมระบบความบันเทิงใหม่ล่าสุด สามารถเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนรองรับทั้งระบบ Android และ iOS เพื่ออัพเดทความบันเทิงและข้อมูลต่างๆ อย่าง่ายดาย ระบบเสียงแบบ Surround Sound System 8 ลำโพง สั่งการผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และมีจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 10.5 นิ้ว เพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่ยิ่งขึ้น เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ชนิดพิเศษ ให้สัมผัสนุ่มสบายทุกอิริยาบท พร้อมเบาะไฟฟ้า 6 ทิศทาง
ขุมพลังยังเป็นดีเซลแบบ 4 สูบ คอมมอนเรล ไดเร็กต์อินเจ็กชั่น แต่ความจุน้อยขนาด 1.9 ลิตร มาพร้อมเทอร์โบแปรผัน VGS และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800 – 2,600 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ออโตเมติก 6 สปีด ทำงานได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล หรือ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมระบบ Genius Sport Shift พร้อมเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์ถึง 2 ตำแหน่งที่เกียร์ 5 และ 6
ความปลอดภัยติดตั้งด้วยดิสก์เบรกขนาดใหญ่แบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ และระบบเบรก ABS พร้อมกล้องมองหลังขณะถอยจอด โครงสร้างเสริมเหล้กกล้า High Tensile Strength Steel
นักช็อปที่ชอบความหลากหลายในการจับจ่ายซื้อของ และไม่เกี่ยงสถานที่ช็อปแบบไปได้อย่างมั่นใจ อีซูซุ มิวเอ็กซ์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกได้เลยทีเดียว ทำให้มั่นใจได้อย่างเต็มที่ สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของ อีซูซุ มิวเอ็กซ์ ราคารถใหม่เริ่มตัน 1.094 – 1.324 ล้านบาท